"ทะเลาะอะไรกันมาอีก" ว่าที่แม่ยาย หรือจะให้พูดอีกทีว่าเป็นเพื่อนซี้เพื่อนสนิทของไอ้อั๋น เอ่ยถามผมในทันทีที่ยัยเห็นว่ายัยเด็กตัวเล็กหน้างอคอหักก่อนจะเดินหายขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
"ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วหรือไง ถึงได้มานั่งปลูกผักกันในวันที่แดดโคตรจะแรงแบบนี้" ผมพิงตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทีมือกอดแนบอยู่กับอก ก่อนจะปิดตาลงช้าๆ เพื่อขับไล่ความรู้สึกขุ่นมัวจากเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้าให้ออกไปจากหัวใจ
"ก็แล้วทำไมฉันจะปลูกผักไม่ได้" เชื่อเถอะที่เขาบอกว่าดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่น่ะมันไม่เกินจริงหรอก เพราะท่าทางของคุณแม่โสนในตอนนี้มันเหมือนกับลูกสาวของหล่อนในตอนที่กำลังเถียงผมไม่มีผิด
"ฉันทั้งรักทั้งหวงลูกสาวของเธอมากกว่าชีวิตของตัวเองเอาซะอีกนะโสน แล้วนี่คือสิ่งที่เธอเลือกที่จะทำอย่างนั้นนะเหรอ! เธอชักชวนให้ลูกสาวต้องไปตากแดดตัวดำโดยการปลูกผักสวนครัวกิน ไอ้อั๋นจะบ้า!"
"นี่ก็เว่อร์เกิน! อุณหภูมิวันนี้มันไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำมั้งน่ะ ลูกสาวของฉันไม่ได้เป็นโรคแพ้แดดซะหน่อยนะตาบ้า!" สาบานเลยว่าถ้าหากคนตรงหน้าในตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนสนิทที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งว่าที่แม่ยายของไอ้อั๋นแล้วละก็ พ่อจะลงหลังแหวนให้สลบคาโซฟาให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
"ดูจากสภาพแขนที่โดนแดดเลียจนดำปี๋ขนาดนั้น เธอยังจะบอกว่าแดดวันนี้มันไม่แรงอีกอย่างนั้นนะเหรอ! ฉันทะนุถนอมแฟนของฉันเป็นอย่างดี คอยดูแลเธอทุกกระเบียดนิ้วประหนึ่งทาสรับใช้ แล้วนี่คือสิ่งที่แม่ของเธอเลือกที่จะทำอย่างนั้นนะเหรอ? เธอใช้แรงงานลูกสาวของตัวเองปลูกผักจนหน้าแดงตัวดำ!"
"พูดให้มันดีๆ นะยะ! ฉันเป็นแม่ของว่าที่เมียของแกเลยนะเว้ยไอ้บ้า! ไหนเรียกซิคุณแม่ครับอย่างที่แกเคยเรียกอะ ฮ่าๆๆ"
"เธอนี่มัน! เหมือนลูกสาวของเธอไม่มีผิด! เธอ...
"เสน่ห์มาแล้ว หุบปากของนายเดี๋ยวนี้นะถ้ายังไม่อยากโดนเด็กทิ้งตอนแก่!" ผมแอบยกมือขึ้นมาอย่างคาดโทษโสนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตามเดิมในทันทีที่ได้ยินเสียงเสน่ห์กำลังเดินลงบันไดมา
"เสียงดังอะไรกัน" เสน่ห์มองผมและแม่ของเธอสลับกันด้วยสีหน้าที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังสงสัยมากแค่ไหน ในขณะที่แม่ของเธอก็ฉกฉวยโอกาสนี้ในการเดินหนีห่างออกไปจากตรงนี้อย่างเนียนๆ
"แม่จะไปปลูกผักต่อแล้วนะเสน่ห์" ถ้าไม่ติดว่าแฟนของผมอยู่ตรงนี้ ผมก็คงจะตะโกนด่าโสนไปแล้วแหละครับว่าลูกอีตอแหล!
จริงๆ แล้วตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผมและเสน่ห์คบหากัน มีหลายต่อหลายครั้งที่ทั้งผมเกือบที่จะเปิดเผยความจริงที่ว่าทั้งผมและหล่อนสนิทชิดเชื้อกันมากแค่ไหนออกมาให้เสน่ห์ได้เห็น และนับว่าโชคดีที่สุดท้ายเราสองคนก็สามารถที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้อยู่เสมอๆ
ห้างสรรพสินค้า
เกือบยี่สิบนาทีต่อมาผมกับเธอก็นั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์คันเก๋คันเดิมของเราสองคนมาถึงห้างสรรพสินค้าก่อนจะพากันเดินตรงไปยังโซนเสริมความงามเพื่อซื้อโลชั่นกันแดดให้กับเธอ
"เอาอันนี้ด้วยไหม คอลลาเจนอันนี้เขาว่าดีมากนะ" ผมยกคอลลาเจนกล่องหนึ่งที่เป็นของแบรนด์ดังให้เธอได้ดู เมื่อเห็นว่าเธอกดหน้าลงเชิงตอบรับผมก็จัดแจงหยิบมันมาใส่ลงในรถเข็นทันที
ถ้าหากใครกำลังสงสัยว่าผมรู้ไดยังไงว่าคอลลาเจนตัวนี้ดีเลิศ จะบอกให้ก็ได้ว่าตั้งแต่ผมคิดวางแผนการจะมีเมียเด็ก ผมก็ไม่เคยที่จะหยุดบำรุงรักษารูปหน้าและร่างกายของตัวเองเลย และมันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากผมจะรับรู้ว่าสินค้าเสริมความงามตัวไหนที่ใช้แล้วมีประสิทธิผลที่ดีบ้าง ถูกไหมไหมละ
"เขาน่ะ เขาไหน" ผมที่กำลังยืนเลือกโลชั่นกันแดดให้กับเธอหันขวับมายังคนที่กำลังเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
"เธอว่าอะไรนะ" ไอ้เรามันก็แก่แล้วเสือกหูตึงซะด้วยสิ... ก็เลยว้าวุ่นเลยทีนี้
"ก็เขาไหนที่ว่าดี นายรู้เรื่องเครื่องสำอางค์ดีไปกว่าผู้หญิงอย่างฉันอีกนะ หรือว่า... นายแอบซุกหญิงเอาไว้อย่างนั้นใช่ไหม! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!"
"บ้า!" ผมแอบหัวเราะเล็กน้อยให้กับคนที่กำลังตั้งข้อกล่าวหานั้นให้กับผม ก่อนจะลงมือตีไปตรงกระหม่อมเล็กนั้นด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ในความคิดความอ่านของยัยเด็กที่พึ่งจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์เมื่อวานซืน
"เธอน่ะชักจะอาการหนักกว่าฉันแล้วนะรู้ตัวหรือเปล่าเสน่ห์" ไม่รอให้เธอหน้างอคอหักเพราะนึกคิดเอาไปเองมากกว่านี้ ผมจึงเลือกที่จะเข้าไปรวบร่างเล็กนั้นเข้าหาก่อนจะกดหอมลงบนแก้มนุ่มๆ นั้นไปสองที
ชื่นใจฉิบหายบอกตรงๆ มีเมียเด็กมันดีอย่างนี้นี่เอง~
"จะมีใครได้อีกละ ทั้งชีวิตนอกจากป๊ากับแม่ ฉันก็มีแค่เธอนี่แหละยัยดื้อแขนดำ" ผมประชดประชันด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวเมื่อได้เห็นว่าแขนที่เคยเนียนใสนั้นถูกแดดเลียแดดเผาซะจนกระดำกระด่างไปหมดทั้งแขน
"นี่นายบูลลี่ฉันอย่างนั้นนะเหรอ ไอ้คนนิสัยไม่ดี!"
"อั๋นหวงครับ... ดูแลตัวเองให้ดีเหมือนที่แฟนคนนี้ดูแลเธอเป็นอย่างดีจะได้หรือเปล่าครับ" เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังจะบานปลาย ผมเลยเลือกใช้วิธีพูดคุยกันด้วยเหตุผลที่ดีและหวังเอาไว้เป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะเข้าใจ
"นะครับคนดีของอั๋น...อั๋นรัก อั๋นเชื่อว่าเสน่ห์รู้ว่าอั๋นหวงในทุกๆ อย่างที่ข้องเกี่ยวกับแฟนของอั๋นคนนี้ ถูกไหม"
"ก็รู้..." แน่นอนว่าแฟนของผมเธอไม่ใช่คนดื้อครับ ถึงบางครั้งจะรั้นไปบ้างก็ตามเถอะนะ
"แบบนั้นแล้วเสน่ห์ก็ต้องไม่ปล่อยให้ผิวของตัวเองโดนแดดส่องจนแขนดำไหม้แบบนี้อีกนะครับ สัญญานะว่าจะดูแลตัวเองให้ดี"
"ค่ะ...เข้าใจแล้ว" ปลายเท้าเล็กๆ นั้นค่อยๆ เขย่งขึ้นในขณะที่ผมซึ่งมีความสูงมากกว่าเธอถึงสามสิบสองเซนติเมตรก็ไม่รอช้าที่จะก้มหน้าของตัวเองให้ลดต่ำลงอย่างรู้งาน ก่อนที่เราสองคนจะจุ๊บปากกันหนึ่งครั้งเพื่อยืนยันว่าเราสองคนนั้นได้ให้คำสัญญาต่อกันในเรื่องนี้แล้ว...
"รักนะคะ..."
"รักเธอครับ คนสวยของไอ้อั๋น"
ใครที่ไม่มีแฟนก็แนะนำให้ไปหานะครับ อย่ามัวมานั่งอิจฉาไอ้อั๋นกันเลยเนอะ อิอิ
ไอ้อั๋นตำนานผู้ชายขิงเก่ง ฮ่าๆๆ 🤣🤣🤣