ตอนที่ 3

1639 Words
เก้าโมงเช้า ปองแต่งตัวเสร็จ เดินออกไปดู พ่อ นำยาที่ท่านกินประจำป้อนให้ท่าน ส่วนแม่ออกไปรับผ้าที่เตรียมจะซักและรีดของคนในอพาร์ทเม้นท์แถวนี้ กับคอนโดปากซอย บางครั้งก็ช่วยแม่รีดผ้าจนดึก นี่แหละเป็นรสชาติของชีวิต ที่เกิดมาบนความยากจน แม่บอกปอง รู้สึกเกลียดความจนเหลือเกิน มันไม่มีอะไรดีสักนิด หิวก็ต้องทนอดเอา ดังนั้นปองอยากที่จะเลิกจน อยากจะรวยมีเงินเก็บและหาคนรับใช้ให้พ่อแม่ รวมทั้งถ้ามีทางก็สร้างบ้านหลังใหม่ให้ นี่คงเป็นความฝันที่เก็บอยู่ในใจเท่านั้นเอง "แก วันนี้พี่เค้กเขานัดฉันไป รู้มั๊ยเมื่อวานตอนสองทุ่ม พี่เค้าโทร.มาบอกข่าวดีกับฉัน" "ข่าวดีเหรอ" น้ำเสียงชองชลธิชาทั้งตื่นเต้นแกมดีใจไปด้วย "ใช่ พี่เค้ารับงานให้ฉันแล้วเป็นโฆษณาลูกอม นี่ฉันกำลังจะเดินทางไป" "เสียดาย ฉันทำงานอยู่ ไปกับแกไม่ได้ ขอโทษด้วยนะ จิ๋ว" "ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้" ปองบอกกับเพื่อนรักด้วยท่าทีมุ่งมั่น อย่างน้อยก็ได้บอกให้ชลธิชารู้เป็นคนแรก ผมชื่อกนินทร์ บ้านของผมเป็นบ้านตึกสองชั้่น และเป็นเรี่ยวแรงที่ได้มาจากการทำงานเป็นนักแสดงคือพ่อ ที่เป็นอดีตดาวร้ายมีชื่อเสียง พอประมาณ ชื่อกัมปนาท ใช่แล้วผมเป็นลูกชายคนกลางของคุณกัมปนาท ดาวร้ายชื่อก้องที่พวกเด็กๆแสนเกลียดหรือพวกผู้หญิงร้องยี้ใส่ ด้วยการแสดงถึงบทถึงอารมณ์ ทั้งเหี้ยม และกวนส้น เป็นจอมอันธพาล ในความจริง คุณพ่อท่านเป็นแฟมิลี่แมนอย่างมาก ตัวจริงกับในจอนั้นต่างกันสุดขั้วเลย ปัจจุบันคุณพ่อผันตัวมาทำธุรกิจ ในบ้านเราเคยจับงานธุรกิจมาหลายอย่าง เช่น เปิดร้านอาหารตามสั่ง ขายรองเท้า และเสื้อผ้า สุดท้ายไปไม่รอด เศรษฐกิจของประเทศไม่ดี ปัจจุบันครอบครัวเราหันจับงานด้านคาร์แคร์ เป็นธุรกิจ ลำดับที่ห้าของครอบครัว หวังว่ามันจะยืนยาวและอยู่กับเราได้ตลอด เนื่องจากทำเลดี รวมทั้งเปิดร้านกาแฟขนาดเล็กด้วย คาร์แคร์ของเรามีครบทุกวงจรบริการทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ขัดล้างทำความสะอาดไปจนถึงเป่าจนแห้งลงแว๊กซ์ให้เรียบร้อยขัดเงาจนดูสะอาดเอี่ยมอ่อง พ่อไม่เคยทำให้เสียชื่อ ครอบครัวของเราประกอบด้วย คุณแม่ที่เป็นแม่บ้าน ทำอาหารแสนอร่อย น้องสาวเล็กคนสุดท้องในบ้านอีก พี่ชายคนโต ตอนเรียนหนังสือชั้นมัธยมกลับมาจากโรงเรียนนนก็มาช่วยพ่อทำงาน และนี่คือบ้าน พี่วุฒิอยู่ในห้องทำงาน พี่ชายคนโตทำงานเป็นพนักงานของแบ็งค์แห่งหนึ่ง ส่วนน้องสาวคนเล็ก เอรินี ยังเรียนหนังสือชั้นมัธยม ขณะที่กนินทร์ จบมหาลัยแล้ว "พี่กินข้าวแล้วหรือยัง แม่ทำเสร็จตั้งนานแล้ว" เดินมาบอกพี่ชายในห้อง ที่คงง่วนอยู่กับจอคอมอยู่ เขาเอางานมาทำด้วยที่บ้าน เพราะงานยังคั่งค้างไม่เสร็จ ไม่อยากดินพอกหางหมู พี่วุฒิถือว่าเป็นเรี่ยวแรงของครอบครัวได้เช่นกัน พี่ผมยังโสดแต่ก็มีสาวๆหลายคนให้ความสนใจ ภาวุฒิเงยหน้ามองน้องชาย "อีกนิดเดียวก็จะเสร็จ ขอบใจนะที่มาบอกพี่" ภาวุฒิละสายตาากจากคอมเพื่อมาพูดกับน้องชายคนกลางซึ่งหล่อเหลาแบบหล่อวันหล่อคืน ในครอบครัวนั้นน้องชายคนกลาง ดูโดดเด่นกว่าใคร ในสมัยหนุ่มๆนั้นภาวุฒิก็ดูหล่อ แต่ตอนนี้เขาปล่อยตัวจนพุงยื่นออกมา และอ้วนฉุเพราะกินมาก กนินทร์ยังไม่ได้งานทำ แม้จะเรียนจบจากสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ที่พ่อปลื้มใจอย่างมาก เขาขอพักก่อนที่จะหางานทำ เขาเป็นคนเรียนเก่ง หัวดี บวกความขยัน เคยเลือกเรียนหลายคณะมาแล้ว อย่างเช่น เกษตรศาสตร์ แต่พ่อไม่ชอบ หรือเศรษฐศาสตร์ อันหลังนี้นนไม่ชอบเอง เบื่อการวิจัยโน่นนี่ ก็เลยเปลี่ยนมาลงวิศวดีกว่า จนจบ นี่คือความภูมิใจของครอบครัวเรา วันที่นนรับปริญญาพวกเรายกกันมาทั้งบ้านเลย ไปฉลองและยินดีในความสำเร็จของเขา ที่หอประชุมใหญ่ของมหาลัย ทราบว่าตอนนี้แม่ต้องการเงิน ค่าที่จะผ่าตัดอย่างมาก รวมกับนนและพี่ชายที่มีเงินเก็บในขณะนี้ ยังมีไม่พอเลย แม่ต้องทำการผ่าตัดเอาซีสต์ในรังไข่ออก เพราะแม่ป่วยเป็นโรคร้าย คือมะเร็งในรังไข่ ปล่อยเอาไว้นานไม่ได้จะลุกลาม มีอันตรายต่อชีวิตแม่ ธุรกิจคาร์แคร์ที่เราทำอยู่ ก็พอไปได้ มีเงินหมุนเวียน แต่ค่ารักษาผ่าตัดของแม่ค่อนสูง อีกตอนนี้เราต้องจ่ายหนี้ธนาคารที่กู้เอามาด้วย การที่พ่อใช้โฉนดที่ดินในเมืองกรุงอีกที่เป็นหลักประกัน ที่พ่อกู้มาเพื่อทำธุรกิจ เพราะแม่เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง หมอกำลังวินิจฉัยว่าแม่ไม่ได้เป็นแค่โรคเดียว มันมีโรคอื่นแทรกซ้อนด้วย อย่างเช่น หัวใจ ความดันโลหิต เบาหวาน ดังนั้นจำนวนเงินที่นนคิดว่าจะหามาได้ แต่ต้องคิดใหม่ ไม่น่าจะพอ ขาดอีกเยอะ พี่ชายคนโตช่วยเหลือเรื่องหนี้ธนาคารส่วนหนึ่ง พ่อกับแม่มีปัญหาอะไรไม่ค่อยจะบอกลูกๆหรอก ที่นนได้ยินและรู้ความจริงเพราะแอบฟัง พ่อกับแม่ยังไม่รู้ว่าผมเผลอไปได้ยินเข้า "เราจะทำยังไงกันดีคะ พี่นาท ลูกๆก็โตแล้วก็จริง อิง เองก็รู้ตัว ว่าจะต้องไปหาหมอตามที่นัดอีก หมอบอกว่าอิงมีหลายโรค ที่แล้วมาเราเสียเงินไปไม่น้อยนะคะ จนว่า อิงไม่อยากอยู่ เพื่อเป็นภาระแก่ลูกแล้วก็พี่อีก นี่ยังจะต้องหาค่าหมอผ่าตัดอีกล้านกว่า" "อิงจ๋า อย่าคิดอย่างนั้น ต่อสู้สิจ้ะ ที่รัก พี่ยังอยู่ทั้งคน พี่นาทไม่ยอมปล่อยให้อิงของพี่เป็นอะไรอย่างแน่ พี่จะรักษาดูแลอิงเท่าชีวิตของพี่" นนได้ยินเสียงพ่อตอบ แต่เขาก็สะอื้นอยู่ข้างนอกคนเดียว ที่หน้าห้อง ที่เสียงของ พ่อกับแม่ลอดผ่านเข้ามา พร้อมปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้มันสะอื้นและน้ำตาไหลออกมา