เห็นปองขวัญพูดแบบนั้นแล้วอยากจะทักท้วง
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกปอง ครอบครัวพี่พอมีพอใช้ คุณพ่อมีเงินเก็บจากการแสดงก็ลงทุน แต่ก็ขาดทุนไปหลายรอบ ตอนนี้มาเปิดคาร์แคร์ก็ยังไปได้สวย"
"แล้วปองล่ะ" นนถามกลับไปบ้าง
"พูดเอาตามความจริงนะคะ บ้านปองจนมาก จนค่ะ อยู่ติดกับกำแพงวัด พ่อเป็นตลกโนเนมที่พอมีชื่อ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แล้วที่ปองเข้ามาในวงการนี้แทบจะไม่มีใครรู้เลยว่า ปองมีพ่อเป็นดาวตลกในวงการ"
"พี่เองก็เหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าพี่เป็นลูกของดาวร้ายชื่อดังในอดีต"
"ฉะนั้นเราเก็บเป็นความลับเรื่องนี้ไปนานๆดีกว่าเนาะพี่นน" ปองขวัญพูดอีก
"ใช่" นนพยักหน้า เพราะคิดว่าเรื่องนี้ไม่เห็นน่าจะเกี่ยว
กนินทร์เข้ามาในวงการไม่ได้อาศัยพ่อ แต่อาศัยตัวเองฝ่าฟันอย่างภาคภูมิใจ
เพราะไม่รู้จักใครในวงการนี้ เพื่อนของพ่อก็มี แต่พ่อไม่ค่อยที่จะติดต่อกับเพื่อนฝูงสักเท่าใด
นอกจากนานๆครั้งจะมีงานเลี้ยงสักหน ที่ผู้กำกับเจ้าของหนังค่ายเก่าที่พ่อเคยทำงานการแสดงอยู่มาชักชวนไป
เลยรับรู้ความรู้สึกของปอง ชีวิตของคนเราก็ฝ่าฟันด้วยกันทั้งนั้น ชอบในน้ำเสียงที่จริงใจ และไม่เสแสร้งของนางเอกรุ่นน้องน้องแต่ร่วมรุ่นคนนี้
เพราะเราเกิดมาต่างฐานะกัน ความเป็นอยู่ก็เช่นกัน
แต่เราต้องต่อสู้เช่นกัน เพราะชีวิตมีอะไรให้ต่อสู้ตั้งเยอะแยะ
"เอาล่ะ แค่นี้ก่อน ปองชักง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะคะพี่นน บ๊าย"
"จ้ะ บ๊าย" นนตอบเช่นกันแล้วก็ปิดเครื่อง
แต่ดันมีเสียงดังมาจากมือถือใหม่อีก คราวนี้เมื่อเหลือบสายตามองแล้วเป็นของสนุ๊กหรือนาวายศ
"เฮ้ย นน เราเองนะ สนุ๊ก"
"อือ ว่าไงวะ"
"เป็นไงมั่งที่นายพาแม่ไปหาหมอ"
"โอเค ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย" ตอบเพื่อนคนนี้ไป
"ดีใจด้วยนะ"
"ขอบใจที่โทร.มาถามข่าว ตะกี้นี้เราเองกำลังคุยกับปองอยู่" ทำให้สนุ๊กรับทราบ
"แล้วนายล่ะ"
"ก็นอนอยู่ที่บ้านลุงล่ะ"
"อ้อ ที่ว่าแถวรามอินทราใช่มั๊ย"
"แถวไหน"
"คู้บอน 23ไง"
"ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ เดี๋ยวว่างแวะไปหา"
นนตอบเพื่อนคนนี้
"อาจนัดพาไปกินอะไรอร่อยๆด้วยกันแถวเลียบด่วน"
"ได้ ว่าง วันไหนก็โทรมานะ จะไปชวนไอ้เข้มด้วย"
นนพยักหน้า
"ดีชวนมากินพร้อมกันนั่นล่ะ พรุ่งนี้ดีมั๊ย"
"ได้เลยเพื่อน" สนุ๊กตอบ
ที่ต้องมาชวนกันทานพรุ่งนี้ เหมือนมาร่วมฉลองกันมากกว่า ที่ได้เป็นศิลปินนักแสดง ของค่ายวงการบันเทิง
อีกอย่างฉลองชัยชนะที่พวกเราประกวดชนะเลิศกัน อีกอย่างคือ การทำงานที่จะต้องเข้าฉากเปิดกล้องรอคอยพวกเราอยู่แล้ว อีกประมาณสามวัน
