เช้าวันต่อมา ทรายทองแทบไม่มีหน้าจะลงมาที่ห้องอาหาร หล่อนพยายามลงมาให้ช้าที่สุด เพื่อที่เมธวัฒน์จะได้ออกไปที่โรงพยาบาลก่อน แต่เขายังอยู่
เท้าของหล่อนชะงักงันอยู่ที่ปากประตู เมื่อสายตามองเห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงฝังแน่นอยู่ในหัว ร่างกายของหล่อนไม่ได้เป็นความลับกับเมธวัฒน์อีกแล้ว หญิงสาวเศร้าหมองเหลือเกิน
“หนูทราย... มากินข้าวด้วยกันสิ”
คุณหญิงเมธาวียังคงมีน้ำใจกับหล่อนเหลือเกิน และแน่นอนว่าหล่อนไม่อาจจะปฏิเสธได้ แม้ว่าจะอยากวิ่งหนีไปจากที่นี่แค่ไหนก็ตาม
ทรายทองก้าวเข้าไปภายในห้องอาหาร และพยายามที่จะไม่มองเขา แต่ความพยายามก็ต้องสะบั้นลงเมื่อเขามองจ้องมา สองดวงตาประสานกัน และมันก็ทำให้แก้มนวลแดงก่ำ
หล่อนเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าหล่อเหลาของเมธวัฒน์ ก่อนที่เขาจะละสายตาจากร่างกายของหล่อนไปมองอย่างอื่นแทน
หญิงสาวแทบทรุดลงกองกับพื้น โชคดีที่คว้าพนักเก้าอี้เอาไว้ได้ทัน หล่อนค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ และก้มหน้าก้มตามองจานข้าวของตัวเองอย่างเดียว
“เมื่อคืนตาเมธเข้าไปดูอาการหนูทรายหรือเปล่าล่ะ”
คำถามของคุณหญิงเมธาวียิ่งทำให้หล่อนทรมาน หล่อนกัดปากแน่น กำลังจะตอบ แต่เมธวัฒน์พูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีที่ติ
“ไปครับ ไม่กล้าขัดคำสั่งของคุณแม่หรอกครับ”
“ดีมาก แล้วหนูทรายเป็นอะไรหรือเปล่าล่ะ”
เขาปรายตามองหน้าหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะตอบมารดา
“ก็เป็นปกติดีนี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรไม่ดีตรงไหนเลย”
“แต่หนูทรายหน้าตาซีดๆ นะ แถมยังบ่นว่าปวดหัวอีก” คุณหญิงเมธาวียังคงห่วงใยหล่อน
“ทราย... ทรายหายดีแล้วค่ะ”
“เห็นไหมครับ คนดีของคุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เขาพูดกับมารดา แต่สายตามองหน้าหล่อน “คราวหน้าคุณแม่คงไม่ต้องส่งผมเข้าไปตรวจถึงในห้องนอนอีกนะครับ”
“แหม ก็แค่ไปดูอาการคนในครอบครัว มันไม่หนักหนาจนเกินความสามารถของแกหรอกมั้ง ตาเมธ”
“ถ้าเป็นคนในครอบครัวผมยินดีครับ แต่ถ้าไม่ใช่ ผมก็ไม่อยากจะข้องแวะด้วย” เขาวางช้อน และผุดลุกขึ้นยืนตระหง่าน
“ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“วันนี้แม่จะให้หนูทรายเอาข้าวไปให้อีกก็แล้วกัน”
คนที่กำลังจะเดินจากไปชะงัก และหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง
“วันนี้ผมมีนัดครับ” เขาตอบยิ้มๆ
“กับใคร อย่าบอกนะว่าผู้หญิง”
“ใช่ครับ ผมมีนัดกับแนน คุณหมอคนสวยที่คุณแม่พึ่งสั่งย้ายเธอออกไปเมื่อสามเดือนก่อนไงครับ”
“ตาเมธ...”
คุณหญิงเมธาวีตกใจ และรู้สึกไม่พอใจเป็นที่สุด หมอผู้หญิงคนนี้ไงที่ชอบมาอ่อยเมธวัฒน์ จนโดนหล่อนสั่งย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลสาขาอื่น
“นี่แกคงไม่คิดจะขัดใจแม่ด้วยการไปคบหากับยายหมอไม่มีมารยาทคนนี้หรอกนะ”
“ก็ไม่แน่ครับ แนนเป็นคนน่ารักและก็เป็นผู้หญิงในแบบที่ผมชอบ”
เมธวัฒน์พูดกับคุณหญิงเมธาวี แต่ก็อดที่จะชำเลืองมองคนที่กำลังหน้านิ่งอยู่ไม่ได้
“แต่แม่ไม่ชอบ แกห้ามคบกับผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด นอกจากหนูทราย”
ทรายทองทั้งลำบากใจทั้งปวดใจ หล่อนทำได้แค่เพียงก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ เท่านั้น
“คุณแม่ชอบ แต่ผมไม่ชอบ มันก็ไม่มีความหมายหรอกครับ” เมธวัฒน์ยังคงแสดงอาการดื้อดึงออกมา “เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วมื้อค่ำวันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาทันกินหรือเปล่า คุณแม่ไม่ต้องรอผมก็แล้วกันนะครับ” เขาพูดจบก็ก้าวออกไปทันที
“ตาเมธ... นี่แกกำลังจะทำให้แม่เป็นลมตายนะ”
คุณหญิงเมธาวีตะโกนตามหลังลูกชายไป แต่เมธวัฒน์ไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจ
“ถ้าแกเอายายหมอไม่มีมารยาทนั้นมาทำเมีย ฉันตัดแกออกจากกองมรดกแน่ ตาเมธ” หญิงสูงวัยหอบน้อยๆ ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันมาหาทรายทองที่นั่งสะอื้นอยู่ข้างๆ ด้วยความเวทนา
“หนูทรายไม่ต้องเป็นกังวลนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่รับผู้หญิงคนไหนมาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด นอกจากหนูทรายเพียงคนเดียวเท่านั้น”
หล่อนช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองคุณหญิงเมธาวีด้วยความซาบซึ้ง แต่หล่อนไม่อยากสู้ต่อไปแล้ว
“ถ้า... คุณเมธต้องการแบบนั้น คุณหญิงก็อย่าไปขัดใจเลยนะคะ ทรายไม่... ไม่อยากทำให้คุณหญิงกับคุณเมธต้องผิดใจกัน...”
“โธ่ แม่คุณของฉัน ขนาดนี้แล้วยังคิดถึงฉันอีก ทำไมไม่นึกถึงตัวเองบ้างล่ะ”
คุณหญิงเมธาวียกมือขั้นลูบศีรษะของทรายทองแผ่วเบาในสมองคิดหาหนทางจนเจอ
“หนูทรายกินข้าวไปนะ เดี๋ยวฉันให้แม่นิดพาออกไปนั่งสูดอากาศข้างนอกบ้านก่อน รู้สึกโมโหจนหน้ามืดน่ะ”
“ให้ทรายพาไปดีกว่าค่ะ”
“ไม่เอา หนูทรายกินข้าวไปก่อน เสร็จแล้วค่อยตามฉันออกมา เข้าใจไหม”
แน่นอนว่าหล่อนไม่อาจจะปฏิเสธคำสั่งของผู้เป็นนายได้อยู่แล้ว
“ค่ะคุณหญิง”
คุณหญิงเมธาวีระบายยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปสั่งคนสนิทที่ชื่อป้านิด ให้พาออกไปนอกห้องอาหาร
ทรายทองมองตามร่างของคุณหญิงเมธาวีไปจนลับตา จากนั้นก็ปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้งอย่างทรมาน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะบุญคุณของคุณหญิงท่าน หล่อนคงเดินออกไปจากที่นี่นานแล้ว