แค่นี้นนเสียใจอย่างมาก ที่ได้ยินว่า แม่ป่วยด้วยโรคร้ายหลายโรค ไปหาหมอทุกครั้ง แต่อาการไม่ค่อยดี และจำนวนเงินที่มีเก็บในอดีต ก็หมดไปกับค่ารักษา แม่เป็นโรคภูมิแพ้อีก จะทำยังไงดีหนอ เสียงของแม่นั้นน่าสงสารเหลือเกิน พ่อด้วย แต่พ่ออดทนอย่างมาก กนินทร์เก็บงำเรื่องนี้ไว้คนเดียวแทบไม่ปริปากบอกใคร แม้จะเดินผ่านพ่อกับแม่ทุกวัน จะทำเป็นปกติแบบไม่ให้ท่านสงสัย ทั้งรู้ความจริงว่า อะไรคืออะไร แม่กับพ่อพยายามปิดบังลูก แต่ท่านทั้งสองรู้ไหม แบบนี้มันทรมานใจลูกทุกคนเหมือนกัน ที่มีแม่ป่วย ไม่สามารถหาทางช่วยท่านได้ จะหางานหาเงินมาจากที่ไหนดี ต้องรีบหาทำงานแล้ว ไม่ต้องคิดเรื่องอยู่สุขสบาย นอนเล่นหรือขี้เกียจเหมือนอดีต ไม่นึกว่าพ่อกับแม่ท่านลำบากขนาดนี้ ที่เลี้ยงลูกทั้งสามคนให้กินดีอยู่ดีตลอด สรรหาอาหารดีๆของกินอร่อยมาให้ลูกไม่เคยปล่อยอด จะช่วยเหลือครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่ได้อย่างไร เงินเกือบล้าน ที่แม่บอกในการจ่ายค่ารักษาโรค แต่ละอย่างของแม่ ภูมิแพ้นี่เป็นโรคของคนรวย มะเร็งด้วย แต่บ้านนนไม่ได้รวยสักเท่าไหร่ พ่อแม่ทำมาหากินด้วยความสุจริตไม่คดโกงใคร ไอ้เดิร์ฟบอกผม "เฮ้ย นน มึงลองไปสมัครสตาร์ท๊อปไทยแลนด์ดิ เขาเปิดรับสมัครออดิชั่นอยู่" "สตาร์ท๊อปอะไรกันวะ" นนนั่งครุ่นคิดอย่างเงียบๆ "กูว่าหน่วยก้านมึงได้นะ หล่อเท่ แล้วห้ามบอกว่า พ่อมึงห้ามไม่ให้มึงเข้าวงการ" พูดถึงพ่อ พ่อแอนตี้ในเรื่องนี้ เพราะพ่อเคยพบเจอมากับตัวเอง การเป็นนักแสดงที่ลำบากถูกเบี้ยวค่าตัวเช็คเด้ง และการเลือกที่รักมักที่ชังในวงการ พ่อคงเป็นนักแสดงดาวร้ายเกรดบีเท่านั้น พ่อเลยหันหลังให้วงการเพราะไม่ได้รุ่งโรจน์ ดังนั้นพ่อไม่สนับสนุนให้ลูกทุกคนเข้าในวงการ นนตัดสินใจจะแอบเข้าไป สมัคร ถ้าชนะฟลุ้กอาจได้เงินมารักษาพ่อกับแม่ เพราะไอ้เดิร์ฟเพื่อนรักที่เรียนมาตั้งแต่มอปลายด้วยกันบอกเขา "พ่อยังห้ามอยู่ แต่ก็จะแอบ เพราะกูอยากได้เงิน" "มึงลองดิ กูว่ามึงได้ชัวร์" ไอ้เดิร์ฟ หรือ สมัชชา ทำท่าสนับสนุนเพื่อน "กูเชียร์มึงเต็มที่ มึงต้องได้น่าเพื่อน" "กูไม่คาดหวังหรอกนะเพื่อน แต่ก็จะลอง" "ไปสิ วันนี้เลย กูจะไปเป็นเพื่อนที่ตึก" ไอ้เดิร์ฟกลับรู้ข่าวสารพวกนี้มากกว่านนอีก อาจเพราะเขาไม่ค่อยเล่นโซเชียล อยู่กับโลกส่วนตัวมากกว่า จะลองดู แอบคาดหวังบ้าง เป็นงานบันเทิงยักษ์ใหญ่คนทั่วทุกสารทิศย่อมแห่แหนให้ความสนใจ มาสมัคร แต่กนินทร์ให้กำลังใจตัวเอง ต้องทำได้ และทำเท่าที่ตัวเองทำได้อย่างสุดกำลัง เขากล้าตั้งความหวังไว้ แต่เผื่อความผิดหวังไว้เช่นกัน เพราะในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD