“คุณทัพพ์คะ เรามีเงินไม่พอจริง ๆ ขอเวลาอีกสักหน่อยนะคะ แม่บอกว่าจะพยายามหามาคืนให้เร็วที่สุดค่ะ” หญิงสาวลองเกลี้ยกล่อมเขาดูอีกรอบ
“จารวี”
“คะ”
“ทำไมถึงไม่ไปขอผัวพี่สาวคุณล่ะ” ทัพพ์เลิกคิ้วถามพร้อมกับสายตาดูแคลน
“ไม่ใช่ เอ่อ ยังไม่ใช่ค่ะ” จารวีอึดอัดใจในสรรพนามที่เขาใช้เรียกชยินเป็นอย่างมาก แต่จะให้บอกว่ามารดาของตนก่อเรื่องไว้ก็คงไม่เข้าท่า
“ไม่ใช่อะไร ยกเลิกงานแต่งกับผมทั้งที่ป่าวประกาศให้คนรู้ไปทั่วทั้งจังหวัดแล้ว จู่ ๆ ก็แจ้นเข้าไปนอนในบ้านของไอ้ชยินมัน แบบนี้ไม่เรียกผัวจะให้เรียกอะไร”
จารวีมองหน้าเขาอย่างตกใจ คนอยู่บนเกาะเป็นหลักอย่างทัพพ์ไม่ได้โง่จริง ๆ เขารู้เท่าทันทุกเรื่องที่พี่สาวของเธอทำลงไป
“ว่ายังไง เถียงไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริงใช่ไหม แม่ของคุณล่ะทำไมไม่เอาสินสอดมาคืนผมเอง ไปแอบก่อวีรกรรมอะไรเอาไว้อีก ถึงได้ส่งเด็กอย่างคุณมาคุยกับผมนี่” คนพูดมองจารวีคล้ายประเมินอายุไปด้วย
“เด็กยังไงไม่ทราบ ฉันโตจนเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว จะมาคุยธุระแทนแม่ไม่ได้หรือยังไง” เพราะถูกเขาดูถูกก่อนจารวีเลยหลุดขึ้นเสียงใส่เขาอย่างลืมตัว
“นี่ไงถึงว่าเด็ก แค่สะกิดนิดก็ขึ้นแล้ว”
“เฮ้อ ฉันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว เอาเป็นว่าคุณจะเอายังไงก็ว่ามาค่ะ ฉันจะได้กลับไปปรึกษากับแม่ที่บ้าน”
“บอกแล้วว่าจะคืนก็ต้องครบ ไม่ครบไม่ต้องคืน”
“ก็มันไม่ครบนี่คะจะให้ทำยังไง” จารวีทำหน้าเซ็งใส่เขา ก่อนจะรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่มองมาแบบกรุ้มกริ่มของเขา
“จะให้ย้ำกี่รอบว่าไม่ครบก็ไม่ต้องคืน ความจริงผมเองก็ไม่อยากได้สินสอดคืนเหมือนกัน”
“แล้วคุณต้องการอะไรคะ”
“ต้องการเมีย” คำว่าเมียนั้นพุ่งเข้าใส่จารวีอย่างจัง เหมือนเขาต้องการสื่อความหมายบางอย่างออกมา
คนได้ยินเนื้อตัวร้อนวูบวาบกับสายตาและท่าทางของเขา เหมือนจะโลมเลียร่างกายของเธอให้มอดไหม้
“เอ่อ ฉันขอกลับไปคุยกับแม่ก่อนนะคะ”
“กลับไม่ได้หรอกจารวี”
“อะไรนะคะ”
“ผมบอกว่ากลับไม่ได้ คุณเห็นท้องฟ้าสีดำ ๆ นั่นไหม พายุกำลังจะมางดเดินเรือช่วงนี้” เขาชี้ไปยังก้อนเมฆสีดำทะมึนที่ลอยอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก
“แล้วทำไมคุณให้ฉันมาหาที่นี่ล่ะคะ ทั้งที่รู้ว่าพายุจะเข้า”
“อ้าวใครจะรู้ว่าพายุมันจะมาเร็วแบบนี้ล่ะ คุณก็พูดไป”
“แต่เรือนั่นแล่นออกไปทันทีที่ฉันมาถึงนะคะ”
“ปกติไม่มีเรือออกอยู่แล้ว ลำที่ไปรับคุณก็แค่เฉพาะกิจส่งเสร็จก็กลับ” ทัพพ์บอกด้วยท่าทีไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
“คุณทัพพ์ ไม่ล้อฉันเล่นนะคะ ฉันจะกลับบ้าน”
“ว่ายน้ำไปสิ”
จารวีนึกอยากตะกุยหน้าเขาให้เป็นแผลเหวอะ แล้วกรี๊ดใส่เขาให้หูหนวกไปเลย แต่ความจริงนั้นทำได้แค่ตั้งสติให้ได้มากที่สุด เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่า พยายามนับหนึ่งถึงสิบอยู่ข้างใน
