ตอนที่7เปิดตัว (1)

1787 Words
ฟ้าลดามาส่งมติมนต์ในตอนค่ำ โชคดีที่วันนี้เมธัสกลับมานอนค้างที่บ้านเธอจึงเบาใจเรื่องคิมหันต์ไปเปลาะหนึ่ง หญิงสาวนำเสื้อที่เพื่อนซื้อให้มาวางทาบบนตัวเองอีกครั้งพลางทอดมองเงาสะท้อนในกระจก ดูไปดูมา เสื้อเซ็กซี่แบบนี้เหมือนไม่ค่อยเหมาะกับเธอในตอนที่ผมยังสั้นเสมอต้นคอแบบนี้เท่าไหร่ “รอให้ผมยาวค่อยใส่อีกทีก็แล้วกัน” มติมนต์ปลอบใจตัวเอง นำมันไปเก็บเข้าตู้ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้างเพื่อเปิดอ่านข้อความที่คิมหันต์ส่งมา คิมหันต์ : เธอกล้ามากนะที่หลบหน้าฉัน “ฉันไปทำกรรมอะไรไว้กับนายนะคิมหันต์ นายถึงได้ตามจองล้างจองผลาญฉันไม่เลิกแบบนี้” ร่างบางโอดครวญ เธอไม่ได้สนใจจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไปและยังคงหนีปัญหานั้นด้วยการปิดเครื่องใส่เขาอีกครั้ง แม้เธอจะรู้ดีว่าตอนที่เปิดเครื่องมันจะมีข้อความและสายโทรเข้านับร้อยแจ้งเตือนขึ้นมาก็ตาม คิมหันต์ : โมนา เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกนะ อยากลองดีกับฉันนักใช่ไหม อ่านแล้วไม่ตอบ...ได้ เดี๋ยวฉันจะประกาศให้รู้ทั้งคณะไปเลย “ประสาท!” มติมนต์ไม่ได้สนใจคำขู่เขาเลยสักนิด เธอทำได้แค่กดอ่านแล้วก็ปิดไป ทำทุกอย่างตามปกติไม่ได้เดือดร้อนกับการกระทำของเขาเลยสักนิด “โมนา วันนี้ให้พี่ไปส่งไหม” เสียงเมธัสเอ่ยทักทายในขณะที่เจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับอาหารเช้าตรงหน้า “วันนี้พี่หมอกไม่ทำงานเหรอคะ” “วันนี้พี่หยุดน่ะ กะว่าจะนอนพักสักหน่อย” เขาตอบอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ตักไข่ดาวร้อน ๆ วางลงบนจาน “งั้นพี่หมอกพักเถอะค่ะ โมนาไปเองได้” เธอว่าพลางทรุดกายนั่งลงบนโต๊ะ หยิบน้ำส้มที่เพิ่งคั้นสดขึ้นมาดื่ม “ว่าแต่พี่หมอกคะ...โมนาอยากรู้ว่าตอนนี้ยัยใบหม่อนนั่นเป็นยังไงบ้างคะ” “จริง ๆ ใบหม่อนเขาขาดยามาสักพักแล้วล่ะ น้าสายใจเอาให้แต่เธอก็แอบคายทิ้งจนอาการกำเริบแบบนี้แหละ วันก่อนหายไปตั้งครึ่งค่อนวัน ไม่รู้ไปก่อนเรื่องที่ไหนมาบ้าง” “แล้วตอนนี้ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ” เธอกระซิบถามด้วยความหวาดระแวง พอนึกภาพที่ใบหม่อนกำลังวิ่งไล่ เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทุกที “คงอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชอีกยาวเลยล่ะ โมนาไม่ต้องกลัวหรอก ออกมาคราวนี้คงจะหายเป็นปกติ” คำตอบของเมธัสทำให้มติมนต์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง หลังจากร่วมทานมื้อเช้าเสร็จ เธอก็รีบวิ่งออกมาขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอยทันทีเพื่อจะไปให้ทันเวลาเข้าเรียนคาบเช้า “กรี๊ด!” ยังไม่ทันจะออกพ้นจากซอย มติมนต์ก็ร้องลั่นออกมาสุดเสียงเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ยักษ์แล่นเข้ามาจอดตัดหน้าเธอแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ขึ้นมา” “คิมหันต์ นี่นายอีกแล้วเหรอ” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับ ถึงแม้ว่ารถเขาจะพังไปแต่ก็ยังอุตส่าห์ไปถอยมอเตอร์ไซค์มาอีกจนได้ “ขึ้นมา” เขาออกคำสั่งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนนิ่ง “ฉันไม่ไป” “จะให้ตรงฉุดกระชากกันจริง ๆ ใช่ไหม” “ก็บอกว่าไม่...เห้ย!” คำพูดของเธอถูกกลืนกายไปเพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นรถเมล์วิ่งออกไปต่อหน้า “นายทำให้ฉันตกรถ รู้ตัวหรือเปล่า” “ก็บอกว่าขึ้นมาจะไปส่ง” “ก็บอกว่าไม่ไปไง” “โมนา จะขึ้นมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลากขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างหลัง ฉันไม่พาเธอไปมหา'ลัยหรอกนะ” คราวนี้เขาไม่พูดเปล่า ยังทำท่าก้าวลงจากรถจนเธอต้องรีบตอบตกลง “ไปก็ได้” “พูดง่ายแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกก็จบ” คิมหันต์กระตุกยิ้มอย่างพอใจ เขาส่งหมวกกันน็อคอีกใบให้เธอสวมแล้วจึงเร่งเครื่อง เพิ่มความเร็วพุ่งทะยานออกสู่ถนนใหญ่ทำให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างหลังต้องรีบเกาะเอวสอบเขาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะตก “กรี๊ด! ทำไมต้องขับเร็วขนาดนี้ด้วย” มติมนต์ตะโกนแข่งกับสายลมที่ปะทะกับใบหน้า มือเรียวยังกอดกระชับเขาไว้แน่น พยายามหุบขาเข้าหากันเพื่อหนีบกระโปรงไม่ให้กระพือไปกับสายลม ได้แต่ภาวนาของให้ถึงมหาวิทยาลัยเร็ว ๆ “เห้อ...กว่าจะถึง” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกเรียน เธอรีบก้าวลงจากรถแล้วถอดหมวกคืนให้เขาทันทีเพราะนี่คงเป็นการนั่งรถที่ลำบากลำบนที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ “ขอบใจที่มาส่ง” “เดี๋ยว!” คิมหันต์รีบคว้าแขนของเธอไว้ในขณะที่ตวัดหมวกออกจากศีรษะด้วยมือเดียวแล้ววางมันลงบนเบาะรถ “อะไรอีก ฉันจะรีบไปเรียน” “เธอคิดว่าทำเฉยแล้วฉันจะลืมเรื่องระหว่างเราเหรอโมนา” “เรื่องรถของนายน่ะเหรอ นายทำเองนายก็รับผิดชอบเองสิ นายรวยอยู่แล้วนี่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถอยคันใหม่มาเร็วขนาดนี้หรอก” มติมนต์ร่ายยาว ตอนนี้เธอเริ่มสัมผัสได้ว่ามีสายตาของคนรอบข้างกำลังจ้องมองมาที่เธอกันเป็นทิวแถว “งั้นเรามาออกกันคนละครึ่งก็ได้ คนละแสน” “แสนนึงมันก็มากอยู่ดีนั่นแหละ ฉันไม่ได้รวยเหมือนนายนะ” “งั้นก็ผ่อน หรือไม่ก็...ชดใช้เป็นอย่างอื่น” เขายื่นข้อเสนอให้ ดวงตาคมกริบก้มมองต่ำไปยังเนินเนื้อที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ชุดนักศึกษาจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้ “โรคจิต!” “ตกลงว่ายังไงล่ะ คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลอีกแล้วนะ” “ไม่!” มติมนต์ยังคงยืนยันในคำตอบเดิม เธอไม่อยากจะเอาชีวิตไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องเงินหรือเรื่องอะไรก็ตาม “ได้...” คิมหันต์พยักหน้าหงึกแล้วตวัดวงแขนคล้องไหล่เล็กก่อนจะลากเธอไปที่หน้าตึกเรียน ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมคณะที่อ้าปากเหวอด้วยความตกใจ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเขาคือตัวท็อปของมหาวิทยาลัย และไม่เคยเปิดตัวว่าคบกับใครเลยนอกจากคู่นอนชั่วคราวเท่านั้น ใครจะคิดว่าเขาจะกล้าเปิดตัวมติมนต์ นักศึกษาสาขาแฟชั่นดีไซน์ปีหนึ่งของคณะศิลปกรรมศาสตร์ที่ทุกคนคิดว่าเป็นทอมควงออกสาธารณะแบบนี้ “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ปล่อยนะ” “ก็เปิดตัวไง เราเป็นแฟนกันนี่” เขาตอบหน้าตาเฉย ยังมิวายโบกมือทักทายสาว ๆ ที่จ้องมองมาอีก “แฟนกับผีน่ะสิ นายน่ะศัตรูเบอร์หนึ่งของฉันเลย รู้ไว้ด้วย” “โมนา...พี่คิม โอเอ็มจี อะไรกันเนี่ย” เสียงแก้วเจ้าจอมที่กำลังนั่งรออยู่หน้าตึกเรียนอุทานลั่นมาแต่ไกลเมื่อเห็นทั้งสองเดินเคียงคู่มาด้วยกัน “แก้วรู้จักหมอนี่ด้วยเหรอ” มติมนต์เอ่ยถามในขณะที่พยายามแกะมือหนาราวคีมเหล็กออกไป “ใครจะไม่รู้จัก สวัสดีค่ะพี่คิม ไม่รู้มาก่อนว่าพี่กับยัยโมนาคบกัน” แก้วเจ้าจอมยิ้มอย่างเขินอายพลางขยับนิ้วชี้ชนเข้าหากัน “ฉันไม่ได้...” “เราเพิ่งคบกันไม่นานน่ะ โมนาเขาไม่ยอมเปิดตัวสักทีพี่เลยต้องรุกหนักหน่อย” คิมหันต์รีบแย่งตอบคำถามเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะทำผิดแผน ทำให้มติมนต์ต้องหันไปถลึงตาใส่อีกรอบ “ใครเป็นแฟนนาย นายกลับไปได้แล้ว” “ไปก็ได้...งั้นเดี๋ยวโทรหานะ” เขาแกล้งทำท่าออดอ้อน ยกมือขึ้นเกลี่ยพวงแก้มของเธอเบา ๆ ก่อนจะโบกไม้โบกมือกลับไปที่รถ เห็นดังนั้นมติมนต์จึงรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วทรุดกายนั่งลงเคียงข้างฟ้าลดาทันที “โมนาคบกับพี่คิมจริง ๆ เหรอ” ฟ้าลดาที่นั่งนิ่ง จ้องมองภาพตรงหน้าอยู่เนิ่นนานเอ่ยถามขึ้นทันที “เปล่านะ...” “แกจะเขินทำไมโมนา รู้หรือเปล่าว่าปกติพี่คิมเขาไม่เคยเปิดตัวว่าคบกับใครเลยนะ ขนาดยัยลีน่ารุ่นพี่ปีสองที่เคยคุยไว้ว่าได้นอนกับพี่คิม พี่คิมเขายังไม่ชายตาแลเลย” แก้วเจ้าจอมกระซิบบอกแผ่วเบาจนฟ้าลดาเริ่มมีสีหน้าวิตก “นี่ตกลงคบกันจริง ๆ สินะ” “เลิกพูดถึงเรื่องนี้สักทีเถอะ ไม่เข้าเรียนกันหรือไง” มติมนต์รีบตัดบทด้วยการเปลี่ยนประเด็นสนทนา “เรียนบ้าอะไร อาจารย์ยกเลิกคลาสเมื่อเช้านี่เอง” “อ้าวเหรอ” เธอยกมือขึ้นเกาหัวแกรก อุตส่าห์ยอมนั่งมอเตอร์ไซค์คิมหันต์มาแต่ดันไม่มีเรียนซะงั้น “อย่างนี้ก็มาเปล่าเลยอ่ะดิ ตอนบ่ายก็ไม่มีเรียนด้วย” “ไหน ๆ ก็มาแล้วเราไปหาอะไรนั่งกินที่คาเฟ่หน้ามหา'ลัยดีไหม” แก้วเจ้าจอมเสนอแต่ฟ้าลดากลับปฏิเสธด้วยสีหน้าบึ้งตึงก่อนจะลุกเดินจากไป “พวกเธอไปกันสองคนเลยนะ ฉันขอกลับบ้านก่อน” “อ้าว! ไม่ไปด้วยกันเหรอฟ้า” มติมนต์เอ่ยเรียกแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมหันมา ทำเอาทั้งเธอทั้งแก้วเจ้าจอมต่างพากันมองหน้ากันด้วยความงุนงง” เป็นอะไรของเขาเนี่ย” “ตอนนี้เหลือแค่แกกับฉันแล้ว ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะโมนา” “หืม...ทำไมต้องพูดแบบนี้ล่ะ มีอะไรบอกมาตรง ๆ เลยดีกว่า” เธอหันไปจ้องหน้าเพื่อนเหมือนต้องการจะจับผิด เพิ่งจะอกหักไม่กี่วันก็หาใหม่ได้ไวทันใจเสียจริง “ฉันจะไปส่องพี่ภูนะ” “พี่ภูคือใคร” “จริง ๆ เขาชื่อภูเขา เป็นรุ่นพี่คณะเดียวกับพี่คิมนั่นแหละ พี่ชายเขาเปิดร้านกาแฟหน้ามหา'ลัย พี่ภูเขานัดฉันที่นั่น แต่มันเป็นเดทแรกฉันเลยไม่กล้าไปคนเดียว” แก้วเจ้าจอมก้มหน้าสารภาพออกไปตามตรงว่าจริง ๆ แล้วเธอนัดผู้เอาไว้เลยต้องลากมติมนต์ไปด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD