เวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง กิ่งไม้แห้งอยู่เต็มอ้อมแขนของหญิงสาว ร่างระหงก้าวเดินไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางกลับไปยังจุดเดิมที่เธอตกลงมา ด้วยกลัวว่าหากทีมค้นหาลงมาช่วยจะสามารถพบได้อย่างง่ายดายไม่ต้องเดินหาแต่อย่างใด แต่แล้วในเวลานี้เธอรู้สึกว่ายิ่งเดินทุกอย่างเริ่มแปรเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ไม่ได้เดินไปไหนไกลจากจุดเดิมแม้แต่น้อย ก่อนจะแหงนหน้ามองเบื้องบนเมื่อความมืดเข้ามาเยือน
“จะมืดแล้วทำไงดีล่ะฉัน จะไปปักหลักอยู่ตรงไหนทำไมยิ่งเดินเหมือนยิ่งห่างไกลจากจุดเดิมด้วยนะ แปลกจัง” หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนจะเหลือบไปเห็นชะง่อนผาที่ยื่นออกมาพอที่จะเข้าไปหลบได้
ใบหน้างามคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจออกมาทันที เมื่อเห็นสถานที่พอจะใช้หลบและหลับนอนได้ในคืนนี้
“เข้าไปหลบในนี้ก่อนแล้วกัน!” หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินตรงไปเบื้องหน้าทันที
เพียงไม่นานกองไฟก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ ทั่วบริเวณมืดสนิทไม่สามารถมองเห็นแม้แต่เงาของต้นไม้ด้านนอกแม้แต่น้อย แสงสว่างจากกองไฟสะท้อนเงาของเฉินวาวาในชุดเจ้าสาวทาบทับลงบนผนังหินผา ในขณะที่เจ้าตัวนั่งสัปหงกอยู่ที่พื้นด้วยความเหนื่อย
“โฮกกกก!!!” เสียงคำรามของสัตว์ป่าขนาดใหญ่ดังก้องท่ามกลางความเงียบงัน
“เฮือกก!!!” หญิงสาวสะดุ้งจนสุดตัว ครั้นได้ยินเสียงสัตว์ป่าดังกึกก้องไปทั่ว
“สะ...เสียง...เสือ...กะ...ก้นเหวแบบนี้มีเสือด้วยเหรอ..ยะ..แย่แล้ว” หญิงสาวรีบลุกพรวดพราดจากพื้นทันที
“จะไปทางไหนดี! มืดแบบนี้วิ่งหนีออกไปมีแต่ตายกับตาย ไม่โดนเสือกัดตายก็คงเดินหลงหาทางออกไม่ได้” หญิงสาวพูดพลางรีบหันกลับไปคว้ากระเป๋าเป้มากอดไว้แนบอก
ร่างงามเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อถอยมาจนสุดทาง
“ฟิ้วววว!!!” สายลมปะทะเข้าที่ร่างออกมาจากช่องโหว่ตรงหินผา
“ฮือออ” หญิงสาวส่งเสียงอยู่ในลำคอขึ้นมาทันทีเมื่อถูกสายลมพาดผ่านกาย
ใบหน้างามหันกลับไปมองตรงช่องโหว่ดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าเศษไม้ที่กำลังลุกไหม้อยู่ในกองไฟมาส่องดูภายในช่องโหว่ดังกล่าว
แสงสว่างจากไม้ที่ลุกติดไฟทำให้เธอมองเห็นพื้นที่โล่งๆ หลังหินผานี้ได้ หญิงสาวไม่รอช้ารีบเร้นกายเข้าไปภายในช่องโหว่ดังกล่าว ร่างงามระหงของหญิงสาวสามารถเล็ดลอดเข้าไปได้แต่เป้ของเธอไม่สามารถเข้าไปได้ จนต้องถอดออกจากหลังวางไว้ตรงทางเข้าก่อนจะรีบเร้นกายหลบเข้าไปภายในทันทีเมื่อเสียงคำรามของสัตว์ป่าเริ่มเข้ามาใกล้
เฉินวาวาสามารถเข้ามาหลบหลังผนังถ้ำได้เป็นผลสำเร็จเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะทันทีที่ร่างของเธอหายเข้าไปในช่องหลืบดังกล่าว เสือดำขนาดใหญ่จำนวนสองตัวค่อยๆ เดินตรงมายังกองไฟที่ลุกโชน ดวงตาแดงก่ำก่อนจะเดินดมกลิ่นไปทั่วบริเวณท่ามกลางสายตาของหญิงสาวที่แอบมองลอดผ่านทางช่องหลืบดังกล่าว
“อย่าบอกนะว่าที่ตรงนี้เป็นรังของเจ้าเสือดำสองตัวนี้!” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ
แต่แล้วความคิดของเธอก็ดันเป็นจริงเมื่อเสือดำสองตัว ค่อยๆ ทรุดลงนั่งกับพื้นตรงหน้ากองไฟ ราวกับว่าแสงสว่างดังกล่าวให้ไออุ่นมิให้พวกมันต้องเหน็บหนาวในเวลากลางคืน และกระเป๋าเป้ของเธอที่ตกอยู่ตรงทางเข้าช่องหลืบดังกล่าวถูกเสือดำตัวเขื่องคาบออกมาจากปากทางเข้า ก่อนจะพยายามเปิดกระเป๋าเป้ของเธอ
“ปัดโธ่เอ๋ย... พวกแกอย่าทำลายข้าวของในกระเป๋าเป้ของฉันนะขอร้องละ!” หญิงสาวรำพึงรำพันเมื่อเห็นเจ้าเสือดำพยายามที่จะเปิดกระเป๋าเป้ของเธอให้ได้
และดูเหมือนว่าความพยายามของมันจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะกระเป๋าเป้ดังกล่าวมิได้เปิดง่ายๆ ดั่งใจคิดเพราะมีซิปรูดปิดปากกระเป๋าเอาไว้ ก่อนจะถูกอุ้งเท้าของมันเหยียบเอาไว้แทนและลงนั่งทับกระเป๋าเป้ของหญิงสาวประหนึ่งเบาะรองกายของมันก็ว่าได้
“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น
“นึกว่าจะโดนรื้อซะแล้ว ดีนะที่พวกมันรามือ” วาวารำพึงออกมาเบาๆ
หญิงสาวค่อยๆ หันกลับมาสำรวจพื้นที่ภายในเพื่อหาที่นั่งเหมาะๆ ไฟแช็กที่ถูกเก็บไว้ในสาบเสื้อของตัวชุดถูกล้วงออกมาทันทีพร้อมถูกจุดขึ้นเพื่อให้เกิดแสงสว่างภายใน
“ข้อดีของชุดโบราณก็คือสามารถเก็บข้าวของไว้ในอกเสื้อเยอะเลยคริคริ” วาวาพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ มือเรียวตบลงบนหน้าอกที่ยังมีข้าวของบางอย่างยัดอยู่ในสาบเสื้อด้านใน ก่อนจะชูมือขึ้นสูงพร้อมส่องไฟแช็กให้แสงสว่างสาดกระจายไปทั่ว
ดวงตากลมโตเห็นด้านหลังของช่องหลืบเป็นพื้นที่กว้างเลยทีเดียว มองไปแห่งหนใดมีแต่ความว่างเปล่า ก่อนจะเห็นกลุ่มควันขาวบางๆ ลอยอยู่ตรงเบื้องหน้าพร้อมทางเดินเล็กๆ เพียงพอสำหรับตัวคนเดินเข้าไปได้
“จะเข้าไปดีไหมนะ ทำไมควันขาวพวกนี้ถึงมีไอร้อนด้วย” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ
สองเท้าที่กำลังก้าวเดินตรงไปข้างหน้าหยุดชะงักทันทีก่อนจะถอยหลังกลับ เมื่อคิดใคร่ครวญว่าไม่ควรที่จะเดินตรงไปเบื้องหน้าในสถานที่ไม่รู้จักแม้แต่น้อย
“ข้างหน้าจะมีอะไรบ้างก็ไม่รู้ เกิดไปเจอสัตว์มีพิษ! หรือสัตว์ประหลาดจะทำยังไง หรือไม่ก็เจองูตัวใหญ่นอนเฝ้าหรือมังกรเฝ้าถ้ำเหมือนในหนังที่เคยดูแล้วฉันจะทำยังไง” หญิงสาวยืนครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย
“ปัญญาอ่อนแล้ววาวา คิดออกมาได้!ยุคสมัยนี้มีที่ไหนเรื่องแบบนั้น... ประสาทแล้วคิดอะไรไปทั่ว” หญิงสาวก่นด่าตัวเองก่อนจะนึกถึงความฝันของเธอขึ้นมาทันที
ใบหน้าสวยส่ายไปมาทันใดครั้นคิดถึงความฝันที่เห็นทุกค่ำคืน พร้อมยกไฟแช็กขึ้นสูงพลางหมุนกายไปโดยรอบเพื่อสำรวจให้แน่ใจ
“ยิ่งความฝันบ้าบอแบบนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันกำลังเจออยู่ในตอนนี้แตกต่างจากที่เห็นในฝันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันสักอย่าง เมื่อเห็นแบบนี้เธอจะกลัวทำไมอีกเฉินวาวา! ในโลกนี้คนอย่างเธอไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว!” หญิงสาวพูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะตัดสินใจทันใด
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเดินไปสำรวจข้างในดีกว่า แต่เอ... หรือจะเข้าไปเลยแต่ตอนนี้ทั้งมืดทั้งหนาว ไม่ดีมั้งที่จะรีบร้อนเข้าไป” หญิงสาวมิวายชั่งใจอีกครา
ทันใดนั้นเอง
“โฮกกกก!!!” เสียงคำรามของเสือดำสองตัวดังอยู่ด้านนอก พร้อมอุ้งมือของมันลอดผ่านทางช่องหลืบเข้ามาทันที
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันครั้นเห็นเช่นนั้น สองขารีบวิ่งตรงไปเส้นทางข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อนเร้นกายให้พ้นจากสัตว์ป่าสองตัว ท่ามกลางเสียงคำรามลั่นดังไล่หลังอย่างไม่ขาดสาย
เฉินวาวากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาอย่างไม่คิดชีวิตมาตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดยาวไปถึงแก่นกลางของเทือกเขา ท่ามกลางเสียงคำรามของเสือดำสองตัวส่งเสียงดังกึกก้องได้ยินอยู่ตลอดเวลา ประหนึ่งเร่งเร้าให้หญิงสาวต้องเร่งฝีเท้าให้ก้าวเดินตรงไปข้างในลึกเข้าไปทุกทีและลึกเข้าไปทุกขณะ
“พรึ่บบ!!!” ร่างงามวิ่งทะลุเส้นเขตแดนที่ขวางกั้นระหว่างภพมนุษย์จนทะลุเข้าสู่ดินแดนของผู้ครอบครองอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนเร้นกายอย่างสงบนิ่งมานานนับหลายสหัสวรรษ!