ตอนที่ : 1 ว่าที่เจ้าสาวถูกแย่ง

1289 Words
1 ว่าที่เจ้าสาวถูกแย่ง            เพล้ง ! เสียงแก้วเหล้าหล่นแตกกระจายเต็มพื้นห้อง แม่บ้านสูงวัยถึงกับหน้าซีดหน้าเซียว ไม่ต่างไปจากคนที่นำข่าวร้ายมาบอกผู้เป็นนาย            “มันกล้าดียังไงมาแย่งเจ้าสาวฉัน” ทัพพ์ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีกัดกรามกรอด หลังรู้ว่าว่าที่เจ้าสาวของตนได้คืนสินสอดทองหมั้นมาหมาด ๆ และเข้าไปอยู่ในบ้านของคนที่เขาเกลียดชังเป็นที่สุด            “ใจเย็น ๆ นะทัพพ์ แม่ว่าทางนู้นเขาคงมีเหตุผลของเขา” นางนวพรปลอบลูกชาย แล้วหันไปขยิบตาให้แม่บ้านกับคนส่งข่าวออกไปข้างนอกก่อน            “เหตุผลอะไรกันครับแม่ นี่ตกปากรับคำจะแต่งงานกันเสียดิบดี จู่ ๆ มายกเลิกขอคืนของหมั้นกะทันหันแบบนี้ รู้ไปถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น” สิ่งที่ทำให้ทัพพ์รู้สึกโกรธมากที่สุดก็คือเรื่องนี้ เรื่องที่โดนฝ่ายผู้หญิงไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด            “ก็จะให้ทำยังไงล่ะทัพพ์ฝ่ายหนูดาวเขาเปลี่ยนใจเองนี่ แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน อีกอย่างเขาบอกจะคืนสินสอดเรามาทั้งหมดแบบนี้ ก็ไม่รู้จะไปเอาผิดอะไรเขาได้ หรือทัพพ์อยากจะฟ้องเขาล่ะลูก”            “ใครจะไปฟ้องให้ตัวเองขายขี้หน้าคนทั้งจังหวัดกันล่ะครับแม่ แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว สงสัยได้ปลีกตัวไปอยู่เกาะโขดทั้งชาติแน่” จากที่เคยเข้าไปดูงานที่เกาะโขดอาทิตย์ละสามสี่วัน เห็นทีคราวนี้คงได้ไปอยู่เป็นเดือนแน่แท้            “แม่ก็พยายามถามแล้วว่าเหตุผลอะไร ทำไมถึงขอคืนของหมั้น ทางโน้นก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าเป็นความต้องการของหนูดาว”            “เฮอะ ถ้าผมไม่ให้คนไปสืบก็คงไม่รู้ ว่าหนูดาวของแม่แจ้นเข้าไปอยู่ในบ้านของไอ้ชยินเรียบร้อยแล้ว คนดีของแม่ทำงามหน้าไหมล่ะ ครับ จะได้แต่งงานดี ๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นของฟรีของไอ้ชยินมัน” เพราะความสงสัยจึงได้ให้คนเข้าไปสืบข่าวเรื่องนี้ จันทร์ดาวหักหน้าเขาอย่างสุดที่จะใครทนได้ หญิงสาวคืนของหมั้นยังไม่น่าโกรธ เท่าการก้าวเท้าไปอยู่ในบ้านของชยินศัตรูคู่แค้นตัวเป้งของเขาเอง            “แม่คงดูคนผิดไปจริง ๆ ทัพพ์” นางนวพรทำหน้าเศร้า ถ้าเพียงตนไม่อยากได้ลูกสะใภ้มาก จนบากหน้าไปสู่ขอจันทร์ดาวให้ลูกชายเมื่อสองเดือนก่อน เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น            “ผมขอโทษครับแม่ผมไม่ได้โทษแม่เลย แม่อยากให้ผมมีเมียใหม่เร็ว ๆ ผมก็ตามใจแม่แล้วนี่ครับ เพียงแต่คนที่แม่เลือกเขาเปลี่ยนใจไปอยู่กับไอ้ชยินแทน แม่ไม่ผิดนะครับผมผิดเองที่หาเมียให้แม่ไม่ได้” ทัพพ์หันไปปลอบมารดา ไม่ใช่ว่าเขาหาไม่ได้หรอก แต่เขาเจอมาทุกรูปแบบแล้ว และยังไม่เจอใครที่เขาอยากฝากฝังทั้งชีวิตเอาไว้ด้วยในตอนนี้ เพียงแต่เขาทนเสียงรบเร้าของมารดาไม่ได้จึงยอมตามใจท่าน            “เอาละ ต่อไปนี้แม่จะไม่บังคับทัพพ์อีกแล้ว จะมีเมียหรือไม่มีก็แล้วแต่แม่รอได้ สี่สิบห้าสิบแม่ก็รอได้ หรือจะตายก่อนก็ไม่ว่า” นางนวพรปลงกึ่งประชดลูกชาย            “แม่ครับเมียน่ะแค่กระดิกนิ้วก็มาแล้ว” ทัพพ์ทำให้เป็นเรื่องขำแต่คนเป็นแม่ไม่ได้รู้สึกขำไปด้วย            “พูดเป็นเล่น หน้าอย่างกับโจรแบบเราใครจะมาเอา” มองเห็นหนวดเครารกรุงรังของลูกชายแล้ว หญิงสูงวัยก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจ            “อ้าวแม่ ถ้าผมโกนหนวดโกนเคราสักหน่อย ณเดชน์ก็ณเดชน์เถอะสยบแทบเท้าแน่”            “ไอ้ลูกคนนี้นี่ เฮ้อ แม่ไม่คุยด้วยแล้วไปทำงานดีกว่า” คนเป็นแม่ส่ายหน้ารัว ๆ ก่อนเดินออกจากบ้าน เพื่อขึ้นรถขับไปทำงานที่โรงแรมในตัวเมือง            ส่วนคนเป็นลูกชายนั้นขับรถไปจอดไว้ที่ท่าเทียบเรือ จากนั้นก็ขับเรือส่วนตัวไปยังเกาะโขด ที่ชื่อเกาะโขดนั้นเพราะบริเวณรอบ ๆ เกาะนั้นเต็มไปด้วยโขดหิน ประหนึ่งป้อมปราการป้องกันอันตรายจากนอกเกาะ มีหาดทรายทอดตัวยาวฝั่งหน้าเกาะซึ่งทำเป็นรีสอร์ตชื่อว่า เกาะโขดรีสอร์ต และที่นี่คือเกาะส่วนตัวของตระกูลธนบูลย์            สปีดโบ๊ทที่ขับโดยทัพท์ แล่นผ่านคลื่นน้ำทะเลมาราวสี่สิบนาทีก็ถึงจุดหมาย ช่วงนี้เป็นฤดูมรสุมทัพพ์จะปิดเกาะไม่ให้มีคนเข้าพัก รอจนหมดช่วงหน้าฝนไปเสียก่อน เขาถึงเปิดรับนักท่องเที่ยวใหม่ได้ ช่วงนี้คือเวลาในการซ่อมแซมรีสอร์ตให้อยู่ในสภาพดี แต่ก็ทำได้ไม่เยอะเท่าที่ควรเพราะสภาพดินฟ้าอากาศไม่ได้เป็นใจเท่าไรนัก            “คุณทัพพ์มา ๆ” เสียงตะโกนของไชยาดังก้องไปทั่วรีสอร์ต เป็นผลให้คนงานทุกคนที่กำลังพักผ่อนอยู่ กระตือรือร้นทำงานขึ้นในทันที            “ตะโกนเข้าไป เอาให้ดัง ๆ นะไชยา ไม่เห็นหัวฉันไม่ทำงานกันใช่ไหม” ทัพพ์ส่ายหน้าให้หัวหน้าคนงานวัยสามสิบแปดปีของตนเอง ไชยานับเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของทัพพ์ก็ว่าได้            “ไม่ใช่นะครับคุณทัพพ์แค่นอน เอ๊ย แค่พักเหนื่อยเฉย ๆ น่ะครับ นี่ซ่อมหลังคาอยู่นะครับ โน่น ๆ ไงครับ” ไชยารีบชี้ให้ดูคนงานที่กำลังปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลังคาบ้านพักอยู่            “สร้างภาพมาก” ทัพพ์ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปยังบ้านพักของตนเอง ซึ่งอยู่บนชายหาดริมซ้ายสุดของรีสอร์ต อยู่ในมุมที่เงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นที่สุด            ‘จันทร์ดาวเธอทำฉันเจ็บแสบมาก ไอ้ชยินแกจงใจหักหน้าฉัน สักวันฉันจะเอาคืนให้สาสม’            ชายหนุ่มหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ วันข้างหน้าเขาต้องได้เอาคืนอย่างแน่นอน แต่ขืนบุ่มบ่ามไปตอนนี้ ก็คงมีแต่คนว่าเขาเป็นพวกแพ้แล้วพาลอย่างแน่นอน                        ณ บ้านน้อยหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนฝั่ง หญิงสาวสามคนกำลังนั่งเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น จันทร์ดาวนั่งเผชิญหน้ากับมารดาและน้องสาวของตนเองอยู่            “แม่ไม่คิดว่าดาวจะทำแบบนี้นะลูก ทำไมถึงเข้าไปอยู่บ้านผู้ชายแบบนั้นล่ะ” นางสมรทำหน้าผิดหวังในตัวลูกสาวคนโต            “ดาว เอ่อ ดาวขอโทษค่ะแม่”            “ขอโทษแล้วมันได้อะไร ดาวไม่ได้เห็นหัวแม่เลยนะแบบนี้”            “แม่คะดาวพลาดไปแล้ว แต่คุณชยินเขาบอกว่าจะรับผิดชอบนะคะ แม่ก็คุยกับเขาแล้วนี่คะ” จันทร์ดาวเหมือนน้ำกำลังเชี่ยวเรือลำไหนก็ขวางไม่อยู่            “คุยแล้วอย่างนั้นเหรอยัยดาว นี่มันมัดมือชกกันชัด ๆ จ่ายเงินมาล้านหนึ่งแล้วเอาดาวไปอยู่ด้วย งานแต่งก็ไม่มีมันเกินไปนะดาว”            “คุณชยินเขาขอเวลาสักครึ่งปีค่ะแม่ จากนั้นค่อยแต่งงานกันค่ะ เขาขอเคลียร์งานของเขาก่อน แม่ต้องเชื่อใจเขานะคะและไว้ใจดาวด้วย” จันทร์ดาวพูดตามที่ชยินเคยบอกกับเธอไว้            “นี่ดาวหลงผู้ชายคนนี้จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นแล้วรู้ไหม แม่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD