ตอนที่4 ตามจีบหรือคุกคาม (1)

1549 Words
มติมนต์ไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนเลยตลอดทั้งวันเพราะเอาแต่คิดถึงคิมหันต์และบัตรที่ถูกยึดไปจนแทบจะอดใจรอถึงตอนเลิกเรียนไม่ไหว “เดี๋ยวพวกเธอกลับกันก่อนได้เลยนะ ฉันว่าจะรอพี่หมอกมารับน่ะ” หญิงสาวรีบบอกลาเพื่อนทันทีหลังเลิกเรียน ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะอ้าปากถาม เธอก็รีบวิ่งลงมารอคิมหันต์ข้างล่างเสียก่อน “ทำไมยังไม่มาอีก” มติมนต์เหลือบมองนาฬิกาด้วยความร้อนใจ ชะเง้อมองไปที่ถนนจนคอยาวยืดก็ยังไม่เห็นวี่แววของคิมหันต์จะมาหาตามนัดเสียที “โมนา...” เสียงฟ้าลดาวิ่งตามลงมาเอ่ยทักพร้อมกับฝ่ามือเรียวที่แตะลงบนไหล่เล็กแผ่วเบาแต่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ “ฟ้า ตกใจหมด” “เป็นอะไรเนี่ย ขวัญอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ” อีกฝ่ายหลุดขำพลางชะเง้อมองไปทางเดียวกับมติมนต์ “พี่ชายเธอยังไม่มารับล่ะสิ” “เอ่อ...ยังน่ะ” “งั้นให้ฉันไปส่งไหม ฉันไปส่งได้นะ” ฟ้าลดาขันอาสาแต่คนที่กำลังร้อนใจกลับปฏิเสธออกไปอีกครั้ง “ไม่เป็นไร พี่หมอกบอกให้รอ เดี๋ยวเขามาแล้วไม่เจอ” “งั้นก็ตามใจ ฉันไปก่อนละกัน” ใบหน้าอีกฝ่ายบึ้งตึงเล็กน้อย เมื่อมติมนต์ยังยืนยันที่จะรอต่อเธอจึงหมุนตัวกลับไปขึ้นรถของตัวเอง ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินไปมาราวกับหนูติดจั่นด้วยความร้อนใจแต่เพียงลำพัง “บ้าจริง คิมหันต์ ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่โผล่มาอีก” หญิงสาวกระวนกระวายใจจนแทบนั่งไม่คิด ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงกว่าแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าคิมหันต์จะมา “โอ๊ย !อีตาบ้า จะให้ฉันรอไปจนถึงเมื่อไหร่เนี่ย” มติมนต์พึมพำอย่างหัวเสีย ไฟข้างถนนในมหาวิทยาลัยส่งแสงสว่างขึ้นทันทีที่ความมืดเริ่มย่างกรายเข้ามา คนตัวเล็กยืนรอจนท้อใจเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งด้วยสีหน้าที่เจียนจะร้องไห้โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนเจ้าแผนการกำลังนั่งอยู่ในรถ จอดแอบอยู่มุมตึกจ้องมองท่าทางกระตือรือร้นของเธอพร้อมกับรอยยิ้มอำมหิต ครืด... เสียงสมาร์ตโฟนในกระเป๋าดังขึ้นทำให้หญิงสาวละสายตาจากถนนเบื้องหน้า รีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุดเมื่อเห็นว่าเมธัสเป็นคนโทรเข้ามา “ค่ะพี่หมอก” (โมนา อยู่ไหนเนี่ย จะสองทุ่มแล้วนะทำไมยังไม่กลับ) อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทำให้เธอต้องโกหกออกไปอย่างไม่มีทางเลือก “โมนาต้องอยู่เคลียร์งานน่ะค่ะ อีกสักพักก็เสร็จแล้ว” (ให้พี่ไปรับไหม) “ไม่เป็นไรค่ะ โมนากลับเองได้” มติมนต์รีบวางสายไป เหลือบมองท้องถนนที่ว่างเปล่าอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินออกไปขึ้นรถข้างหน้าเพราะคิดว่าคิมหันต์คงจะลืมนัดของเธอไปแล้ว เห็นดังนั้นคนที่จอดรออยู่จึงรีบสตาร์ตรถแล้วขับตามจี้ไปทันที แกล้งบีบแตรเสียงดังจนอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจ ปี๊น! “กรี๊ด!” หญิงสาวร้องเสียงหลงรีบกระโดดหลบโดยอัตโนมัติเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถที่กำลังจอดและเจ้าของเปิดประตูลงมาเธอก็รีบยืนขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มแรง เพี๊ยะ! “อะไรกันเนี่ย มาตบฉันทำไม” คิมหันต์ชะงักรู้สึกชาไปทั้งใบหน้าเมื่อลงจากรถอยู่ ๆ ก็ถูกตบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “นายหลอกให้ฉันรอจนมืดค่ำ แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” “ก็ฉันไปเล่นบอลมา แล้วอีกอย่างฉันก็มาตามนัดแล้วนี่ไง” เขาอธิบายพลางยกมือขึ้นปาดเช็ดมุมปากตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด “แรงดีขนาดนี้ เธอหายดีแล้วสินะ” “หายดี...” มติมนต์ชะงักเพราะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรแต่พอเหลือบไปเห็นรถหรูที่จอดอยู่ข้างหลังเธอก็จำได้ทันทีว่ามันคือรถคันเดียวกันที่ขับเฉี่ยวเธอเมื่อหลายวันก่อน “นี่รถนายเหรอ...” “อืม...ฉันนี่แหละเป็นคนขับจนเกือบจะชนเธอวันนั้น” เขาสารภาพด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบพิงกระโปรงรถอย่างใจเย็น “นี่นาย...นายเกือบจะชนฉันแล้วไม่ขอโทษกันสักคำนี่อ่านะ” “ขอโทษ” คิมหันต์พ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วเอ่ยคำขอโทษแบบส่ง ๆ “เหลือเชื่อเลยจริง ๆ ว่าบนโลกนี้จะมีคนอย่างนายอยู่ด้วย” มติมนต์ขบกรามแน่น พยายามระงับสติอารมณ์ไม่ให้เผลอตะบันหน้าเขา “เอาของฉันคืนมา แล้วนายจะไปไหนก็ไป” “เดี๋ยวสิ ฉันยังสูบบุหรี่ไม่เสร็จเลย” “นั่นมันเรื่องของนาย อย่ามาเล่นลิ้น” เธอกระแทกเสียงใส่ พอเห็นว่าเขายังสูบบุหรี่อย่างสบายใจ เธอจึงถือวิสาสะกระชากประตูรถออกเพื่อมองหาบัตรที่น่าจะถูกเก็บไว้ในนี้ “อยู่ไหนกันนะ” “ก็อยู่ในนั้นแหละ” ร่างสูงขยี้ก้นบุหรี่จนดับแล้วจึงปาทิ้งลงถังขยะก่อนจะขยับมาหยุดยืนตรงประตูรถที่มติมนต์กำลังโน้มตัวเข้าไปควานหาบัตรนักศึกษา พอเธอขยับกายทำท่าจะถอยออกมา สะโพกของเธอก็ชนเข้ากับส่วนนั้นของเขาอย่างจัง “โอ๊ะ!” หญิงสาวตัวชาหนึบ มือที่กำลังขยับออกก็ต้องหยุดโดยอัตโนมัติ คนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังจึงแกล้งจับประตูรถไว้ “ไหนล่ะหาเจอหรือยัง” “ยัง...นายก็เข้ามาหาให้หน่อยสิ” เธอขยับเข้ามาในรถทันทีเพราะไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาแม้แต่วินาทีเดียว “ไม่เจอ...