5

1321 Words
เบิ้มเลี้ยวรถเข้ามาในเหมืองเก่า ที่เวลานี้กลายเป็นเหมืองร้าง เนื่องจากวิเศษย้ายเหมืองไปทำอีกที่หนึ่งที่ใหญ่กว่า ถนนสายนี้จึงไม่มีคนสัญจรผ่านไปมา จะมีก็แต่วินัยกับพวกที่มักมาสุมหัวเสพยาเสพติดและเล่นการพนัน ระหว่างเบิ้มขับรถ เขาได้สังเกตเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับตามมา ด้วยความสงสัยและไม่ไว้ใจ เบิ้มจึงเอ่ยปากคุยกับเพื่อน “เฮ้ย…ไอ้มะแซ กูว่ามีรถตามเรามานะ” มะแซหันไปมองด้านหลัง ซึ่งเขาก็เห็นว่ามีรถยนต์ขับตามมาจริงๆ “เออใช่…รถใครวะ ไม่คุ้นเลย แล้วมันมาขับห่าเหวอะไรแถวนี้วะ” มะแซเกิดความสงสัยเช่นกัน “หรือว่ามันจะหลงทาง” “จะหลงทางหรือไม่หลงทาง กูก็ว่ามันไม่น่าไว้ใจนะ เรายิ่งทำเรื่องชั่วยาวเหยียดเป็นหางว่าวอยู่ด้วย” คนขี้ระแวง ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น “แล้วจะเอาไงดีวะ เราไม่รู้ซะด้วยว่ามันเป็นใคร” ก่อนที่มะแซหรือเบิ้มจะหาทางแก้ไขปัญหา รถคันหลังได้เร่งเครื่องแซงรถยนต์ของเบิ้ม ก่อนจะปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด ส่งผลให้เบิ้มกับมะแซร้องดังลั่นรถ เบิ้มหักรถหลบจนตกไปริมทาง “เฮ้ย!...อะไรของมันวะ แม่งท่าทางอยากจะตายเร็ว” เบิ้มตะโกนอย่างหัวเสีย เปิดประตูรถ หวังจะเอาเรื่องรถคันหน้า แต่พอเห็นจำนวนคนของรถคันหน้าที่ก้าวลงมาจากรถ เบิ้มก็แทบจะวิ่งกลับเข้าไปในรถแทบไม่ทัน “หยุดนะมึง ถ้ามึงก้าวอีกก้าวเดียว กูยิงไส้แตกแน่” อดิศรเล็งปืนไปยังเบิ้ม น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แววตาน่ากลัว เบิ้มหยุดก้าวเท้าทันที มองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว “พวกมึงจะปล้นกูเหรอ มึงไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใคร” เบิ้มทำใจดีสู้เสือ หันไปมองมะแซที่ขยับมือหยิบปืนตรงคอนโทรลรถ แต่ช้ากว่าชัยยุทธที่เปิดประตูมากระชากร่างมะแซลงมาจากรถ “กูไม่ได้มาปล้นฆ่ามึงสองตัว กูแค่มาเอาตัวผู้หญิงที่มึงลักพาตัวมาก็เท่านั้น” อดิศรบอกเบิ้ม พยักหน้าให้ลูกน้องอีกสองคนไปนำตัวขวัญข้าวออกมาจากรถ “ส่วนมึงสองตัว ถ้าไม่อยากตายห่าคาป่า มึงก็อย่าขัดขืน” “ถ้ามึงรู้ว่า มึงเอาตัวว่าที่เมียใครไปล่ะก็ มึงหนาวแน่แล้วมึงก็ไม่คิดอยากจะทำ” เบิ้มขู่กลับ ทว่าอดิศรกลับยิ้มแทนที่จะหวาดกลัว “กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้” อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วย หากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำ อดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู่ทำไปเพราะอะไร เขาสนแต่เพียงว่าต้องชิงตัวขวัญข้าวมาให้ได้ และก็ทำสำเร็จ เมื่อวานนี้หลังจากรายงานความคืบหน้าให้กัลป์ได้รับรู้ อดิศรได้บอกแผนการของตนให้กัลป์ฟังว่า หากต้องการรู้ข้อมูลของคชาให้มากกว่านี้ ต้องรู้จากคนใกล้ตัว และคนใกล้ตัวคนนั้นที่เขาพุ่งเป้าคือ ขวัญข้าว ซึ่งกัลป์ก็เห็นด้วยกับแผนการของอดิศร แผนลักพาตัวเธอจึงเกิดขึ้น ซึ่งอดิศรกับพวกไม่รู้เลยว่า กัลป์จะทำกับขวัญข้าวมากกว่าล้วงความลับ จังหวัดยะลา ปัญญากับคชาและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง กำลังช่วยกันลำเลียงอาวุธสงครามขึ้นไปบนรถบรรทุก เพื่อขนย้ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยอาศัยแนวชายป่าระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซียเป็นเส้นทางขนส่ง พอไปถึงจุดนัดหมายจะมีคนมารอรับสินค้า ถือว่าสิ้นสุดการทำงานของปัญญากับพวก “พวกมึงเร่งมือหน่อย กูไม่อยากไปถึงช้า” ปัญญาเร่งลูกน้องที่แต่ละคนเหงื่อซก “โธ่พ่อ แค่นี้ก็เร่งกันจะตายอยู่แล้ว ว่าแต่ทำไมสินค้าลอตนี้มันเยอะจังเลยล่ะ ครั้งที่แล้วน้อยกว่านี้เกือบครึ่ง” คชาถามบิดา ขณะใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อบนใบหน้า “เห็นนายบอกว่า ลูกค้าแถวตะวันออกกลางต้องการสินค้าเพิ่ม เลยสั่งผ่านนายหน้าคนนี้มาเยอะ” “ครั้งนี้ยังเต็มรถ ครั้งหน้าไม่ล่อสองคันเหรอเนี่ย ของยิ่งเยอะยิ่งแตะตาตำรวจนะพ่อ ฉันว่าคราวหน้าทยอยส่งดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อนไงพ่อ” คชากลับคิดว่า การส่งสินค้าในปริมาณมาก อาจทำให้ตำรวจดมกลิ่นเจอ ส่งของทีละน้อยแต่บ่อยครั้งน่าจะดีกว่า “กูก็คิดอย่างมึง แต่จะทำไงได้ล่ะ เรามันลูกน้องนายสั่งอะไรก็ต้องทำ อีกอย่างนายก็ปิดปากตำรวจแถวนี้ตั้งมาก คงไม่มีอะไรมั้ง” ไม่ใช่ว่าปัญญาไม่คิด เขาคิด เพียงแค่ค้านอะไรวิเศษไม่ได้ วิเศษเป็นคนเห็นแก่เงิน ยิ่งลูกค้าสั่งมากยิ่งชอบ แล้วการที่เห็นแก่เงินนี้เองที่ทำให้วิเศษขาดความรอบคอบ เขาเตือนหลายครั้งแต่ก็ไม่ฟังสักครั้ง “มึงรีบไปช่วยพวกมันดีกว่า เสร็จงานนี้ต้องไปส่งเนื้อต่ออีก” งานของปัญญาไม่ได้มีเพียงแค่ส่งอาวุธสงคราม เขายังมีภารกิจอีกหนึ่งอย่างคือ ส่งผู้หญิงไปขายบริการยังต่างแดน หญิงสาวที่ถูกนำตัวไปในครั้งนี้ มีทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ คนที่ไม่เต็มใจไม่ใช่ว่าจะไปถูกจับตัวมา แต่เป็นลูกหลานของลูกหนี้ที่ติดหนี้สินวิเศษ และไม่สามารถหาเงินมาใช้ตามตกลงกันไว้ วิเศษจึงข่มขู่ต่างๆ นานา ส่งผลให้ลูกหนี้หลายคนจำต้องบังคับลูกหลานให้มาขายบริการทางเพศ แลกกับการลบล้างหนี้สิน คชาไม่พูดอะไร เขาเดินไปทำตามคำสั่งบิดา เพราะเขาเองก็อยากกลับบ้านเร็วๆ ทำงานครั้งนี้เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย มันกังวลและพะว้าพะวงอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้บอกให้บิดารู้ถึงความรู้สึกนี้ คิดว่ามันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีดังเช่นผ่านมา อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาการขนสินค้าเป็นอันเสร็จสิ้น คชาทำหน้าที่ขับรถบรรทุก มีปัญญานั่งอยู่ด้านหน้าคนขับ ส่วนลูกน้องที่เหลือนั่งอยู่ในรถจิ๊บอีกสองคันที่ขับตามมา คชาขับรถไปตามเส้นทางคุ้นเคย มุ่งหน้าตรงไปยังจุดนัดหมายใช้เวลาขับรถไปร่วมสองชั่วโมงกว่าจะถึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD