มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง..
การเรียนมหาลัยวันแรกกับสถานที่แปลกใหม่ อะไรๆ มันก็ดูจะแปลกใหม่ไปหมดในสายตาฉัน มหาลัยที่นี่มันกว้างมากแถมตึกเรียนแต่ละจุดยังตั้งอยู่ห่างกันด้วย ฉันเดินหาตึกเรียนของคณะเจอแล้ว แต่..ตอนนี้หาห้องเรียนไม่เจอ ฉันไม่รู้ว่าห้องเรียนคาบแรกที่จะเข้าเรียนมันอยู่ห้องไหน เวลานี้ฉันกำลังมองหาตัวช่วยและแล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่นักศึษาชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้า พอมองดูการแต่งตัวแล้วคงจะเป็นรุ่นพี่ในคณะ ฉันรีบสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆ รุ่นพี่กลุ่มนั้นทันที
“พี่คะๆ ”
“รบกวนถามอะไรหน่อยค่ะ คือ..หนูหาห้องเรียนไม่เจอ” ฉันมองหน้าพี่ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มที่หันมามองและส่งยิ้มให้
“น้องเรียนห้องอะไรคะ”
“ห้อง4202ค่ะ”
“ชั้น4 ห้อง..” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบเสียงทุ้มต่ำก็พูดแทรกบทสนทนาขึ้นมาทันที
“ชั้น4 ห้องสุดท้าย” เตชินทร์พูดตอบ สายตามองจ้องหน้าเด็กสาวที่ทำหน้าเหวอมองเขาอยู่
“ขอบคุณค่ะ” ฉันหันไปพูดบอกพี่ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากตรงนั้นโดยที่ไม่หันมองหน้าผู้ชายคนนั้นอีก
“ดะเดี๋ยว! น้องคะ” เธอรีบตะโกนตามหลังเด็กสาวไป ก่อนจะหันมามองหน้าเตชินทร์เขม็ง
“แกบอกห้องเรียนน้องผิดนะ” พลอยใสมองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ
“ถ้าเด็กนั่นไม่โง่ก็คงไปถูกเอง รีบขึ้นเรียนเถอะ” เตชินทร์ยกยิ้มมุมปากพลางยักไหล่เล็กน้อยอย่างไม่สนใจ
เรียนมหาลัยเดียวกันสักวันก็ต้องเจอผู้ชายคนนั้นอยู่แล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าจะเจอเขาตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนแถมยังดันมาเรียนคณะเดียวกับเขาอีก ฉันนี่มันดวงซวยจริงๆ พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็เดินดุ่มๆ ไปห้องเรียนตามที่เขาบอกทันที สายตามองห้องที่อยู่ท้ายสุดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั้นและเดินไปหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ สายตาสำรวจดูเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในห้องครู่หนึ่งและพวกเขาก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาแบบแปลกๆ
ฉันเงยหน้ามองดูนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่ตรงหน้าห้องเรียนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเอกสารในกระเป๋าสะพายขึ้นมาอ่าน เสียงเก้าอี้ตัวข้างๆ ถูกเลื่อนออกทำให้ฉันละสายตาจากเอกสารในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดู
“นาย!” ฉันเบิกตากว้างขณะมองหน้าผู้ชายที่นั่งมองหน้าฉันอยู่ด้วยความตกใจ
“เธอนี่มันซื่อบื้อจริงๆ ” เขาโน้มใบหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ แววตาเต็มไปด้วยความขบขันระคนเอ็นดู
“นี่! นายแกล้งฉันเหรอไง นายนี่มันนิสัยแย่จริงๆ ด้วย” ฉันพูดกระชากเสียงใส่เขา สายตามองดูรุ่นพี่ผู้หญิงและผู้ชายที่ฉันเจอพร้อมกันกับเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลัง พวกเขาทำหน้าสงสัยระคนแปลกใจขณะมจ้องมองมาทางเราทั้งคู่
เตชินทร์ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรออกมาแต่กลับเอื้อมมือออกไปจับข้อมือเล็กไว้แน่นเมื่อเห็นลีอาทำท่าจะลุกหนี รอยยิ้มกระตุกขึ้นบนริมฝีปากเมื่อเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ
“ไหนๆ ก็เข้าห้องผิด ลองเรียนของปี3ล่วงหน้าดูดีไหม” เขาเริ่มรู้สึกสนุกที่เห็นปฏิกิริยาของเธอ
“ปะปล่อยนะ นายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอไง” ฉันจ้องหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ ยกมืออีกข้างขึ้นมาแกะมือแข็งที่จับข้อมือฉันออก แต่มันก็ทำได้ลำบากเพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือแถมยังบีบแน่นจนฉันเริ่มรู้สึกเจ็บ
“หึ..ไหนลองพูดเพราะๆ ให้ฟังหน่อย บางทีฉันอาจจะปล่อยมือเธอก็ได้ อืมม..ตัวอย่างเช่น พี่ชินขาปล่อยมือหนูเถอะนะคะ” เตชินทร์ยิ้มยียวนกวนประสาทใส่คนตัวเล็กที่นั่งมองเขาตาเขียวปั๊ด
‘..ผมรู้ว่าเธอกำลังโมโห แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมองว่าท่าทางแบบนั้นของเธอมันดูน่ารัก..’
“มะไม่มีทาง”
“งั้นก็นั่งเรียนอยู่ด้วยกันนี่แหละ”
ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ทั้งโกรธทั้งอายกับสิ่งที่ผู้ชายหน้าด้านคนนี้ทำ พวกเพื่อนของเขาก็มองดูอยู่ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอไงกัน ยังทำหน้าตายกับทำยิ้มกวนประสาทใส่ฉันอยู่ได้ เหมือนมีระฆังช่วยชีวิต ฉันหันไปมองอาจารย์ผู้ชายที่เดินเข้ามาในห้องและเขาก็คงเห็นแล้วเหมือนกัน มือหนาที่จับข้อมือฉันไว้เริ่มคลายออก ฉันเลยอาศัยช่วงจังหวะนั้นสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง รีบคว้ากระเป๋าสะพายและหยิบเอกสารทั้งหมดขึ้นมาถือไว้และรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไปทันที
“ยัยตัวแสบ ดื้อแบบนี้ก็ดี ค่อยสนุกหน่อย” เตชินทร์ยกยิ้มมุมปากขณะที่มองตามหลังคนตัวเล็กไป
ฉันเริ่มชะลอฝีเท้าลงเมื่อเดินออกมาจากห้องนั้น สอดส่ายสายตามองดูป้ายเลขที่ห้องเรียนและก็พบว่าห้องเรียนของฉันมันอยู่ก่อนจะถึงห้องเรียนของเขานั่นเอง ผู้ชายคนนั้นจงใจแกล้งฉันชัดๆ ตอนนี้ฉันชักจะเริ่มรู้สึกกลัวว่าการได้รู้จักและพบเจอเขามันอาจจะกลายเป็นฝันร้ายในชีวิตของฉันก็ได้ นับจากนี้ไปฉันต้องพยายามหลีกเลี่ยงและอยู่ให้ห่างจากเขาไว้ ฉันครุ่นคิดในใจขณะมองดูอาจารย์ที่กำลังพูดทักทายนักศึกษาอยู่หน้าห้องและพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาเรียนที่จะสอนไปด้วย
ฉันได้เพื่อนใหม่มาคนหนึ่งเธอชื่อพีชชี่ ที่รู้จักกันเพราะเธอก็เดินวนหาห้องเรียนอยู่เหมือนกันและฉันก็เป็นคนเดินไปทักเธอก่อนเพราะจำได้ว่าเธอนั่งอยู่ข้างหน้าฉันตอนที่เข้าเรียนวิชาแรก ถึงจะไม่ได้คุยกันมากนักเพราะอาจารย์กำลังสอนอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้ฉันยิ้มออกมาได้ พอช่วงพักกลางวันก็ได้คุยกับเพื่อนในห้องบ้าง ถึงรู้ว่าตอนเย็นที่คณะมีกิจกรรมรับน้องและประชุมเชียร์ มันเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กปี1ทุกคนต้องรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นกันแทบทั้งนั้นว่ากิจกรรมรับน้องนั้นมันจะเป็นยังไงบ้าง
ลานกิจกรรมของคณะ
กลุ่มรุ่นพี่ปี2กำลังช่วยกันจัดเตรียมพื้นที่เพื่อเตรียมจัดกิจกรรมรับน้อง บางส่วนก็เตรียมพวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะให้รุ่นน้องได้ทำกิจกรรมสนุกร่วมกันและเพื่อให้รุ่นพี่กับรุ่นน้องและรุ่นน้องกับรุ่นน้องด้วยกันได้ทำความรู้จักกัน สร้างความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม
ช่วงสองปีหลังมานี้ทางมหาวิทยาลัยออกกฎระเบียบใหม่ให้ทุกคณะเน้นจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เป็นหลัก และทุกคณะก็ตัดพวกกิจกรรมหนักๆ ที่ดูจะเป็นอันตรายตามที่จัดกันมาในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาลงไปเหลือแค่ทำกิจกรรมที่ทำร่วมกันของรุ่นพี่รุ่นน้องแล้วก็มีประชุมเชียร์เท่านั้น
พอถึงเวลาน้องใหม่ทุกคนก็ทยอยเข้ามานั่งตรงลานกิจกรรมจนเต็มพื้นที่ พวกรุ่นพี่ปีสองก็กล่าวทักทายและให้ทุกคนลุกขึ้นมาแนะนำตัว จนกระทั่งมาจนถึงลีอา เธอก็แนะนำตัวเองและรับป้ายชื่อที่รุ่นพี่ทำให้มาให้สวมใส่ลงในคอ เธอกวาดสายตาไปมองดูรอบๆ และก็สะดุดเข้ากับรุ่นพี่ปี3กลุ่มเดิมที่นั่งมองมาจากโต๊ะยาวตรงข้างๆ ลานกิจกรรมและหนึ่งในนั้นก็มีคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดนั่งรวมอยู่ด้วย
“วันนี้มึงจะอยู่ดูกิจกรรมรับน้อง?” นอร์ทเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ยังเห็นเตชินทร์ยังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะ ไม่ได้หนีหายไปไหนแบบทุกที
“อืม "
“เฮ้ย! จริงดิ กูก็นึกว่ามึงจะหนีกลับเหมือนทุกที” ดนัยร้องทักออกมาด้วยความแปลกใจ เขารู้ว่าเพื่อนไม่ค่อยสนใจกิจกรรมแบบนี้สักเท่าไหร่
“ปีนี้เด็กปีหนึ่ง สวยๆ น่ารักๆ เยอะนะ เอ่อ..น้องผู้หญิงคนนั้นก็น่ารักดีนะที่หลงเข้าห้องผิดเมื่อเช้าอะ” นอร์ทมองดูเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงริมสุดของแถวเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมาได้
“มึงดูเหมือนจะรู้จักน้องคนนั้นดี เห็นนั่งคุยกันแถมจับมือน้องด้วย ใครอะ?” ดนัยชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ เมื่อเห็นเตชินทร์ยังคงสนใจแต่เกมในโทรศัพท์ของตัวเอง
“ลูกสาวของเพื่อนแม่เลี้ยง” เตชินทร์พูดตอบพลางตวัดสายตาขึ้นมาจ้องหน้าคนถามเขม็ง
“แค่นั้น?” นอร์ทพูดแทรกขึ้นมาพลางมองหน้าเพื่อนอย่างคาดคั้น
“พวกมึงเลิกถามมากจะได้ไหม”
“เออๆ ถามแค่นี้ทำเป็นหงุดหงิด น่ารักๆ แบบนี้ กูจีบน้องเขาดีไหมวะ” พายุพูดเอ่ยขึ้นมาบ้างขณะที่สายตาจับจ้องรุ่นน้องสาวที่กำลังทำกิจกรรมของคณะอยู่
“คนนี้ไม่ได้ว่ะ ห้ามจีบ” เตชินทร์พูดแทรกขึ้นมาทันควันพลางตวัดสายตาขึ้นมองดูคนตัวเล็กที่กำลังหันมามองดูเขาเหมือนกันก่อนจะที่เธอจะรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ท่าทางแบบนั้นของลีอายิ่งทำให้คนที่มองดูอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ทำไมวะ หรือมึงจะ..”