งั้นก็ไม่ต้องหาแล้ว” พูดจบคิมหันต์ก็กระแทกประตูรถปิดลงก่อนที่เขาจะรีบวิ่งอ้อมกลับขึ้นมานั่งตรงตำแหน่งคนขับ จัดการล็อกรถเสร็จสรรพด้วยความไวแสงจนมติมนต์ไปทันได้ตั้งตัว “นายทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันยังไม่ได้ลงจากรถเลย เอาบัตรฉันคืนมาแล้วก็ปลดล็อกประตูเดี๋ยวนี้” “สั่งจังเลยแม่คุณ” เหมือนเขาจะไม่รับฟังในสิ่งที่เธอร้องขอ แต่กลับทำตรงกันข้าม รีบสตาร์ตรถแล้วพุ่งทะยานออกสู่ถนนใหญ่ทันที “นายจะไปไหน” “ก็ไปส่งไง” “ฉันไม่ได้ขอให้นายไปส่งนะ จอดรถเดี๋ยวนี้” “อย่าทำเป็นอวดเก่งได้ป่ะ มืดค่ำขนาดนี้แล้ว” เขาตะคอกเสียงดัง รวบมือเรียวที่กำลังทุบลงบนไหล่กว้างไว้ด้วยมือเดียว “ถ้าไม่เลิกอาละวาด รถคว่ำตายอย่ามาโทษฉันนะ” “บ้าจริง...” คำขู่ของคิมหันต์ทำให้มติมนต์ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอได้แต่นั่งนิ่งจนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปในซอย “ถึงแล้ว” เขาจอดรถเยื้องกับบ้านเล็กน้อยในขณะที่คนตัวเล็กยังอ้าปากเหวอ ตัวชาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “นายรู้จักบ้านฉันได้ยังไง” “จะไม่รู้ได้ไง ก็แอบตามมาตลอด” เป็นอีกครั้งที่เขายอมรับหน้าตาเฉยทำให้มติมนต์ยิ่งรู้สึกฉุน “นาย...นี่แสดงว่าที่ผ่านมา นายสะกดรอยตามฉันมาตลอดใช่ไหม คนที่ฉันเห็นบ่อย ๆ ก็คือนายเองเหรอ” หญิงสาวขบกรามแน่นก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับอีกครั้ง “อืม เป็นฉันเองแหละ จริง ๆ ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดที่ขับรถเกือบชนเธอน่ะก็เลยแอบตามมา จะดูว่าเจ็บมากหรือเปล่า แต่พอดูไปดูมาเธอเกิดน่ารักโดนใจ ฉันเลยตามจีบแทน” คิมหันต์สารภาพด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาทำเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องปกติ “นายต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ฉันจะแจ้งความจับนาย” “ข้อหาอะไรไม่ทราบ” “ข้อหาตามคุกคามไง” มติมนต์ให้เหตุผลแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด “เขาเรียกตามจีบ ไม่ได้คุกคามเสียหน่อย” “แต่ฉันเรียกว่าคุกคาม นายเลิกตามรังควานฉันสักทีไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจับนายจริง ๆ ด้วย” “เอาเลย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าตำรวจจะยัดข้อหาอะไรให้ หลักฐานก็ไม่มีแล้วอีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธอด้วย” “นายนี่มัน...” มติมนต์ขบกรามแน่น รู้สึกจุกเพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาหักล้างคำพูดของเขา “นายต้องการอะไรกันแน่ บอกฉันมาเลยดีกว่า” “ก็บอกแล้วไงว่าฉันกำลังตามจีบเธออยู่ นี่มองไม่ออกจริง ๆ เหรอ” คิมหันต์ยังยืนยันในคำตอบเดิมแต่หญิงสาวก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี เขาจีบกันแบบนี้จริง ๆ เหรอ ว่าแต่...คิมหันต์นายพกอะไรมา ทำไมโมนาต้อตกใจขนาดนั้นตอนที่ขยับสะโพกชน มีคนอยู่ไหมค้าาาา ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้เค้าโหน่ยน้าาาา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD