ตอนที่ 3 แสดงอำนาจของตนเอง

2277 Words
หลังจากที่เหตุการณ์ในวันนั้นได้เกิดขึ้น ก็คล้ายกับว่ามีหมอกบางๆ ที่กั้นระหว่างสองสามีภรรยานี้เอาไว้ จ้าวฝูหมิงแทบจะไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับผู้เป็นภรรยาเพราะรู้สึกผิดอยู่ในใจลึกๆ ที่ผ่านมาตนเองไม่สามารถ ดูแลนางให้ดีได้ เพราะหลังจากที่เขาได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็เป็นจริงอย่างที่นางว่า มารดาของเขาแทบจะกลั่นแกล้งและเกลียดชังนางมากเพียงใด แม้แต่เหล่าอี้เหนียงของเขายังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าสตรีที่เขารักเสียด้วยซ้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่ให้เขารู้สึกละอายใจได้อย่างไรเล่า หากจะว่าไปการที่ตระกูลจ้าวสามารถผงาดได้อีกครั้งเช่นนี้ ก็เพราะความช่วยเหลือของฮูหยินเอกของเขาผู้นี้ไม่ใช่หรือ ที่คอยสนันสนุนเขาในทุกๆ เรื่อง นางสอนถึงการทำการค้าและกลวิธีต่างๆ ให้กับเขาจนประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ และยังสมบัติมากมายที่นางมอบให้เขาเอาไปทำทุนโดยไม่คิดเสียดายเหล่านั้นอีกเล่า เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่รู้สึกผิดต่อนาง เขาจึงได้คิดแต่จะทดแทน สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดต่อจากนี้ด้วยการเอาใจใส่หญิงสาวให้มากขึ้นเสียหน่อย… "ฮูหยินดูเหมือนว่าช่วงนี้นายท่านจะดูแลเอาอกเอาใจฮูหยินเป็นอย่างดีกว่าเมื่อก่อนยิ่งนัก ทั้งเครื่องประดับมากมายยังนำติดไม้ติดมือมาให้ท่านมิได้ขาด" มู่หลันสาวใช้คนสนิทของหานหลินปิงถึงกับมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า อย่างมีความสุข เมื่อคิดได้ว่าต่อจากนี้นายหญิงของตน จะได้มีชีวิตที่ดีเสียที "เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ แค่เพียงของนอกกายเหล่านี้ จะสามารถทดแทนสิ่งที่ข้าเผชิญมาได้อย่างไร" นางยังคงมีท่าทีสุขุม ในขณะที่กล่าวตอบสาวใช้คนสนิทหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีเสียใจหรือน้อยใจเลยสักนิด "แต่หากว่าหลังจากนี้นายท่านคิดได้และหันมาให้ความสนใจกับฮูหยินก็เป็นเรื่องดีมิใช่หรือ" มู่ถิงสาวใช้คนสนิทอีกคนกล่าวออกมาอย่างไม่เห็นด้วย "เด็กโง่...เจ้าคิดว่านายท่านของเจ้า จะมีความ อดทนได้นานถึงเพียงไร แค่เพียงเขาเห็นน้ำตาของผู้เป็นมารดาอาบแก้ม ก็เกรงว่าจะรีบตกลงทำตามที่นางต้องการอย่างไม่คิดอิดออดเสียแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน จวนตระกูลจ้าวคงได้มีเรื่องมงคลเป็นแน่" "ฮูหยิน..!!!" สาวใช้ทั้งสองคน อุทานออกมาอย่างตกใจ หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่เท่ากับว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกระนั้นหรือ นายหญิงของพวกนางก็ยังคงต้องรู้สึกเจ็บช้ำอยู่เช่นนี้ และหากเป็นไปอย่างที่พวกนางคาดไว้ อีกไม่นานแม้แต่ตำแหน่งฮูหยินเอกนี้ก็คงจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ พวกนางจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ความรู้สึกไม่ยินยอมจึงปรากฏออกมาผ่านใบหน้าของสาวใช้ทั้งสองจนหานหลินปิงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ "วางใจเถิดตอนนี้ข้าตาสว่างแล้ว หากบุรุษผู้นั้นไม่คิดจะเติบโต ยังคงเป็นลูกแหง่ ที่คอยทำตามมารดาอยู่เช่นนี้เรื่อยไป หากเขาไม่สามารถคิดได้ด้วยตนเอง ข้าก็จะไม่ทนอยู่กับเขาอีกต่อไปแล้ว…เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำก่อนหน้านี้เป็นเช่นไรบ้าง" "ฮูหยินท่านหมายถึง…? " "พวกเจ้าเข้าใจถูกแล้ว" "ฮูหยิน…!!!" พวกนางตกใจกับคำกล่าวของผู้เป็นนายจนตาจะถลนอกมาจากเบ้า เมื่อตั้งสติได้ก็รีบตอบเจ้านายของตนเองไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างเหลือคณานับ "พวกบ่าวจัดการเรียบร้อยแล้ว สารที่ส่งไปยังแคว้นถัง เกรงว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะถึง บ่าวดีใจยิ่งนักที่ตอนนี้ฮูหยินตาสว่างเสียที คนพวกนี้จะต้องรู้สึกเสียใจที่ปฏิบัติกับท่านอย่างอยุติธรรมเช่นนี้" สาวใช้ทั้งสองแทบจะกระโดดโลดเต้น เมื่อคิดไปว่าจะได้กลับไปยังบ้านเกิดของตนเองเสียที พวกนางจากบ้านเกิดมา และต้องมาทนดูผู้เป็นนายเพียงคนเดียวที่ตนเองจงรักภักดี ถูกปฏิบัติอย่างอยุติธรรมเช่นนี้สตรีอันดับหนึ่ง ที่ถูกวางไว้บนฝ่ามือของหานอ๋อง ผู้ใดจะคาดคิดได้เล่าว่านางจะมีชะตากรรมชีวิตที่อาภัพเช่นนี้ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่านายหญิงจะถูกปฏิบัติเช่นใด ก็ไม่เคยให้พวกนางส่งข่าวไปบอกแก่ผู้เป็นบิดาให้ได้รับทราบ และยิ่งทำให้พวกนางรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ แต่เมื่อเรื่องราวในวันนี้กลับพลิกผัน ผู้เป็นนายตาสว่าง และกล่าวเช่นนี้ออกมา จึงทำให้พวกนางแทบจะกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีอกดีใจเสียให้ได้ ณ เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว "หมิงเอ๋อร์ นี่เจ้าจะให้แม่อกแตกตายใช่หรือไม่ แม่ได้ตกปากรับคำกับท่านลุงของเจ้าไปแล้ว แล้วเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าจะเป็นการตระบัดสัตย์ ที่ไม่ยอมให้ถิงเอ๋อร์แต่งเข้ามากระนั้นหรือ เจ้าจะให้แม่กลายเป็นสตรีแก่ ที่ไร้ความเชื่อถือได้อย่างไร" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกล่าวออกมาพร้อมทั้งน้ำตาอาบแก้มปริ่มจะขาดใจ นางสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจของบุตรชายมากกว่าครั้งไหน เพราะในแต่ละครั้งเพียงแค่นางกล่าวออกมาเพียงไม่กี่ประโยค บุตรชายผู้นี้ก็มักจะคล้อยตามอยู่เสมอ ต่างกันกับครั้งนี้ ที่นางพร่ำขอร้องบุตรชายอยู่เป็นชั่วยามแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังใจแข็งไม่ยอมตกลงกับนางเสียที "ท่านแม่การตกแต่งฮูหยินรองเข้ามา ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ท่านแม่ควรจะถามความคิดเห็นของลูกเสียก่อนที่ผ่านมาลูกได้ทำให้หลินเอ๋อร์ รู้สึกเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแค่นางแต่งเข้ามาไม่ถึงปี ก็มีอนุภรรยาถึง 2 คนแล้ว นี่ยังจะให้รับฮูหยินรองเข้ามาอีก ลูกจะหักหาญน้ำใจนางครั้งแล้วครั้งเล่าได้เช่นไร" "นี่เจ้าไม่เห็นมารดาผู้นี้อยู่ในสายตาแล้วกระนั้นหรือ การดูแลจัดหาสตรีให้สามีของตนเองนั้น ก็เป็นหน้าที่ๆ ดีของภรรยาที่ควรปฏิบัติสืบทอดกันมา หากนางจะรู้สึกไม่พอใจ นั่นแสดงว่านางหาได้เป็นสตรีที่มีจิตใจกว้างขวางอย่างที่สตรีทั่วไปควรจะมี เช่นนี้เจ้ายังจะห่วงความรู้สึกนางอีกกระนั้นหรือ" "ท่านแม่ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าที่ท่านพ่อรับสตรีมากมายเข้ามาในจวน ท่านก็รู้สึกเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ใช่หรือ แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ การรับสตรีมากมายเข้ามา ก็คงจะทำให้หลินเอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน แล้วเหตุใดท่านจึงได้บังคับให้ลูกทำเช่นนั้น เพื่อทำร้ายจิตใจนางด้วยเล่า" "เจ้า..!!! การรับสตรีมากมายเข้ามา เพื่อช่วยขยายกิ่งก้านสาขาของตระกูล ให้มีความมั่นคง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และอีกอย่างตอนนี้ ตระกูลของเรา ก็หาได้ขัดสนเหมือนดังเช่นกาลก่อน และจนถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังไม่มีลูกหลานไว้สืบทอด หากข้าจะหาสตรี เพื่อมาขยายกิ่งก้านของตระกูลจ้าวให้มั่นคงยิ่งขึ้น จะเป็นอันใดได้ เจ้าอย่าได้กล่าวให้มากความ หากว่ายังไม่ตอบตกลง แม่จะตายให้เจ้าดูเสียเดี๋ยวนี้" เพียงแค่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกล่าวมาถึงตรงนี้ ก็ทำท่าจะวิ่งไปเอาหัวโขกเสาตายให้รู้แล้วรู้รอด จ้าวฝูหมิงถึงกับต้องรีบเข้าไปห้ามปรามการกระทำของผู้เป็นมารดา ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง แต่เขาก็ยังคงใจแข็ง ไม่ยอมที่จะตอบตกลงเสียที พร้อมกับ กอดร่างอันสั่นเทาของมารดาเอาไว้ และบอกกล่าวกับมารดาคล้ายกับได้ตัดสินใจดีแล้ว "ท่านแม่อย่าได้บังคับลูกอีกเลย ถึงอย่างไรลูกก็จะไม่ทำร้ายจิตใจของหลินเอ๋อร์อีก ท่านแม่อย่าได้ลืมเป็นอันขาด ว่าการที่เรามีกิจการที่มั่นคงเช่นในวันนี้ได้ ก็เพราะนาง ลูกไม่อยากรู้สึกผิดกับสตรีที่ลูกรักไปมากกว่านี้ ท่านแม่โปรดจงเข้าใจ" จ้าวฝูหมิงรู้ว่าถึงอย่างไร ผู้เป็นมารดาก็ไม่มีทางที่จะฆ่าตัวตายจริงๆ หรอก การกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ของมารดา ก็เพียงเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจและทำให้เขาใจอ่อนเท่านั้น ชายหนุ่มจึงได้แต่ตัดใจเดินจากมา โดยไม่สนใจถึงเสียงร่ำไห้ที่ดังอยู่ด้านหลังของตนเองแต่อย่างใด… "หลินเอ๋อร์ เหตุใดวันนี้เจ้าถึงได้ทานน้อยยิ่งนักสำรับไม่ถูกปากหรือ ข้าจะพาเจ้าออกไปชิมอาหารที่เหลาอาหารขึ้นชื่อของเมืองหลวงดีหรือไม่" จ้าวฝูหมิง พยายามคีบอาหารที่นางชื่นชอบอย่างเอาอกเอาใจ แต่เมื่อเห็นหญิงสาววางตะเกียบลง เมื่อรับสำรับได้เพียงแค่ครึ่งชาม เขาก็ให้รู้สึกเป็นห่วงนางอย่างอดไม่ได้ "ข้าอิ่มแล้ว" หานหลินปิงกล่าวเพียงเท่านั้น สายตาของนางก็จ้องมองไปยังทิศทางหนึ่ง ทำให้จ้าวฝูหมิงจ้องมองตามสายตาของนางไป ก็พบเข้ากับอี้เหนียงทั้ง 2 คน ที่กำลังเดินมาจากที่ไกลๆ ตรงมายังเรือนแห่งนี้ เขาได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ กว่าจะจัดการกับผู้เป็นมารดาได้ยังต้องมารบรากับสตรีทั้งสองคน ที่คอยแวะเวียนมาทำให้คะแนนของเขาที่มีในหัวใจของนางลดลงนี้อีก "ท่านพี่น้องต้มน้ำแกงเพื่อบำรุงร่างกายมาให้กับท่าน ช่วงนี้ไม่เห็นท่านพี่ไปยังเรือนของน้องเลย น้องจึงต้องมาดูด้วยตาตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ที่แท้ก็เป็นเพราะฮูหยินไม่ยอมปล่อยให้ท่านไป...ใช่หรือไม่เจ้าคะ? " เสียงกังวานใสของหม่าอี้เหนียงกล่าวออกมาอย่างเอาแต่ใจ นางจ้องมองไปที่หานหลินปิงอย่างไม่ชอบอกชอบใจนัก เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าผู้เป็นสามี จะไม่ไปเหยียบเรือนของนางเลย "เกินไปแล้ว ขนาดข้านั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน พวกเจ้ายังไม่เห็นหัว กล้าว่าร้ายฮูหยินเอกได้ พวกเจ้าไม่อยาก จะอยู่ในตระกูลจ้าวแล้วใช่หรือไม่" จ้าวฝูหมิงทุบโต๊ะเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำไมเขาถึงไม่เห็นกริยาที่กำเริบเสิบสานของอี้เหนียงเหล่านี้ ที่แสดงต่อฮูหยินของเขาเล่าเหตุใดเขาถึงได้ตามืดบอดปล่อยให้เรื่องเหล่านี้ผ่านมาได้ จนทำร้ายจิตใจนางครั้งแล้วครั้งเช่นนี้ ดูเอาเถิดสายตาของนางตอนนี้ มิได้มีอารมณ์ความรู้สึกใด มันมีเพียงแค่ความว่างเปล่า คล้ายกับว่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้นางรู้สึกชินชาไปเสียแล้ว "ท่านพี่ เหตุใดถึงต้องโกรธมากมายถึงเพียงนี้ น้องรู้สึกผิดไปแล้ว แต่ท่านพี่ก็ไม่เคยแวะเวียนไปหาน้องจนทำให้น้องรู้สึกเสียใจ กลัวว่าท่านพี่จะลืมน้องไปเสียแล้ว หากน้องจะมาถามไถ่ถึงความเป็นมาทั้งหมด ก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือเจ้าคะ" "ข้าเพิ่งรู้ว่าอนุภรรยาอย่างพวกเจ้า ก็สามารถมีสิทธิ์มีเสียงเรียกร้องให้สามีของข้าแวะเวียนไปหาพวกเจ้าได้ มิหนำซ้ำยังสามารถมากล่าวโทษฮูหยินเอกอย่างข้าได้เช่นนี้ เกรงว่าที่ผ่านมาข้าคงละเลยการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพวกเจ้ากระมัง" หานหลินปิงที่ทนเงียบชมละครอยู่นาน ก็อดที่จะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอยู่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แค่เพียงนางกล่าวออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้หม่าอี้เหนียงและหลัวอี้เหนียงถึงกับรู้สึกหวาดกลัว มารู้สึกตัวอีกที พวกนางทั้งสองคนก็คุกเข่าลงยังพื้นเบื้องหน้าด้วยฝีมือของมู่หลันและมู่ถิงสาวใช้คนสนิททั้ง 2 ของหานหลินปิงเสียแล้ว "เจ้า…!!!กล้าดีอย่างไรมาทำกับพวกข้าเช่นนี้" สตรีทั้งสองคนยังไม่สำนึก ใช้สายตาที่ดุดันจ้องมองไปที่สาวใช้ทั้งสองอย่างไม่พอใจ แต่ทันใดนั้นหานหลินปิงก็ออกคำสั่งของนางออกไปอย่างเฉียบขาด "ตบปากพวกนางคนละ 50 ทีจนกว่าจะสำนึก และให้นั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าเรือนอีก 2 ชั่วยาม" ไหนเลยที่สตรีจองหองอวดดีทั้งสองคน เมื่อได้ยินคำลงโทษเช่นนี้ จะยินยอมโดยง่าย พวกนางจ้องมองไปที่จ้าวฝูหมิงอย่างต้องการความช่วยเหลือ แต่กลับพบเพียงสายตาที่ว่างเปล่า และไร้ซึ่งคำกล่าวใดๆ ออกมาจากปาก นั่นยิ่งทำให้พวกนาง รู้สึกรับไม่ได้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีแต่เพียงพวกนางที่รังแกฮูหยินเอกผู้นี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และไร้ซึ่งการลงโทษใดๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD