เท้าที่ก้าวออกจากเรือนของตน มุ่งไปยังเรือนอักษร
ร่างกายนั่งนิ่งบนเก้าอี้ครุ่นคิดว่าเหตุใดนางถึงอยากตายนัก หากเป็นคนอื่น แม้นมิได้กระทำความผิด อย่างไรก็จะหาหนทางให้ตนหลุดพ้นจากความตาย แต่นางไม่ยอมรับว่ากระทำผิดอีกทั้งต้องการที่จะตาย ช่างน่าขันยิ่งนัก นางเป็นใคร? หากนางเป็นนักฆ่า แล้วทำงานไม่สำเร็จ ย่อมต้องปลิดชีพทันที แต่นางกลับไม่ทำ คำถามเกิดขึ้นซ้ำๆ จนเขาอยากจะสืบเรื่องราวของนางให้มากกว่าที่รู้มา
ร่างกายที่เหนื่อยล้า แต่ใจที่แข็งแกร่งทำความสะอาดเรือนของเจ้าของจวนอย่างมิอิดออด นางนึกขันตัวเองว่าในเมื่ออยากตาย เหตุใดไม่ยอมรับไปเสีย แต่เธอจะไม่ใช่คนขลาดที่เกรงกลัวพวกมีอำนาจ ในเมื่อยอมรับก็ตาย ไม่ยอมรับก็ตาย แล้วเหตุใดคนของนางจะต้องยอมรับด้วย คนที่คิดฆ่าท่านเสนาบดีหวงต้องเป็นคนในจวนนั้นเป็นแน่ นางเป็นเพียงเหยื่อที่ถูกใครบางคนลากเข้ามาเล่นเกมชีวิตด้วย เพราะอะไรนะหรือ? เหตุผลง่ายเพียงนิด เพราะว่าตัวเองดันไปรู้ความลับของคนในครอบครัวนั้นนั่นเอง
" หากโลกนี้มีวิญญาณจริง ลุงหวงช่วยด้วยนะเจ้าคะ " นางเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและเหนื่อยล้า แต่มือยังทำงานเหมือนเดิม
ข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ถึงแม้จะไม่มากนักในการเก็บกวาด แต่เฉี่ยวอวี้เสียเวลาในการยกโต๊ะอันหนักอึ้งให้ตั้งตรง กลับมาเหมือนเดิมเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนาง เพราะนางยกเท่าไหร่ก็มิอาจยกขึ้นหรือขยับแต่อย่างใด นางจำต้องใช้ความพยายามในการยกเพื่อจะสอดไม้หรือวัตถุบางอย่างเพื่อเพิ่มช่องว่างของโต๊ะ ในการยกมันขึ้นมา นางทำอยู่นานจนเรี่ยวแรงของนางแทบหมด และกว่าจะเก็บของทำความสะอาดจนเสร็จ นางก็เหนื่อยอ่อนจนล้าไปทั้งตัว นางสำรวจความเรียบร้อยของห้องแล้วนั่งพักสักครู่หวังเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดการนั่งพักของนางทำให้นางเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ จวบจนนางสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับบางอย่าง
" โครม! " เสียงน้ำจากถังไม้ใบใหญ่ถูกสาดเข้ามาใส่ในร่างนางอย่างมิได้ปรานี ว่าร่างสาวน้อยจะเย็น หรือหนาวสั่นเพียงใด เพราะมันเป็นการกระทำของเจ้าของจวน
" ตื่นแล้วหรือ ข้าให้เจ้าทำงานมิได้ให้เจ้านอนหลับ " เสียงราบเรียบแต่แฝงไอสังหารเอ่ยขึ้น นางลุกขึ้นทั้งๆ ที่ร่างกายเปียกปอน ชุดแนบลำตัวเผยให้เห็นรูปร่างและทรวดทรง แต่สิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด ส่วนนางก็คร้านที่จะใส่ใจ นางสวนกลับทันที
" ข้าก็ทำเสร็จแล้วไงเล่า ท่านก็ดูสิ " เขาแสร้งมองไปยังเรือนของตัวเอง ยกคิ้วเป็นเชิงและเดินไปมองรอบๆ และแกล้งหยิบหนังสือหรือสิ่งของขึ้นมาสำรวจแล้วเขวี้ยงทิ้งลงพื้น
" ยังไม่เสร็จ ทำใหม่!"
" ท่าน!"
" ทำไม? "
" สารเลว จะสั่งฆ่าก็จัดการเลยสิ มัวช้าอยู่ไย แต่จำไว้อย่าง คนอย่างข้าไม่ใช่คนขลาดที่กลัวอำนาจอุปโลกน์หรอกนะ คนชั่วอย่างไรมันก็ชั่วโดยสันดาน ยากที่จะปรับตัว "
" เจ้าว่าใครชั่ว "
" ใครก็ได้ที่มันชั่ว ชั่วในทุกเรื่อง เลวในทุกสิ่ง แต่ถ้าท่านไม่ใช่ก็ไม่ควรจะยอมรับ เรื่องง่ายๆ เช่นนี้ ผู้นำกองทัพคงไม่เขลาหรอกกระมัง "
" เจ้าดูไม่เกรงกลัวข้าเลย?"
" กลัว? กลัวสิ แต่กลัวคนเลวในคราบคนดีมากกว่า หวังว่าท่านคงเป็นคนดีและดีจนถึงแก่น " นางพูดจบก็เดินเลี่ยงไปเก็บข้าวของเข้าที่อีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าชายที่ยืนอยู่จะมองนางด้วยสายตาเยี่ยงไร เมื่อนางเก็บข้าวของเรียบร้อยเข้าที่แล้ว ก็หันมาสบนัยน์ตาแกร่งด้วยความทระนง พร้อมเอ่ย
" หากไม่มีอะไรแล้ว เชลยเช่นข้าขอตัวไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ และข้าขอยืนยันว่าข้ามิได้คิดฆ่าเสนาบดีหวง "
" ทำไมเจ้าถึงปฏิเสธ หากเจ้าอยากตายควรที่จะยอมรับเพื่อรับโทษจะได้สมใจเจ้า "
" เรียนท่านแม่ทัพเทียนฟ่งอวิ๋น คนส่วนใหญ่มักขลาดกลัวจากผู้มีอำนาจหวังเพียงความอยู่รอด โดยขาดสติยั้งคิดว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงไฟที่ล่อแมลงเม่า แต่ข้ารู้ว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงกลลวงหามีความจริงไม่ แล้วไหนๆ ข้าก็ต้องตายไยต้องเกรงกลัวความจริง กล่าวจริงก็ต้องตาย กล่าวเท็จก็ต้องตาย ท่านแม่ทัพว่าข้ากล่าวจริงหรือไม่ " นางตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา แล้วย่อกายเดินอ้อมหมายจะออกไปจากเรือน แต่ถูกมือหนาจับเอาไว้ก่อน นางหันมาสบตาของเขา
" ข้าน้อยขอตัวไปเปลี่ยนผ้า หากท่านแม่ทัพจะใช้ข้าอีก อีก 2 เค่อ ข้าจะพาร่างของข้ามาให้ท่านทรมานเยี่ยงทาส " พอคำพูดของนางจบ มือที่รั้งไว้ก็ถูกปล่อย ทำให้นางหลุดพ้นจากพันธนาการ นางก้มศีรษะน้อยๆ ให้แล้วเดินออกจากเรือนไปด้วยท่าทางที่สงบ แผ่นหลังตั้งตรง มิเกรงกลัวสิ่งใดในเบื้องหน้า