“ของในห้องขาดเหลืออะไรอีกบ้าง” นั่งกินมื้อเย็นไปได้สักพักเขาก็ถามขึ้น
“คิดว่ามีครบแล้วนะคะ”
“แต่ในตู้เย็นของเธอมันมีแค่น้ำ” ตั้งแต่เข้าห้องมาเขาก็สังเกตทุกอย่างในห้อง ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างมีครบเพราะคอนโดมีให้ แต่ถ้าจะขาดก็คงจะมีแค่ของกิน
“อ๋อค่ะ ฉันซื้อมาแค่น้ำ”
“ไม่คิดจะซื้อของกินติดห้องไว้บ้างหรือไง เผื่อจะหิวตอนดึก”
“ฉันไม่ชอบกินจุกจิกตอนกลางคืน” นับดาวรีบตอบออกไป จะว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง แต่สถานการณ์ตอนนี้เธอคิดว่าไม่กินจะดีกว่า ประหยัดเงินเอาไว้ก่อน
หลังจากกินเสร็จนับดาวก็เก็บจานไปล้าง ส่วนไต้ฝุ่นก็เดินออกจากห้องไปเลยไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือว่ากินอิ่มแล้วเลยจะกลับเพนท์เฮาส์เลย
เวลาผ่านไปราว ๆ สิบห้านาทีเสียงกริ่งหน้าประตูห้องของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง นับดาวลุกขึ้นไปดูก็เป็นหนุ่มรุ่นพี่จึงได้เปิดประตูให้
“มาทำไมอีกคะ”
“เอาไป” เขายื่นถุงใบใหญ่ในมือให้ แล้วก็หันหลังเดินออกไปเลย
นับดาวกางถุงออกก้มลงมองของที่อยู่ด้านใน ก็มีทั้งขนมขบเคี้ยว ขนมปัง นม น้ำผลไม้ ไข่ไก่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เธอรีบชะเง้อคอออกไปนอกประตู และยังเห็นแผ่นหลังของเขาอยู่ก็รีบตะโกนออกไป
“ขอบคุณนะคะ” ไม่รู้ว่าไต้ฝุ่นจะได้ยินหรือเปล่า แต่อย่างน้อยเธอก็ต้องพูดคำนี้ออกไป ไม่อย่างนั้นจะไม่สบายใจที่เอาแต่รับของของเขามา
นับดาวนำของกินที่ไต้ฝุ่นซื้อมาให้ไปเก็บในตู้เก็บของในห้องครัวแล้วเข้าไปอาบน้ำ
เธอขึ้นมานอนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุต หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาผู้เป็นแม่ ป่านนี้ก็น่าจะเดินทางไปถึงเชียงใหม่แล้ว
“ถึงเชียงใหม่รึยังคะแม่”
(มาถึงแล้วจ้ะ นี่ก็เพิ่งจะกินข้าวกันเสร็จ กำลังจะไปอาบน้ำ)
“อากาศที่นู้นคงจะเย็นสบายกว่าที่นี่มากเลยนะคะ”
(จ้ะ อากาศที่นี่ดีมาก เสียดายที่ลูกไม่ได้มาด้วย แล้วนี่ลูกกินข้าวรึยัง)
“กินแล้วค่ะ”
(อยู่คนเดียวต้องกินข้าวให้ตรงเวลาและดูแลตัวเองดีๆ นะนับดาว พ่อกับแม่เป็นห่วง)
“ค่ะแม่ งั้นแม่ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ฝันดีนะคะ”
(ฝันดีจ้ะ)
เธออยากจะบอกว่าคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน แต่ก็กลัวพวกท่านจะเป็นกังวล
นักศึกษาคนอื่นที่จากบ้านมาเรียนไกลๆ เขายังอยู่กันได้เลย เธอก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้เหมือนกัน อย่างน้อยที่มหาวิทยาลัยก็ยังมีเพื่อน มีคนรู้จัก เลิกเรียนก็ยังมีงานแม่บ้านที่ต้องทำ ค่ำมาก็กลับคอนโดมาหาข้าวกิน อาบน้ำและเข้านอน นับดาวได้แต่ให้กำลังใจตัวเอง
คืนแรกของการนอนคนเดียวในห้องโล่งกว้างและสถานที่แปลกใหม่ทำให้เธอไม่คุ้นชินกับที่นอนเอาเสียเลย ไม่ว่าจะข่มตานอน จะพลิกตัวไปมาก็ไม่อาจจะหลับลงได้ เธอจึงลุกไปอุ่นนมที่หนุ่มรุ่นพี่ซื้อมาให้เผื่อได้กินอะไรอุ่นๆ จะทำให้ผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น
หลังจากกินนมเสร็จเธอก็ขึ้นมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง และผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
นับดาวตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่หลังจากได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกตอนเจ็ดโมงครึ่ง วันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงและคอนโดก็ยังอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เดินทางไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง
เธอลุกออกจากเตียงเข้าไปหุงข้าวทิ้งไว้แล้วก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แล้วออกมาทอดไข่เจียวกินกับข้าวหุงร้อนๆ ที่สุกพอดี ส่วนข้าวที่เหลือในหม้อเธอก็จัดการตักใส่กล่องแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น ช่วงเย็นจะได้นำมาทำข้าวผัดต่อ
นับดาวเข้าเรียนคาบแรกในชุดวิชาการวิจัยการตลาด โดยที่มีเพื่อนสนิทอย่างของขวัญมานั่งเรียนอยู่ด้วย
“คอนโดใหม่เป็นยังไงบ้าง นอนหลับสบายดีไหม” เสียดายที่เมื่อวานมีนัดกับพี่ชาย และนับดาวก็ย้ายกะทันหันโดยที่ไม่บอกล่วงหน้าทำให้ไปได้ไปหา
“ก็สบายดี” นับดาวตอบเพื่อนสวนทางกับความเป็นจริง เพราะกว่าเธอจะหลับลงได้นี่ไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่โมง แต่ที่แน่ๆ มันเลยห้าทุ่มขึ้นไปอย่างแน่นอน
“ช่วงนี้สีหน้าแกดูเหนื่อยๆ นะ เย็นนี้เราไปหาอะไรทำคลายเครียดกันดีไหม” ของขวัญพอจะรู้เรื่องครอบครัวของนับดาวจากคำบอกเล่าของเจ้าตัวอยู่บ้าง แต่บางเรื่องนับดาวก็ไม่ได้บอกเธอทั้งหมด
“ฉันไปไม่ได้หรอก” เพราะเธอยังต้องไปทำงานชดใช้หนี้ต่อ
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ฉันต้องไปทำงานน่ะ”
“โถ่ เพื่อนรักของฉัน แค่เรียนก็เหนื่อยจะแย่แล้ว นี่ยังต้องไปทำงานอีก ถ้าแกมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะ” ของขวัญพร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนเสมอ
“ขอบใจแกมากนะเพื่อนรัก” นับดาวส่งยิ้มหวานทำตายิบๆ ส่งไปให้เพื่อน
“ว่าแต่แกไปทำงานอะไรเหรอ”
“งานแม่บ้านน่ะ”
“ฉันหางานใหม่ให้เอาไหม แกชอบแพ้ไม่ใช่เหรอ งานแบบนี้คงไม่เหมาะหรอก” ของขวัญชักจะเป็นห่วงเพื่อน งานพาร์ตไทม์มีตั้งมากมาย ทำไมนับดาวถึงเลือกจะทำงานแม่บ้าน
“ไม่เป็นไร ฉันทำได้”
“โอเคๆ ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันแล้วกัน” เมื่อนับดาวยืนยันที่จะทำ ของขวัญจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อว่าไปทำงานงานที่ไหน
วันนี้นับดาวมีเรียนถึงแค่บ่ายสอง และไม่รู้ว่าหนุ่มรุ่นพี่มีเรียนในเวลาใดบ้าง ช่องทางการติดต่อก็ไม่เคยขอเอาไว้ เธอจึงแยกตัวกับของขวัญแล้วไปยืนรอแถวๆ หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์เผื่อว่าจะเจอกัน
ไต้ฝุ่นที่กำลังลงมาจากตึกคณะพร้อมกับกลุ่มเพื่อนก็เห็นหญิงสาวหันซ้ายหันขวาราวกับมองหาใครบางคน เขาจึงหันไปเอ่ยกับเพื่อนที่มาด้วยกัน
“มึงไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูตามไป” ไต้ฝุ่นบอกกับกลัฟ เพื่อนสนิทที่เรียนสาขาเดียวกัน หลังจากเรียนคาบนี้เสร็จพวกเขามีนัดเตะฟุตบอลกัน
“นี่มึงแอบนัดสาวไว้เหรอวะ” กลัฟตบบ่าเพื่อนราวกับรู้ทัน
“สาวบ้านมึงน่ะสิ กูมีธุระ ขอเวลาแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวกูตามไป” ไต้ฝุ่นเอ่ยพลางมองหน้าเพื่อนสลับกับเบี่ยงสายตามองไปที่หญิงสาวที่ยังมองไม่เห็นเขา
“เออๆ” กลัฟเออออตามเพื่อน ไต้ฝุ่นบอกมีธุระก็คือธุระ ยอมเชื่อเพื่อนมันหน่อย จากนั้นก็แยกตัวไปรอที่สนามฟุตบอล
ไต้ฝุ่นเดินเข้าไปหานับดาวที่ตอนนี้ย้ายไปนั่งที่ม้าหินอ่อน คงจะมายืนรออยู่นานเลยเมื่อย
“มาทำอะไรที่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้านหลังก็ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งโหยง
“เอ่อ… ฉันมารอพี่นั่นแหละ”
“รอฉันทำไม ไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมง อย่าบอกนะว่าคิดถึง” ไต้ฝุ่นกระตุกยิ้มมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
“ไม่ตลกค่ะ” แม้จะรู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาเสียดื้อๆ ที่ถูกแซวแบบนั้น แต่นับดาวก็แสร้งปั้นสีหน้าจริงจังเพื่อกลบเกลื่อน
“สรุปมาทำไม” ไต้ฝุ่นเริ่มใช้น้ำเสียงเข้ม หยอกนิดหยอกหน่อยไม่ได้ก็เข้าคำถามเลยแล้วกัน
“ฉันเลิกเรียนแล้วค่ะ”
“แล้วยังไง”
“ก็จะเข้าไปทำความสะอาดที่เพนท์เฮาส์ แต่ไม่รู้ว่าพี่เลิกเรียนกี่โมง เบอร์ก็ไม่มีถึงต้องมาดักรอถามนี่ไงคะ”
“เอาโทรศัพท์ของเธอมานี่” ไต้ฝุ่นยื่นมือออกไปตรงหน้า ในเมื่อกล้ามาขอกันแบบนี้ เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ
“เอาไปทำไมคะ”
“จะเอาไหมล่ะเบอร์”
“อะ อ๋อ เอาค่ะ” นับดาวรีบเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบโทรศัพท์ยื่นให้กับหนุ่มรุ่นพี่
ไต้ฝุ่นบันทึกเบอร์ของเขาไว้ในโทรศัพท์มือถือของนับดาว และกดโทรออกมายังเครื่องของเขาเพื่อบันทึกเบอร์ของเธอเช่นเดียวกัน จากนั้นเขาก็ถือวิสาสะแอดไลน์ของกันและกัน
“รหัสส่งให้ในแชท ฉันไว้ใจเธอขนาดนี้หวังว่าคงไม่ยกเค้าฉันนะ” ไต้ฝุ่นเอ่ยพลางยื่นโทรศัพท์ส่งคืนเจ้าของ