เมื่อทางผู้จัดละครที่เรียกไปพบทุกคน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารคือผู้ใหญ่ในช่อง นั้นได้ทำการอนุญาตให้พวกเราทั้งหมดที่เป็นศิลปินดารารุ่นใหม่
กลับไปพักผ่อน หาคนที่รักในครอบครัว ได้อีกสามวัน
แล้วจะกลับมาเตรียมเปิดกล้องและลุยถ่ายทำละครกันอย่างจริงจัง พวกเราทุกคนสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้งที่เดิมและที่นี่
ขากลับนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ท่านติดธุระยุ่งอยู่ ดังนั้นคนที่มารับคือพี่ชายคนโต พี่วุฒิ พี่ชายบอก
"แม่กับพ่อไม่ว่างน่ะ เลยให้พี่มารับแกแทน"
นนยกมือไหว้พี่ชาย
" พอดี พี่เลิกงานพอดี เลยแวะมารับได้ พ่อกับแม่ฝากมา"
นนพอเข้าใจคำพูดของพี่ชายไม่ได้สนใจอะไรมาก
พรุ่งนี้แล้ว ที่คุณแม่มีนัดกับหมอในการผ่าตัดครั้งใหญ่ เงินรางวัลที่ได้มานั้น ช่วยต่อชีวิตและลมหายใจของคุณแม่ นนแสนดีใจนัก
เห็นพี่ชายมารับถึงสถานี เพื่อนๆทุกคนมองกันอย่างอย่างแปลกใจถาม
"ใครน่ะ นน"
นนเดินไปที่รถเพราะพี่ชายยังจอดอยู่ ให้พี่ชายเลื่อนรถไปอีกหน่อยไปจอดยังจุดที่ว่างให้จอด
"พี่เราเอง" บอกไอ้สองเพื่อนรักในวงการที่คบกันสนิทสนมแล้ว
"เหรอ เฮ้ย เข้ม ไปสวัสดีพี่ไอ้นนเขาหน่อย ไป๊เร็ว"
สนุ๊กหรือนาวายศชวนธันวา จึงตามกันไปถึงด้านข้างของกระจกรถตรงประตูแล้วยกมือไหว้พร้อมกันภาวุฒิยังเลื่อนบานกระจกนั้นลงเพื่อที่จะตอบรับและยิ้มให้มีน้องชายเขายืนข้างๆ
"นี่เพื่อนของนนครับพี่วุฒิ เข้ามาวงการด้วยกัน เฮ้ย เข้ม สนุ๊ก นี่พี่ชายเรา"
"หวัดดีค๊าบพี่" สองคนนั้นยกมือไหว้และกล่าวพร้อมกัน
"อะ ยินดีรู้จักทุกคน พี่ชื่อ วุฒิเป็นพี่ของนนมัน"
ที่สุดนนหันไปบอกเพื่อน
"เรากลับก่อนนะแล้วเจอกัน"
จากนั้นกนินทร์ก็ผลุบหายเข้าไปนั่งหลังเบาะรถและเขาจะเอนตัวหลับเพราะนึกง่วงเต็มที
เป็นอีกวันที่ไม่เหนื่อยเท่ากับการฝึก ถือว่าเบาลงอย่างมาก และร่างกายของพวกเรา ทุกคนปรับเข้า กับการทำงานและสภาพแวดล้อม ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว
จนรู้สึกว่า พวกเราแกร่งขึ้นมากกันทุกคนการฝึกฝนที่ในชีวิตจริงไม่เคยฝึกกันมาก่อน
แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ได้รับและมีเกียรติ
"เหนื่อยมัั๊ยนน" พี่ชายหันมาถามขณะนนยังไม่หลับแค่งัวเงีย
"เหนื่อยเหมือนกันครับพี่วุฒิ แต่ก็สนุก"
"พี่ดีใจด้วยนะนน ที่น้องชายพี่มีโอกาสเข้าวงการเพื่อนที่แบ็งค์ของพี่ก็ถามหาถึงนาย"
นนเงยไปมองพี่ชายนิดหนึ่ง พยักหน้ารับ
"ครับ" คงเป็นอย่างนั้นล่ะเพราะข่าวการประกวดดังเกรียวกราวทั่วประเทศทุกซอกถนนมุมไหนหรือในตึกย่อมรู้กันหมด เพราะเป็นงานประกวดยักษ์ใหญ่ด้านวงการบันเทิงระดับประเทศ
"ต่อไปเป็นยังไงบ้างล่ะ เขาให้ทำอะไร" พี่ชายถามต่อ
" ก็มาถ่ายละครครับ ถ่ายต่อเนื่อง นนอาจไม่ได้เจอพ่อกับแม่และพี่วุฒิ น้องรินีไปอีกนานถึงสามเดือน"
"ไม่เป็นไรน้องรัก มันคืองานนี่หว่า"
"ขยันๆ อดทนสู้เอา พี่กับน้องแล้วพ่อแม่จะคอยเป็นกำลังใจให้ พรุ่งนี้แม่จะผ่าตัดแล้ว รู้ไหม"
ทราบดีกว่าพี่วุฒิอีกเพราะติดตามต่อเนื่องทุกอย่าง อยากให้แม่ได้รับการผ่าตัดโดยไว แม่จะได้มีอาการดีขึ้นจนปกติกลับมาแบบเดิม
ทางด้านปองขวัญ เธอไม่มีใครมารับมาส่ง
แต่พ่อกับแม่เริ่มรู้ระแคะระคายในตอนหลัง ที่เห็นเธอในรายการเปิดโผละครของช่อง
ลูกสาวคนสวยน่ารักคนนี้ได้เข้ามายืนประชันกับดารารุ่นพี่ในวงการด้วย เสียงกรี๊ดเสียงปรบมือกันดังสนั่น ดาวตลกรุ่นใหญ่ไม่คาดคิดว่าลูกสาวจะมีถึงวันนี้
รถที่บ้านของเธอเก่ามากเป็นมือสอง แทบไม่ได้ใช้งานมาหลายปีพ่อจอดทิ้งไว้ แต่จะอาศัยขับไปนานๆครั้งเช่นไปวัดทำบุญหรือมีธุระที่ไกลๆต้องพึ่งพารถ
ดังนั้นปองขวัญจึงตัดสินใจง่ายๆด้วยการเรียกแท็กซี่ เพื่อจะกลับไปยังที่พัก ส่วนเพื่อนคนอื่นๆยัยแพร แหมือนแพร ก็มีญาติมารับถึงสถานี เช่นเดียวกับมินท์ มุทิตานั่น คุณพ่อก็มารับด้วยเช่นกัน
ก่อนจะกลับนั้นพวกสาวๆทั้งสามเห็นพี่นนท์ที่มีพี่ชายมารับ พี่นนเลื่อนกระจกให้ ทำให้มองเห็นพี่เขา พร้อมกับโบกมือให้พวกเรา ตะโกนออกไป เสียงพอได้ยิน
"พี่กลับไปก่อนนะสามสาว แล้วอีกสี่วันเจอกัน"
"ค่ะ บ๊ายๆพี่นน"
สาวสามหันมาตอบ แทบพร้อมกัน
พี่วุฒิเลือกขึ้นทางด่วน บ้านของเราอยู่แถวบางเขน ช่วงรามอินทรา แถวท่าแร้ง เลยต้องมาทางเส้นนี้สะดวกกว่า มาลงวัชรพล แล้วยิงตรงไปที่ซอยบ้านเลย
คงไปถึงอีกราวครึ่งชั่วโมง เตรียมใจกลับไปอ้อนแม่
ปองขวัญต้องขอบคุณพี่เค้กอย่างมาก ที่ทำให้มีวันนี้
โฆษณาที่ถ่ายทำสินค้าเป็นลูกอมสำหรับวัยรุ่น ฉายออกอากาศแล้ว มีการกล่าวขวัญถึงปอง อย่างมากในหมู่วัยรุ่น
แว่วข่าวว่า ทางช่องขอเซ็นสัญญากับปองขวัญโดยตรงโดย ไม่ผ่านเอเย่นต์อย่างคุณจันทิมาหรือคุณเค้ก
ช่วงนี้กำลังคุยกันอยู่ระหว่างสองฝ่าย เพื่อไม่ให้กดดัน เพราะเพิ่งเสร็จจากฝึกซ้อมบทละครเพื่อเป็นนักแสดง
ในที่สุดถึงบ้าน ลงจากรถแท็กซี่แล้วจ่ายตัง ก่อนหยุดอยู่ตรงนั้น สายตาหลายคู่จ้องมาทางปองขวัญ ด้วยประกายยินดี และต้อนรับดาราดวงใหม่แห่งซอย ขวัญใจของชุมชน
"ต๊าย น้อง ปองกลับมาแล้ว นี่เร็ว พวกเรา ดาราคนใหม่ น้องปองกลับมาแล้ว ในโฆษณาสวยวันสวยคืนเชียวนา แถมน่ารักอีกด้วย”
นภา เจ้าของร้านชำในซอยเอ่ยชม
"จ้ะ ขอบคุณนะคะพี่นภา ที่ดูโฆษณาของหนู"
ร้านของนภาขายของทุกอย่าง เรียกว่าสากกะเบือยันเรือรบ เป็นห้องแถวสามคูหา ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง
ไม่ทันไรเลย เด็กแถวบ้านก็กรูมา ชื่นชม และกรี๊ดใส่ แต่หล่อนบอกว่าห้ามถ่ายรูป
"อย่าถ่ายรูปนะจ้ะ พี่จะเซ็นลายเซ็นให้”
เด็กกลุ่มนั้นเชื่อ ปองขวัญรู้สึกหิวเป็นอย่างมาก
เธอสั่งต้มยำทะเลสำหรับพ่อ กระเพราะไก่เป็นกับข้าวสำหรับแม่ ส่วนของตัวเอง สั่งข้าวผัดปลาเค็มเพื่อจะนำไปทานที่บ้าน รอประมาณยี่สิบนาที ก็ได้อาหาร ปองขวัญหิ้วถุงอาหารเข้าบ้าน
"พ่อจ๋าแม่จ๋า จิ๋วกลับมาแล้วค่ะ"
"ว่าไงลูก เหนื่อยมั๊ย" พ่อถาม
"เหนื่อยสิจ้ะพ่อ เข้าค่ายฝึกการแสดง"
"แม่นั่งดูปองในทีวีแล้ว กับน้องๆ หลานด้วย ปองเอ๊ย วาสนาของลูกจริง" แม่กล่าว ตรงเข้าไปกอดแม่ก่อน แม่กอดตอบ แล้วลูบที่เส้นผม
"คิดถึงค่ะ ปองก็คิดอย่างนั้นค่ะแม่ ถ้ามีรายได้ในวงการบันเทิงก็จะมาจุนเจือครอบครัวเรา ช่วยพ่อกับแม่ ไม่ให้พ่อกับแม่ทำงานหนักอีกแล้ว อีกหน่อย ปองจะหาค่าพยาบาลรักษาตัวแม่ให้ได้ ดูเหมือนพี่เค้กบอกว่า มีงานโฆษณาตัวใหม่เข้ามาอีกค่ะ"
เป็นข่าวดีอีก ที่พี่เค้กเจ้าของโมเดลลิ่งรับงานให้อีกงาน เจ้าของสินค้าตกลงทันที เห็นรูปของปองขวัญในช่องทีวีดัง ฐานะนักแสดงใหม่ ช่วยต่อยอดให้ปอง เป็นงานโฆษณายาสีฟัน รายได้ทางนี้ ที่ช่วยเหลือครอบครัวได้
"มาถึงแล้ว นั่งพักก่อนลูก อาบน้ำอาบท่าเสีย"
พ่อพูดขึ้นจากรถเข็นที่นั่ง
"ปองซื้อกับข้าวร้านพี่นภามาให้ด้วยค่ะ นี่ไง"
เธอชี้ไปที่ถุงอาหาร วางไว้บนโต๊ะใกล้ประตูบอกพ่อกับแม่
"โอ ซื้อมาเยอะแยะจังลูก"
แม่เธอเอ่ย ขณะที่ละสายตจากจอทีวี มือกำลังสาละวนกับการจัดเสื้อผ้าของลูกค้า ที่รีดเรียบเสร็จเรียบร้อย ไปแขวนไว้บนราวตาก รอลูกค้ามารับ
"ก็ปองอยากจะให้พ่อแม่กินอิ่ม แล้วปองก็หิวด้วย"
ปองขวัญบอก
"ถ้าลูกหิวก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อน เดี๋ยวแม่จะแกะใส่จานไว้ให้"
ปองพยักหน้า รีบขึ้นไปข้างบนอย่างที่แม่บอก ถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ที่หอมกรุ่น เดินลงมาจากข้างบน ด้วยใบหน้าที่สดชื่นผ่องใส
คุณ อิสรี แม่เขาอยู่ในการดูแลของคุณหมอ ที่ตรวจรักษาอยู่ด้านในห้องผ่าตัด มาพร้อมคุณพ่อ น้องสาวคนเล็กด้วย ที่มาสักพักก็ติดรถอีกคัน ของพี่ชายคนโตไปส่งที่โรงเรียน เพราะอยากมาส่งแม่ที่โรงพยาบาล จากนั้นพี่ชายขับรถไปทำงานต่อ
เหลือแต่กนินทร์กับบิดา เขาใส่แมสและแต่งตัวอย่างมิดชิด
กลัวจะมีคนมาห้อมล้อมแล้วรุมถ่ายรูป หรือขอลายเซ็นในสถานที่พยาบาล เพราะรายการประกวดดัง เขากลัวการเสียความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการกให้ใครมาห้อมล้อม เพราะมาธุระเจ็บป่วยของมารดา พ่อเขาเป็นดาราเก่า รู้วิธีกันนนหลบจากผู้คน แนะนำลูกชาย
นอกจากสวมแมสอำพราง แล้วนั่งเงียบ ไม่ให้เป็นจุดสนใจ เขามานั่งรอที่ริมระเบียงด้านหน้า ผ่านไปนาน จนพ่อต้องบอก