“เออ”
“อะไรของมึงวะไอ้ชิน แบ่งให้เพื่อนบ้างดิ คนไหนน่ารักๆ สวยๆ มึงคาบไปแดกหมด” ท็อปทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองหน้าเพื่อนด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“คนนี้ไม่ได้ มึงไปจีบคนอื่นเหอะ” เตชินทร์พูดตัดบท เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดูเด็กสาวอย่างจริงจัง
“มึงจะทำเล่นๆ กับเด็กมันไม่ได้นะไอ้ชิน สงสารเด็กมันมั่ง” นอร์ทพูดดักคออย่างรู้ทัน เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนไม่เคยคิดจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ส่วนผู้หญิงที่มันคุยๆ อยู่ก็แค่คู่นอนเท่านั้น
“ถ้าเด็กมันอยากเล่นด้วยก็อีกเรื่องหนึ่งป่าววะ” เตชินทร์ยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบยังจับจ้องมองเหยื่อตัวน้อยไม่วางตา
“โห! ไอ้เชี่ย ไอ้หล่อ ไอ้เท่ห์ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามึงว่ะ มั่นหน้าสัสๆ ” ดนัยพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ ใครก็คงไม่เถียงหรอกว่าไอ้ชินมันหล่อ มีสาวๆ ที่ไหนที่เห็นหน้าหล่อๆ ของมันแล้วไม่ชอบบ้าง และที่สำคัญนอกจากเพื่อนผมมันจะหล่อแล้วมันยังใจสปอร์ตและรวยมาก
“แน่ใจนะ..ว่ามึงกำลังด่ามัน” พายุพูดกลั้วหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เตชินทร์ละสายตาก้มลงมามองเบอร์ที่โทรเข้ามา พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็เอื้อมมือลงไปหยิบมันขึ้นมากดรับสาย เสียงหวานใสเอ่ยทักทายเขาทันที
“ชินอยู่ไหน เลิกเรียนนานแล้วไม่ใช่เหรอ "
“อยู่ที่คณะ มิล่ามีอะไรหรือเปล่า”
“ชินจะกลับบ้านกี่โมง”
“วันนี้จะนอนที่คอนโด”
“เอ่อ..มิล่าไปหาชินได้ไหม”
“ไว้วันอื่นเถอะ ชินมีธุระไม่รู้จะกลับกี่โมง”
“อืม งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ครับ”
ผมกดวางสายพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ สายตามมองดูนอร์ท์ที่มันแสยะยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมา ดูท่ามันคงจะเอือมระอาผมอยู่เหมือนกัน เรื่องมิล่าพวกเพื่อนในกลุ่มผมก็รู้เรื่องนี้ดี
ถึงพวกเราจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน พ่อผมกับแม่มิล่าแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนพวกผมก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแบบที่เป็นอยู่นี้ สนิทกันแบบเพื่อนมากกว่าเพราะอายุเราเท่ากัน ความสัมพันธ์แบบนี้มันเริ่มต้นขึ้นตอนที่พวกเราเริ่มเข้าเรียนมหาลัย มิล่าเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาผมก่อนขณะที่ผมพยายามทำตัวเฉยๆ และคอยหลบเลี่ยงเธอ ถึงขนาดย้ายออกมาพักที่คอนโดแทนเพราะไม่อยากมีปัญหา ถึงยังไงในสายตาคนนอกที่มองผมกับเธอก็มีสถานะเป็นพี่น้องกัน
พอมิล่าเลิกกับแฟนคนก่อนหน้านี้ไปได้ไม่นาน เธอก็เป็นฝ่ายเข้ามาสารภาพว่าแอบชอบผมมานานแล้วแถมยังให้ท่ายั่วยวนผมถึงในห้องนอน ผมมันก็เป็นผู้ชายไหม โดนยั่วขนาดนั้นถ้าไม่จัดก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ผมขอให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราอยู่ในสถานะFriend with benefits ซึ่งเธอเข้าใจและก็รับปาก
ผมก็ชอบมิล่านะ เพราะเธอเป็นคนสวยและนิสัยดี แต่ก็แค่ชอบเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเกินไปกว่านั้นเพราะผมไม่ชอบการผูกมัด ผมชอบชีวิตโสดและอิสระแบบนี้ อิ่มก็หยุดหิวก็ออกล่าเหยื่อใหม่ และเหยื่อตัวนั้นก็ต้องเต็มใจให้ผมกิน เปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มั่วเพราะผมก็เลือกกินและป้องกันตัวเองดีทุกครั้ง
เซ็กซ์สำหรับผมมันก็เหมือนกับอาหารแหละ..