ดังนั้นจึงเลือกพรุ่งนี้ดีที่สุด กินกันให้เต็มที่ สนุกสนาน
ก่อนจะได้ลงสนามจริงของนักแสดง เห็นเขาพูดกันว่า ทรหด และเหนื่อย
ต้องใช้ความอดทนและขยันอย่างมาก นี่คือเรื่องราวที่รุ่นพี่ในวงการบันเทิงเคยผ่านงานมาก่อนทั้งสอนและบอกพวกเขา
"บอกน้องๆผู้หญิงด้วยนะ" นนฝากบอกสนุ๊ก
"ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะว่างมาหรือเปล่า"
"เหอะน่า แกชวนมาเหอะ น้องๆมาแน่"
ยืนยันและคิดอย่างนั้นเพราะตั้งใจจะให้ปองขวัญไปชวนอีกรอบ ถ้า สนุ๊กไม่กล้า
"ไม่ว่ะ กูยังเขินเลย" คราวนี้นาวายศพูดแบบเป็นปกติของตัวเอง
"เอ้อ งั้่นจะให้ปองเป็นคนชวน" นนพูดแบบตัดบท
ครอบครัวของเรา ยังเต็มไปด้วยความสุขสรร
แม้เป็นครอบครัวเล็กที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่ลูก
แต่คุณพ่อท่าน เป็นคนที่เอาใจใส่ลูก ได้อย่างน่ารัก ไม่ถึงกับเข้มงวดเหมือนคุณแม่ เวลานี้คุณแม่ท่านช่วยเหลือตัวเองไม่สะดวก
ยามที่ท่านไม่สบายเกิดเจ็บป่วยไข้ คุณพ่อจึงเป็นตัวแทนแทบทุกครั้ง ใครๆหนอช่างสรรและกล่าวหาว่า
คุณพ่อของผมเป็นคนใจทมิฬหินชาติ มีบางคนเคยอินนอกจอขนาดด่าออกมา ถึงบทที่คุณพ่อของผมรับหน้าที่ไปตามคำสั่งของผู้กำกับ
ประเภทดาวร้ายหน้าเหี้ยม พูดจายียวนกวนโทโสนะ
นั่นมันคือในจอ
แต่สำหรับนอกจอนั้นดาวร้ายคนนี้ เดชา กำจร เป็นคุณพ่อที่แสนจะโรแมนติก และรักครอบครัวมาอันดับหนึ่ง
คุณพ่อไม่เคยมีข่าวคราววอแวยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นให้ตกเป็นข่าวหรือดาราดาวร้ายคนอื่น
ท่านรักเดียวใจเดียวอยู่ที่คุณแม่
สมัยเด็กตอนที่แม่คลอดนนออกมาได้สักราวสามถึงสี่ขวบ พ่อบอกกับลูกสมอว่า พ่อจะไปถ่ายหนังที่ต่างจังหวัด และอาจจะกลับ นานหน่อยหนึ่งอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ เพราะหนังที่พ่อรับแสดงนั้นมีหลายเรื่อง
และในบ้านของเรา ภาพของคุณพ่อมีวางตั้งโชว์ไว้ที่หน้าห้องรับแขก ตามเสากลางของบ้าน และฝาผนังรวมกับภาพของบรรพบุรุษของตระกูลและบรรดาญาติของปู่ย่า
แต่ภาพของคุณพ่อ จะเด่นตรงที่มักจะฉายเดี่ยวถึงการแสดงต่างๆ ท่าหวาดเสียวในการโชว์คิวบู๊
หรือฉากระบิดภูเขาเผากระท่อม
และมีภาพถ่ายที่คุณพ่อร่วมถ่ายกับนักแสดงตัวหลักคือตัวเมน เช่นพระเอกและนางเอกในยุค 70-80
ภาพของคุณพ่อใส่กางเกงขาบานใส่เสื้อเชิ้ตสีประหลาดคือสีเข้มแป้ดแบบกวนๆ เหมือนแฟนตาซีมากกว่า
รวมทั้งมีภาพถ่ายของคุณพ่อกับผู้กำกับหลายท่าน
อีกทั้งพระเอกนางเอกหลายคน ที่ถือว่าเป็นเพื่อนกันได้ร่วมงานร่วมกัน
อีกทั้งกลุ่มเพื่อนทีมดาวร้ายด้วยกันที่สนิทกัน
มีภาพที่ยกหัวแม่โป้ง ถ่ายตอนพักกินข้าวกันในภาพชุดขาวดำ รวมทั้งภาพแตะไหล่ตบบ่ากอดคอกัน
เป็นภาพที่คุณพ่อเพิ่งเข้ามาในวงการดาวร้ายมาหมาดใหม่ และถือว่าเป็นดาราดาวร้ายที่หล่อคมมากที่สุดในสมัยนั้น
มันเป็นอนุสรณ์ความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต
สักเมื่อตอนสายๆ เมื่อนนเป็นคนไปส่งน้องสาวที่โรงเรียน
แทนแม่ส่วนพ่อนั้นพอท่านตื่นมาก็ดูและเรื่องยาของแม่ก่อนมีแม่บ้านเตรียมทำอาหารในครัวแล้ว
เอรินีบอกว่า มีสอบในช่วงเช้าของวันนี้
นนจึงรีบกระวีกระวาดให้น้องได้ไปเรียนแต่เช้า ไม่ลืมที่จะเซ็นลายเซ็นให้ตามที่เพื่อนของน้องสาวขอมา พอส่งที่หน้าชั้นเรียน เขาก็ตีรถกลับเลย
เย็นนี้ไม่ลืมหรอกว่า ได้นัดเพื่อนๆเอาไว้ เพื่อจะไปทานอาหารร่วมกันแถวเลียบด่วน
เพราะนัดกันไว้แล้ว ยายปอง คือปองขวัญได้ชักชวนเพื่อนสาวสามคนที่เหลือทุกคนรับปากหมด
ครั้นเมื่อกลับเข้ามาถึงบ้านอีกครั้ง คุณพ่อเรียกให้ไปทานข้าวด้วยกันกับท่าน เพราะคุณแม่ท่านทานไปแล้ว เพราะต้องกินยาทั้งก่อนและหลังอาหาร
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งเขาและคุณพ่อ ยังอยู่คุยกันต่อที่ มุมห้องรับแขกในบ้าน โดยมีร่างของคุณแม่ทอดตัวนอนยาวอยู่บนโซฟาใกล้ๆ
สังเกตดูจากสีหน้านั้น ใบหน้าของคุณแม่นั้นดีขึ้น ต้องใช้กาลเวลา ให้สมานช่วยเหลือร่างกาย และเยียวยา ส่วนผิวพรรณคงกลับมาดังเดิม คือ เปล่งปลั่ง สดชื่นมีน้ำมีนวล
"อดทนไว้นะครับคุณแม่ อีกไม่กี่วันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว" คุณอิสรีพยักหน้า ให้บุตรชายแม้จะฝืนหน่อย
"แม่ไม่ต้องขยับตัวนะ"
เขาบอกท่าน
เมื่อคุณพ่อจะต้องไปที่ร้านคาร์แคร์ รวมทั้งดูแลธุรกิจร้านกาแฟในสวนด้วย ในช่วงเวลาเก้าโมง
ที่ร้านเริ่มเปิดแล้ว และมีพนักงานประจำเริ่มเข้าทำงาน ส่วนทางนี้เขารับหน้าที่ดูแลคุณแม่
มีธุระที่ต้องเข้าบริษัทอีกครั้งคือโมเดลลิ่งเพราะพี่เค้กหรือจันทิมาเธอให้เลขาโทร.มาตาม
"ปองหรือจ้ะ เข้ามาหาพี่ออฟฟิศหน่อยสิ จะคุยรายระเอียดเรื่องสำคัญกับปองบางอย่าง"
ก็งงเหมือนกันกับคำพูดของคุณจันทิมา แต่ก็เชื่อฟังและทำตามค่ะ และก็ไม่ลืมว่าปองได้ก้าวมายืนจุดนี้ ได้ก็เพราะเธอ
จากนักแสดงตัวประกอบเล็กๆ ไม่ได้มีบทเด่นดีอะไรแต่ก็มาสะดุดตากับแมวมอง และผู้จัดละคร
ตรงที่ใบหน้าเล็ก ใส และเป็นแบบไทยแท้ คือ หวานและดูน่ารัก
ปองมาถึงออฟฟิศอีกครั้งเมื่อเวลาประมาณ สิบโมง ด้วยรถแท็กซี่ ในเวลานี้นั่งรถเมล์ไม่ได้แล้ว
แต่ก็ขึ้นบีทีเอสพยายามสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูปิดบัง แม้แต่แว่นตา ก็หยิบมาสวมเพื่ออำพรางสายตาไม่ให้ผู้คน หรือแฟนคลับจำได้
ไม่ใช่เป็นความอาย เพราะแฟนคลับบางคน แสดงออกแบบถึงตัวเช่นการจู่โจม
จึงกลัว และตกใจ ลงจากสถานีแล้วเรียกรถแท็กซี่ให้เข้าซอย แทนการเดินไปหาวินรถมอเตอร์ไซค์