เรือนรับรอง มีบุรุษรูปร่างกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาแต่เวลานี้มีสีหน้าบึ้งตึงแทนที่จะมีรอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้า เขานั่งรอผู้เป็นเจ้าของจวนอยู่เป็นนานแต่ก็มิออกมาให้เห็น ความที่เป็นคนใจร้อนและเอาแต่ใจ เขาอยากจะบุกเข้าไปหาแต่เพราะมีพ่อบ้านใหญ่คุมเชิงเอาไว้เสียก่อน ไม่นานร่างของเทียนฟ่งอวิ๋นก็เดินด้วยท่าทางองอาจมาพบกับแขกผู้มาเยือน
" คุณชายหวงเสี่ยวหนาน มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือ " เทียนฟ่งอวิ๋นเอ่ยขึ้น
" อ๊า! ข้าน้อยหวงเสี่ยวหนานคารวะท่านแม่ทัพ ข้าขอโทษที่มารบกวนท่านผิดเวลา "
" มิเป็นไร ว่าแต่ท่านเถิดมีเรื่องอันใดหรือ "
" เอ่อ.. คือ.. เอ่อ.. ข้าไม่ขออ้อมค้อม ข้าได้ยินมาว่าท่านสั่งให้เฉี่ยวอวี้คอยดูแลและมอบความสุขให้กับทหารในจวนท่านเช่นนั้นหรือ " คำถามที่เปล่งออกมาจากปากหวงเสี่ยวหนานทำให้
เทียนฟ่งอวิ๋นทราบถึงเจตนารมณ์ที่เขามาวันนี้ว่าเป็นจริงดังที่ใจคิด พี่น้องคู่นี้แตกต่างในท่าทีแสดงออกแต่จุดมุ่งหมายคือสิ่งเดียวกัน นางมีอะไรดีนัก สามคนพ่อลูกถึงถูกอกถูกใจ คงไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตากระมัง แน่นอนเขายอมรับนางงดงาม ผิวพรรณผ่องใส ทรวดทรงอ้อนแอ่นอรชร ยิ่งเมื่อเห็นรูปร่างที่ไร้อาภรณ์เขาเองยังแทบจะสกัดกั้นอารมณ์ไม่อยู่ หากแต่ภายนอกยังงดงามมิใช่สิ่งที่เสนาบดีหวงพึงใจมากนัก หากเป็นบุตรชายทั้งสองเขาเองยังพอเข้าใจ แล้วสิ่งใดที่เป็นแรงดึงดูดในบุรุษทั้งสามปรารถนานาง จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่านั้นแน่
" ใช่ ข้าสั่งให้นางมอบความสุขให้กับทหารในจวนข้า นี่คือบทลงโทษ ไม่ทราบว่าคุณชายหวงเสี่ยวหนานมีปัญหาหรือ?"
" นางเพิ่งจะ 15 อีกทั้ง ทหารในจวนท่าน..เอ่อ.. แข็งแรง ข้าเกรงว่า.."
" ท่านจะกังวลไปไย นางเป็นนักโทษที่คิดลงมือฆ่าบิดาท่าน "
" นางไม่!.." เขาเหมือนจะรู้ตัวรีบปิดปาก ทำให้หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน แสร้งเอ่ยขึ้น
" ท่านจะบอกว่านางไม่ใช่ฆาตกรเช่นนั้นหรือ "
" ไม่ๆ ข้าจะบอกว่านางไม่ควรคิดฆ่าบิดาของข้า " เขารีบตอบเทียนฟ่งอวิ๋นทันที แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
" หากไม่เป็นการรบกวนท่านแม่ทัพ ข้าขอพบหน้านางสักหน่อยได้หรือไม่ "
" ถ้าข้าปฏิเสธ?"
" เอ่อ.. "
" ได้สิ " เขาตอบรับพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก และตะโกนเรียกคนที่อยู่ใกล้ไปตามหลางเฉี่ยวอวี้มา ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป นางก็เดินมาเมื่อมาถึงก็เห็นว่าใครต้องการเจอนาง
" ข้าน้อยหลางเฉี่ยวอวี้ คารวะคุณชายรองเจ้าค่ะ "
" เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ดูผอมกว่าเดิมนะ "
" ปกติดีเจ้าค่ะ " หวงเสี่ยวหนานฟังนางแต่สายตาส่งอ้อนวอนไปยังเจ้าบ้าน หวังอยากจะอยู่กับนางเพียงลำพัง เจ้าตัวย่อมรู้ตัวจึงเอ่ยขึ้น
" เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน เชิญคุณชายตามสบาย " เขากล่าวแล้วเดินออกไป และแน่นอนเมื่อเจ้าของจวนออกไป หวงเสี่ยวหนานก็เข้ามาประชิดตัว
" เจ้าลงมือกับท่านพ่อข้าจริงหรือ หากไม่ใช่ ทำไมเจ้าถึงไม่ปฏิเสธ " หวงเสี่ยวหนานเอ่ย
" จะใช่ข้าหรือไม่ หลักฐานก็ถูกโยนมาที่ข้า หากมิใช่ข้าน้อย
ก็ใช่ว่าข้าจะไม่ปฏิเสธ เพราะข้าทำแล้วแต่เสียงเดียวไยจะมีคนเชื่อโดยง่าย "
" ข้า..ข้าเชื่อเจ้า แล้วเชื่อด้วยว่าเจ้ามิเคยมีอะไรกับท่านพ่อ " คำพูดนี้ทำให้นางหันหน้ามามองหวงเสี่ยวหนาน นี่คงเป็นคนแรกในจวนเสนาบดีหวงที่เชื่อความบริสุทธิ์ของตน
" อะไรทำให้ท่านเชื่อว่าข้ากับท่านเสนาบดีมิเป็นอะไรกัน "
" ข้ารู้แล้วกัน ว่าแต่เจ้าเถอะ หากเจ้ายินยอมข้าพร้อมจะช่วยเจ้าทุกอย่าง "
" ขอบคุณคุณชายรองนะเจ้าคะ แต่ข้าน้อยคงต้องปฏิเสธ "
" เพราะเรื่องนั้นหรือ?"
" ต่อให้ไม่เป็นเรื่องนั้น ข้าน้อยก็ปฏิเสธเช่นกันเจ้าค่ะ "
" หรือเจ้ามีใคร "
" ขออภัยคุณชายรองด้วยนะเจ้าคะ หากไม่มีอะไรแล้วข้าน้อยขอตัว " นางหมุนตัวหมายจะออกไป
" เฉี่ยวอวี้ ได้โปรด " เขาจับมือนางหวังที่จะฟังเหตุผล นางสุดจะทนเพราะเขามิยอมเลิกยุ่งกับนางเสียที ไหนๆก็จะต้องตายเพราะโดนยัดเยียดข้อหานางก็บอกเหตุผลให้เขาฟังเสียเลยแล้วกัน
" เรียนคุณชายรอง ไม่ใช่ว่าข้ามีใคร หรือรังเกียจท่าน แต่เพราะข้าไม่เคยรักท่านในฐานะคนรัก ข้าให้ท่านได้เพียงสหาย อีกทั้งข้ายังมีคดีฆ่าบิดาท่านติดตัว หากข้าบริสุทธิ์จริง ข้าก็แจ้งให้ท่านรับรู้ไว้ว่าข้ามิชื่นชอบธรรมเนียมสามภรรยาสี่อนุ บุรุษอยู่เหนือสตรี เหตุผลเพียงเท่านี้คงพอจะทำให้คุณชายรองเข้าใจข้า "
" ข้ายินดีมีเจ้าเพียงคนเดียว "
" แต่ท่านฝืนธรรมเนียมแว่นแคว้นไม่ได้ รวมถึงนิสัยลึกๆ ของท่าน หวังว่าท่านคงเข้าใจ ข้าขอตัว " นางไม่มีอะไรจะเอ่ยแล้วจึงเดินออกไปจากเรือนรับรอง ปล่อยให้หวงเสี่ยวหนานยืนกำมือของตนเองที่ขึ้นเป็นข้อขาว ไม่นานก็ออกจากจวนไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด และการสนทนาครั้งนี้ใช่ว่าจะไม่ผ่านหูผ่านตาของ
เทียนฟ่งอวิ๋น เพราะแน่นอน เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ย่อมได้ยินทุกคำพูด มุมปากยกยิ้มจากมุมมืดที่ใครยากจะเห็น