“ทำไมที่นี่ไม่มีคนงานเลยคะ” หญิงสาวทำใจกล้าถามเขาดู
“ผมสั่งให้ทุกคนหยุดพักช่วงนี้ มีแค่คนงานบางคนที่จะเข้ามาซ่อมรีสอร์ตพร้อมกับช่าง”
“แต่ฉันไม่เห็นใครเลย”
“สองสามวันนี้พายุจะเข้าหนักทำงานไม่ได้ เลยให้หยุดซ่อมไปก่อน ฝนฟ้าสงบเมื่อไหร่ค่อยมาใหม่”
“งั้นแปลว่าที่นี่ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากคุณใช่ไหมคะ”
“ใครบอกล่ะ คุณอีกคนไง” ทัพพ์ชี้นิ้วใส่หญิงสาวพร้อมรอยยิ้มที่อีกคนเห็นแล้วรู้สึกโกรธขึ้นมา
“คุณทัพพ์นี่คุณหลอกฉันมาเหรอคะ คุณทำบ้า ๆ แบบนี้ทำไม ฉันจะ...” เขารู้ว่าบนเกาะไม่มีคน ยังจะให้เธอเอาสินสอดมาคืนที่นี่อีก จารวีไม่อยากจะนึกเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม
“จะอะไรเหรอจารวี คุณจะทำอะไรผมได้ ว่าแต่มานี่ได้บอกแม่ไว้หรือเปล่า” ทัพพ์ถามแล้วอมยิ้มในหน้า เพราะอีกคนทำตาโตตกใจเป็นไข่ห่าน ไม่ต้องตอบเขาก็รู้แล้ว
“คุณจะทำอะไรกันแน่”
“ผมบอกไปแล้วไงว่าผมต้องการเมีย แล้วว่าที่เมียของผมก็ดันทำผมเจ็บร้าวไปทั้งทรวงเลย ฉะนั้นน้องสาวอย่างคุณควรรับช่วงต่อนะ”
“รับช่วงต่อ ! คุณไปเอาความคิดบ้า ๆ แบบนี้มาจากไหน”
“ก็เอามาจากพวกคุณนี่ไง จะแต่งงานกับผมอยู่แล้วยังแรดไปหาผู้ชายอื่น พี่สาวร่าน ๆ ของคุณก่อเรื่องไว้งามหน้าขนาดนี้ น้องสาวอย่างคุณก็สมควรต้องรับผิดชอบแทน”
“ฉันไม่เกี่ยว !”
“เกี่ยวสิ ! พี่สาวคุณหักหน้าผมไปอยู่กับคนที่ผมเกลียดที่สุดแบบไอ้ชยิน แม่ของคุณก็เอาเงินค่าสินสอดของผมไปโปะหนี้บ้าน ไม่เกี่ยวกับคุณตรงไหน พี่ก็พี่คุณแม่ก็แม่คุณบ้านก็บ้านคุณ ฉะนั้นคุณสมควรต้องรับผิดชอบร่วมด้วย โทษฐานไม่ห้ามไม่ปราม อ้อ อาจสมรู้ร่วมคิดด้วยซ้ำไป” ทัพพ์ร่ายยาวถึงสิ่งที่ครอบครัวของจารวีก่อไว้
“ปัง ! ฉันจะกลับฝั่ง” เสียงทุบโต๊ะพร้อมกับคำพูดแสนดื้อรั้นทำให้อีกคนหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“กลับได้ก็ไปเลย” เขาไม่ห้ามแถมไล่ส่งด้วยซ้ำ
จารวีตัดสินใจทิ้งสินสอดเอาไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นเดินลงบันไดบ้านไปอย่างฉุนเฉียว หญิงสาวเดินตรงไปยังท่าเทียบเรือ ยืนรีรออยู่ตรงนี้สักพักใหญ่ ๆ ก็ไม่เห็นมีวี่แววของเรือหรือคนงานแม้แต่คนเดียว หญิงสาวจำต้องเดินกลับไปตรงจุดบริการของรีสอร์ต ด้านหน้ามีเปลเชือกผูกไว้กับต้นมะพร้าวอยู่จึงหย่อนตัวลงนอนเล่น
หญิงสาวเหม่อมองไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย ในที่สุดเธอก็รู้ว่าทัพพ์จงใจหลอกล่อให้มาที่นี่ เพราะเขาต้องการเอาคืนพี่สาวของเธอ และเพิ่งรู้ว่าชยินกับทัพพ์ไม่ลงรอยกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว กลายเป็นว่าพี่สาวเธอทำเขาเจ็บแสบแสนสาหัส คิดแล้วก็ยิ่งปวดหัวเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าถักใบน้อย ไม่มีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียวจริง ๆ
‘จะทำยังไงดี แม่จะรู้ไหมว่าวีอยู่นี่’