"พิพิมหายใจไม่ออก...." กำปั้นน้อยรีบยกทุบหน้าอก คล้ายว่ามันอึดอัดอยู่ภายในใจ แต่ยังฝืนหายใจได้บางช่วง แค่ขัดขวางระบบการทำงานร่างกายให้ช้าลง
"น้ำใคร?" น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น ตอนเห็นบนโต๊ะมีขวดน้ำเปิดฝาไว้อยู่ ก่อนจะตรงไปดึงแขนเรียวให้เชิดใบหน้าขึ้นพูดคุย
มันน่าโมโหจากวันก่อนอีกหลายเท่า ที่เธอไม่รู้เรื่องเลยว่าสถานที่แบบนี้ไม่สมควรมาเหยียบมัน
"เขาบอกว่าพิพัฒน์ให้เอามาเสิร์ฟ แต่..." เธอพยามข่มลมหายใจให้เป็นปกติ แต่เผลอบีบมือหนาคืนตอนถูกรั้งต้นแขน ระดับใบหน้าอยู่ตรงกล้ามท้องชาย พ่นลมหายใจร้อนราดรดไม่ทันระวัง
"แต่อะไร? ว่าพูดมาสิ!!"
"เหมือนเป็นคนใหม่" ถึงเธอจะเอะใจตอนนี้ มันก็ไม่ทันแล้วว่า ต่อให้ระวังตัวยังพลาดได้เลย
"แล้วเธอก็ปิดกล้องวงจรปิดอะนะ แมร่งเอ้ย!!!!" พอเขาจะเปิดกล้องวงจรปิด ทว่ามันถูกถอดปลั๊กไฟออกด้วย ซึ่งคนตัวเล็กพยักหน้ายอมรับแทนคำตอบเท่านั้น
"โง่! ใครให้เธอมาอยู่ที่นี่ แล้วไปรับของกินจากคนแปลกหน้าได้ยังไงพิพิม!!" น้ำเสียงเข้มตะคอกดัง จนลูกน้องหน้าห้องรับรู้ถึงความผิดปกติข้างใน ทว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปถ้าเจ้านายไม่อนุญาต
"จะมาว่าพิพิมทำไม ถ้ารู้ว่าโดนพามาที่นี่ก็ไม่มาหรอก" เรี่ยวแรงอันน้อยรวบรวมมาเถียงต่อสู้ พยามเหยียดแขนจับอีกฝ่ายตรงกล้ามอก เพื่อจะประคองตัวเองลุกยืนขึ้น ให้ออกจากห้องหนีหน้าเขาไป
"โง่แต่ก็อวดเก่ง!" สายตาคมมองอย่างสมเพช ที่เหยื่อตัวน้อยยังกล้าพยศแม้รู้ว่าตัวเองฝืนไม่ไหว
"มันจะมากไปแล้วนะ หลีกไปให้พ้นเลย!" กำปั้นน้อยเหวี่ยงมาทุบใส่แผงอกกว้าง โดยไม่สนใจว่าเขามีรอยช้ำมาก่อนเท่าไหร่
เธอรู้สึกทั้งเจ็บใจและเสียใจ ที่อีกฝ่ายด่าทอดูแคลนไม่ไว้หน้ากันเลย
"เก่งนักใช่ไหม!!" ฝ่ามือหนากระชากร่างเล็กใส่แผงอกแกร่ง ด้วยอารมณ์เดือดดาลโมโหเช่นกัน ขนาดเขาออกปากไล่เธอไปให้ไกล แต่ไหงถึงได้กลับมาก่อเรื่องให้ปวดหัวอีก
"ใช่พิมเก่ง และพิมก็เกียจพี่ไคไม่อยากเจอหน้าเหมือนกัน" ดวงตากลมแดงจัดจ้องมองใบหน้าคมคาย เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงแสดงท่าทีรังเกียจหนักหนา
มือบางตวัดปลายเล็บลงจิกท่อนแขนใหญ่ ตอนรู้สึกเจ็บที่เขาบีบเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ
"เอาตัวเองให้รอดก่อนจะปากดีใส่ฉัน!"
"ปล่อย...อุ๊บบ..อื้ออออ" เธอยังไม่ทันได้เถียงกลับ ก็ถูกลาไคใช้มืออีกข้างจับล็อคท้ายทอย ให้แหงนหน้ารับจูบหนักหน่วง บดขยี้รอบริมฝีปากอิ่มเอมอย่างระบายอารมณ์
สองมือบางรีบกระหน่ำทุบตีคนตัวสูง เขาแค่อยากเอาชนะแต่จะมาทิ้งความน่าขยะแขยงไว้ทำไม เธอไม่ได้ยินยอมจะปล่อยจูบครั้งแรกให้กับเขาเลยสักนิดเดียว
"อื้อออ่อยย..." น้ำเสียงใสถูกปิดกั้นด้วยปากหยัก เขาขบเม้มดึงจนรู้สึกแสบร้อนผ่าว ไม่ว่าจะดีดดิ้นอย่างไร ท่อนแขนแกร่งยิ่งกำชับล็อคแผ่นหลังบางแน่น
จนในที่สุดเขี้ยวฟันคมของอีกฝ่ายกัดลงขอบปากนิ่ม ให้เธอได้เผย่อรับลิ้นสากอย่างจำยอม รสคาวปะปนสารนิโครตินผสมคละคลุ้ง ทำเธอแทบอาเจียนลืมหายใจเป็นระยะ เพราะไม่ใช่ว่าจากบาดแผลเธอคนเดียว
"อื้มม...." คนเอาแต่ใจหลุดเสียงครางในลำคอหนา ตอนรสหวานละมุนปลุกสัญชาตญาณนักล่า สายตาคมยังจ้องมองใบหน้าใส เธอดูอ่อนหัดไร้ประสบการณ์ ช่างอวดดีไม่สิ้นสุด
ฝ่ามือหนาเลื่อนลูบไล้กำลังจะไล่เข้าใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง ที่มีเกาะอกสีขาวเห็นชัดจากด้านนอก ไม่สนใจว่าร่างอรชรจะก่นหยิกลงต้นแขนแกร่งสักเท่าไหร่
"ออแอ้ววว....." ท่อนแขนเรียวสองข้างฝืนดันตรงบ่ากว้าง ให้ลาไคยอมผละจูบออกถอยห่าง จนเธอเลือกจะอยู่นิ่งเฉย ปล่อยลิ้นสากตวัดควานหาน้ำหวานให้พอใจ
ก้อนหัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นเป็นจังหวะ เลือดลมปรานสูบฉีด จนลมหายใจเข้าสู่ระบบปกติ เปลือกตาเลื่อนเปิดมองอีกฝ่าย ก่อนกระพริบปริบเก็บซ่อนข้อความ
"ทีหลังอย่าอวดดี" ปากหยักขยับถอนจูบออก ปลายลิ้นสากตวัดเลียคราบคาวบนปากอิ่ม ก่อนก้าวขาถอยหลังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ใจร้ายจังเลยนะคะ" ก่อนที่เขาจะหันหลังให้ เธอเห็นคราบเลือดชัดเจนบนปากหยัก แต่เลือกจะมองข้ามผ่าน มือบางรีบยกเช็ดของตัวเองตาม แต่ไม่พบรอยเปื้อนอะไร
เขาช่างใจร้ายกับเธอเป็นที่สุด ขนาดสองครอบครัวต่างคนต่างสนิทสนมกัน แทนที่จะพูดจากันดีๆ สักครั้งบ้าง
ร่างอรชรเลยเลือกจะหันหลังใส่เช่นกัน มุ่งเดินเปิดประตูออกไป ทำเหมือนว่าเรื่องทุกอย่างสิ้นสุดลงหลังจากเสี้ยวนาทีนี้
...............................................