BAD RELATIONSHIP 5 ไม่เคยลืม

1550 Words
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา... สองเท้าหนักเดินตรงเข้าไปยังด้านในบ้านของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ "คุณชายน้อย" เจียมใจ แม่บ้านสูงวัยเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่ตัวเองเป็นคนคอยช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กด้วยน้ำเสียงดีใจ "สวัสดีครับ" เจ้าของใบหน้าหล่อก็หันไปทักทายแม่นมตัวเองกลับก่อนจะเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีอบอุ่นอ่อนโยน "คุณเวลาเรียกเหรอคะ" เจียมใจถาม "ครับ..." ยังไม่ทันที่ริมฝีปากหนาจะพูดหรือเอ่ยอะไรออกไปมากกว่านี้ "ค่ะป้าเจียม ถ้าเวลาไม่โทรเรียก...ก็คงไม่ได้เห็นหน้าลูกชายตัวเอง" "แม่ครับ" คนตัวสูงค่อย ๆ ผละออกจากหญิงสูงวัยเดินตรงไปอ้อนคนเป็นแม่ทันที "ผมก็มาแล้วนี่ไง" "ถ้าแม่ไม่โทรหา เตวินทร์คิดจะมาหาแม่บ้างไหม" "คิดสิครับ แต่ช่วงนี้ผมวุ่น ๆ กับสตูดิโอ..." "วุ่นกับสตูดิโอหรือวุ่นกับสาว ๆ กันแน่" ว่าแล้ว เวลาก็ผละจากวงแขนกว้างของลูกชายตัวเองพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหล่อนิ่ง "สตูดิโอจริง ๆ ครับ..." มือหนาก็เลื่อนเข้ามาโอบเอวแม่ตัวเองด้วยท่าทีอ้อน ๆ อีกครั้งโดยมีสายตาของเจียมใจที่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเอ็นดูก่อนจะมีเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้น "งอนอะไรลูกอีกล่ะ" ติณณ์เดินเข้ามามองหน้าถามภรรยาตัวเองที่กำลังยืนทำหน้าหงอโดนลูกชายเพียงคนเดียวอ้อนอยู่ "ไม่ต้องมาพูดเลย เห็นหน้าติณณ์แล้วหงุดหงิด..." "...ทำไมต้องหน้าเหมือนกันขนาดนี้" ริมฝีปากเล็กเอ่ยออกมาตามประสา ซึ่งคำพูดของเธอทำเอาติณณ์หัวเราะออกมา เพราะใบหน้าของเขากับลูกชายนั้น...เหมือนกันอย่างกับแกะกันออกมาเลยจริง ๆ นั่นแหละ "ก็เชื้อติณณ์มันแรง" "ไม่ต้องมาพูดเลย" เวลาเอ่ยพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทางทำให้สองพ่อลูกต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน เตวินทร์ก็ส่งซิกให้คนเป็นพ่อช่วย "เลิกงอนลูกมันได้แล้วน่า มันวุ่น ๆ อยู่กับสตูดิโอ....ใช่ไหมไอ้เสือ" ปากหนาถาม "ใช่ครับ" เตวินทร์ก็รีบพยักหน้าตอบกลับ "จริงเหรอ" เวลาก็ชะงักหันไปมองหน้าลูกชาย "ครับ" "บางวันมันแทบไม่มีเวลากินข้าวเลยด้วยซ้ำ" ติณณ์พูดเสริมขึ้น "ขนาดนั้นเลยเหรอ..." คนเป็นแม่ก็เสียงเปลี่ยนรีบจ้องมองไปตามร่างกายของลูกชายตัวเอง "...จริงด้วย แม่ว่าลูกผอมลงนะ ไม่ได้แล้ว...เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวเพิ่มก่อน" ทันทีที่พูดจบ คนตัวเล็กก็รีบผละออกจากคนเป็นลูกมุ่งตรงไปยังครัวหรูในบ้านทันที โดยมีเตวินทร์ที่พยายามจะเอ่ยห้าม แต่...ห้ามไม่ทัน "พ่อก็พูดเว่อร์ ดูดิ...แม่เป็นห่วงผมใหญ่แล้ว" ริมฝีปากหนาเอ่ยบอก "ก่อนเป็นห่วงที่แม่แกห่วงแก...แกห่วงตัวเองก่อนไอ้เสือ" "ครับ?" เจ้าของใบหน้าหล่อก็มองหน้าพ่อตัวเองนิ่งแววตาไม่เข้าใจ ติณณ์เองก็แสยะยิ้มเดินตรงไปตบหลังลูกตัวเองเบา ๆ "รอยลิปสติกเปื้อนเสื้อแก...ข้างหลัง" พูดจบ คนเป็นพ่อก็เดินออกไปทิ้งให้คนตัวสูงยืนตกใจไปกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะโทรมาตามเขานั้น...เขากำลังนัวเนียกับหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ที่สตูดิโอ "เกือบไปแล้ว..." เมื่อได้สติเตวินทร์ก็รีบขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อทันที "เปลี่ยนเสื้อทำไมกัน" หญิงวัยกลางคนมองหน้าถามร่างสูงที่เดินเข้ามานั่งยังโต๊ะอาหารในชุดใหม่ "ผมร้อนครับก็เลยเปลี่ยน" ริมฝีปากหนาตอบกลับด้วยท่าทีปกติ "แล้วลูกเปลี่ยนน้ำหอมเหรอ" "ครับ?" "ตอนกอดแม่..." "...กลิ่นเหมือนไม่ใช่น้ำหอมประจำของลูกเลย" "ผมลองกลิ่นใหม่อยู่ครับ แต่คงไม่ได้ใช้ต่อเพราะชอบกลิ่นเดิมมากกว่า" เตวินทร์สามารถตอบคำถามของคนเป็นแม่ได้อย่างราบรื่นสมกับเป็นเสือที่ไหลลื่นไปได้กับทุกสถานการณ์ ติณณ์เองที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่แสยะยิ้มออกมากับความร้ายไม่ธรรมดาของลูกชายตัวเอง "ออ งั้นเองสินะ แม่ก็ว่า...กลิ่นดูไม่ใช่ลูกเลย" "..." เจ้าของใบหน้าหล่อก็ยิ้มตอบไม่พูดอะไรต่อ "แล้วสตูดิโอไปถึงไหนแล้ว" เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น "เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อยก็จะเปิดได้แล้วครับ" "สัญญาแล้วนะว่าจะทำเล่น ๆ" "ครับ" คนตัวสูงก็พยักหน้าตอบพ่อตัวเองกลับไปอย่างรับรู้ เพราะด้วยความที่เขาเรียนนิเทศฯด้านการถ่ายรูปทำให้เขาอยากที่จะมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง เขาจึงขอพ่อเปิดสตูดิโอ แน่นอนว่าการขอครั้งนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนซึ่งนั่นก็คือพ่อยอมให้เขาดูแลสตูดิโอเพียงแค่สองปีเท่านั้น แล้วหลังจากนั้น...เขาจะต้องไปช่วยพ่อเขาบริหารธุรกิจนำเข้ารถยี่ห้อดังเข้ามาในประเทศ มันเป็นธุรกิจของครอบครัวที่เขาไม่สามารถเลี่ยงได้ พ่อเขาจึงยอมให้อิสระเขาเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและทำในสิ่งที่อยากทำไปก่อนที่จะต้องไปรับหน้าที่สานต่อธุรกิจใหญ่โตพวกนั้น "แล้วได้เจอกับดิน คินบ้างไหมลูก" เวลาถามขึ้น "เจอครับ เจอพวกมันบ่อย" เตวินทร์ก็ยิ้มตอบ เพราะนอกจาก พราวดาว เอเดน ท็อปแล้ว เขาก็มีแก๊งเพื่อนอีกแก๊งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ดินกับคิน โดยทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนของเขามาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน แล้วก็มีขุนพลอีกคนที่เป็นเพื่อนในคณะของดินกับคิน เขากับดิน คิน เรียนกันคนละคณะ พวกนั้นเรียนบริหาร แต่เขาเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ มหาลัยคิงตันปีสุดท้าย โดยมหาลัยคิงตันนั้นเป็นมหาลัยที่ติดท็อปมหาลัยเอกชนชื่อดังของประเทศทำให้เตวินทร์ตัดสินใจเลือกที่จะเรียนที่นี่ ซึ่งพ่อแม่เขาก็เห็นด้วยและให้การสนับสนุนเต็มที่ เตวินทร์ถือว่าเป็นนักศึกษาหัวกะทิคนหนึ่งแม้ว่าภายนอกเขาจะดูเจ้าชู้แบดบอยแค่ไหน แต่เรื่องการเรียนเขากลับไม่เป็นรองใคร เขามีความรับผิดชอบที่ดีแถมยังวางแพลนการเรียนของตัวเองให้รัดกุมที่สุด เนื่องจากมหาลัยคิงตันเป็นมหาลัยที่เน้นการเรียนแบบอิสระ นักศึกษาสามารถที่จะวางแพลนการเรียนของตัวเองได้ในสองปีสุดท้าย เตวินทร์จึงเลือกที่จะวางแพลนปีสุดท้ายของตัวเองด้วยการฝึกงานเทอมหนึ่งของปีสี่เพื่อที่เทอมสุดท้ายเขาจะได้มาตามเก็บวิชาที่เหลือและสามารถที่จะเปิดสตูดิโอของตัวเองได้ตามที่ต้องการ เรียกได้ว่าเป็นการวางแพลนที่ชาญฉลาดอยู่ไม่น้อย ทำให้ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่เก็บวิชาหลักอีกสองตัวเท่านั้น เขาก็จะเรียนจบตามที่คิดไว้แถมยังมีเวลาได้ดูแลสตูดิโอของตัวเองอีกด้วย "ใกล้จบกันแล้วสิ" คนเป็นพ่อถาม "ครับ ของผมเหลืออีกสองตัว เทอมสุดท้าย" ริมฝีปากหนาตอบกลับ "เร็วมากเลยเนอะ แป๊บ ๆ จะจบกันแล้ว" เวลาเอ่ย เตวินทร์ก็ยิ้มออกมากับคำพูดของแม่ตัวเอง "แล้วคืนนี้แกจะนอนบ้านไหม" ติณณ์ถามลูกชายตัวเองขึ้น "คืนนี้ผมต้องกลับคอนโดครับ" "ทำไมล่ะ ไม่นอนบ้านเหรอลูก" เวลามองหน้าถามอีกคนน้ำเสียงน้อยใจ "พรุ่งนี้ผมมีเรียนครับ เปิดเรียนวันแรก" "..." เวลาก็นั่งทำหน้ายู่ไปกับคำตอบจากปากหนา "อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ..." ว่าแล้ว คนตัวสูงก็เดินเข้าไปกอดแม่ตัวเองด้วยท่าทีอ้อน ๆ "...ถ้าผมว่าง จะรีบมานอนกอดแม่เลยครับ" "สัญญานะ" "ครับ สัญญา" พูดจบ ริมฝีปากหนาก็กดปากหอมลงไปบนแก้มใสของคนเป็นแม่ด้วยความอ่อนโยน "ผมรักแม่นะครับ" "อืม แม่รักเตวินทร์นะลูก" เวลาก็ยิ้มตอบกลับชายหนุ่มน้ำเสียงอบอุ่นรักใคร่พร้อมกับกอดตอบลูกชายตัวเองแน่นโดยมีสายตาของติณณ์ที่นั่งยิ้มมองภาพตรงหน้าด้วยแววตามีความสุข @คอนโดเตวินทร์ หลังจากที่กลับมาจากบ้านหรู สองเท้าหนาก็เดินตรงเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงขนาดใหญ่ของห้องตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยกับการขับรถแต่แล้ว...อยู่ ๆ ดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่ที่บนโต๊ะลิ้นชักข้างเตียง มือหนาจึงเอื้อมมือเข้าไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ 'ไม่เอา ไม่ถ่าย' 'ถ่ายหน่อยน่า เอาไว้เก็บไว้ดู' 'ไม่เอาเตวินทร์ ไม่...' แชะ! 'ฮ่า ๆ หน้าเธอตลกมาก' 'ชิ!' 'ฮ่า ๆ' พึบ เสียงคนตัวสูงจัดการหยิบรูปภาพของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งคนที่เขาไม่เคยคิดที่จะลืมกับสิ่งที่เธอทำไว้กับเขาลงไปไว้ในลิ้นชักหรูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ผู้หญิงคนนั้น... คนที่ทำให้เขากลายมาเป็นเสือเตวินทร์ในวันนี้ "วาเลน..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD