"เย็นนี้อยากกินไอติมจัง" ผมที่กำลังนั่งเขียนการบ้าน! ใช่ครับ! เขียนการบ้านเด็กมอสี่ในวัยสามสิบปี! หันขวับกลับไปมองเจ้าของประโยคที่อยากกินไอศกรีมนั้นด้วยความรู้สึกอยากขัดใจแต่ก็ไม่กล้า~
วิถีคนมีแฟนเด็ก อะไรยอมได้ก็ยอมเด้อ เพราะผมเคยบอกไปแล้วว่าอกหักตอนอายุสามสิบปีไม่ใช่เรื่องตลกเด้อพี่น้อง!
"ไอซ์ สวีทตี้เหมือนเดิมใช่ไหมครับที่รัก"
"จะมีใครที่รู้ใจฉันเท่านาย น่ารักจริงจริ๊ง" ผมแอบเบ้หน้าเพราะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในตอนที่อุ้งมือเล็กๆ นั้นขย้ำมาตรงสองแก้ม เจ็บแหละแต่รักไง...ก็เลยยอมเธอได้
Ice Sweety
หลังจากที่ผมจัดการเรื่องการบ้านที่อาจารย์สั่งเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย เราสองคนก็พากันซ้อนมอเตอร์ไซค์ของเธอ ใช่ครับ! ระยะหลังๆ มานี้เราสองคนจะไปไหนมาไหนด้วยกันด้วยรถมอเตอร์ไซค์ของเธอเท่านั้น เพราะผมไม่อยากที่จะว่าจ้างก้างขวางคออย่างไอ้คีตะมาขับรถให้อีกแล้วนั่นเอง
จุ๊บแฟนที ไอ้ห่าคีตะเล่นวิ่งแจ้นไปฟ้องลุงของแฟนที อันเป็นเหตุให้ไอ้จอร์แดนเขกหัวผมจนสมองจะบวมตายไปแล้วเนี่ยดูเอาเถอะ!
"นายเอาไอติมวนิลาไม่เพิ่มท็อปปิ้งเหมือนเดิมใช่ไหม"
"ครับ" ผมตอบรับสั้นๆ ก่อนพิงตัวลงกับพนักพิงเก้าอี้เพื่อรอคอยเวลาให้ไอศกรีมที่สั่งไปถูกยกมาเสิร์ฟให้โดยบริกรของทางร้าน
"อันนี้ไอศกรีมมะนาวถ้วยใหญ่ของคุณผู้หญิงได้แล้วค่ะ ส่วนอันนี้ไอศกรีมวนิลาถ้วยเล็กของคุณผู้ชายค่ะ"
"เลอะหมดแล้ว" ผมที่จัดการไอศกรีมในส่วนของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งมองเด็กดื้อบางคนที่ในตอนนี้มีคราบไอศกรีมติดเลอะอยู่ทั้งสองมุมปาก
"เช็ดให้หน่อย" ใบหน้าเล็กๆ น่ารักๆ นั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ก่อนที่ดวงตาคู่กลมจะปิดพริ้มลงอย่างรอคอยให้ผมเช็ดทำความสะอาดมุมปากให้
จ๊วบ!
ก็ไม่ได้จะตั้งใจจะจูจุ๊บกันในที่สาธารณะหรอกนะแต่ขอหน่อยเถอะ ก็แฟนผมน่ารักขนาดนี้แล้วจะให้อดใจยังไงไหวก่อน!
จ๊วบ!
ก่อนที่นาทีต่อมาจะมีเด็กดื้อบางคนที่สู้ผมโดยการดูดขอบปากล่างผมกลับ ส่งผลให้ไอ้อั๋นน้อยถึงกับแข็งตึงขึ้นมาเลยทีเดียว
"จุ๊บมาจุ๊บกลับไม่โกงนะคะ" ดูน้ำเสียงที่มีลูกเล่นแพรวพราวแอบแฝงอยู่ของเธอสิครับทุกคน! มันช่างเซ็กซี่เอาซะจนคนแก่อย่างผมต้องตั้งจิตภาวนาว่าแฟนที่อยู่ตรงหน้านั้นพึ่งจะมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา!
"นายร้อนเหรอ?"
"ฮะ?" ผมขานรับในสิ่งที่เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ก่อนที่นาทีต่อมาเม็ดเหงื่อจากตัวผมจะหยดติ๋งลงบนโต๊ะ จึงทำให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้ต่อมเหงื่อของตัวเองมันกำลังทำงานหนักซะจนเครื่องปรับอากาศระดับความเย็นยี่สิบองศาของร้านก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่!
"อ๋อ...ใช่แหละ ร้อนแหละ" ร้อนมาก ร้อนฉิบหาย! โดยเฉพาะไอ้ตัวที่อยู่ตรงหว่างขากูเนี่ย แม่งตึงจนกูร้อนไปหมดทั้งตัวแล้วไอ้ห่า!
"อะไร" ผมยื่นมือออกไปรับอะไรบางอย่างที่คล้ายกบเหลาดินสอแบบหมุน แต่อันนี้ไม่มีที่หมุนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
"มันคืออะไร?"
"พัดลมไง" เธอไขข้อข้องใจให้ผมได้กระจ่าง "พัดลมพกพา ก็เห็นว่าร้อนหนิ"
"อ๋อ...ตอนแรกคิดว่ากบเหลาดินสอเอาซะอีก" ขอโทษด้วยนะครับทุกคนที่ไอ้อั๋นนั้นมันทั้งแก่ทั้งเชย ฮ่าๆ
"กดเปิดตรงนี้" ลมอ่อนๆ ค่อยๆ ระบายออกมาจากเจ้าพัดลมพกพาตัวจิ๋ว ส่งผลให้ผมที่เคยมีความคิดลามกจกเปรตต่อแฟนรู้สึกผ่อนคลายและขับไล่ความคิดจัญไรนั้นออกไปให้พ้นจากหัวสมองได้ในที่สุด
ค่อยยังชั่ว... เกือบได้นอนตะรางแล้วไหมละกู
"ชอบละสิ อันนั้นนายเอาไปเถอะฉันให้ ที่บ้านฉันยังมีอีกอันนึง" เธอที่เห็นว่าผมมีสภาพที่ดีขึ้นจึงไม่รอช้าที่จะออกปากบอกให้พัดลมพกพาตัวจิ๋วนี้กับผม และยื่นสายสีขาวสำหรับชาร์ทแบตเตอรี่ของมันมาให้ผมในนาทีต่อมา
"ขอบคุณครับ"
เกือบสองชั่วโมงต่อมาเราก็พากันมาถึงบ้านของเธอในที่สุด โดยที่ในมือของคนซ้อนท้ายอย่างเธอนั้นเต็มไปด้วยของกินของใช้ที่เราสองคนช่วยกันเลือกเมื่อก่อนหน้านี้
"คุณแม่ใส่เสื้อตัวนี้แล้วสวยมากเลยครับ" เคยบอกไปหรือยังนะว่าคุณแม่โสนของเสน่ห์ในวัยสามสิบเก้าปีนั้นยังคงสวยไม่สร่างครับ ถ้าหากใครที่ไหนสงสัยว่าแฟนของผมเธอสวยได้ใคร ผมก็จะขอบอกเลยว่าเธอสวยได้แม่ของเธอนั่นเองครับทุกคน
"ขอบคุณจ้ะ" จริงๆ แล้วผมกับแม่ของเธอมีโอกาสได้เจอกันมาหลายครั้งแล้วแหละครับเพราะทางบ้านของเราทำธุรกิจหลายอย่างร่วมกัน และแน่นอนครับว่าน้าโสนแกรับรู้ถึงอายุที่แท้จริงของผมครับแต่เป็นผมเองที่ร้องขอน้าเขากับป๊าเอาไว้ว่าอย่าพึ่งบอกเสน่ห์ในตอนนี้
แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีใครรู้จักผมที่เป็นลูกชายคนเดียวของท่านเจ้าสัวมากจนถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพราะผมเองพึ่งจะย้ายกลับมาอยู่กับพ่อในช่วงสิบห้าปีหลัง ส่วนสิบห้าปีแรกผมอาศัยอยู่กับแม่ที่แยกทางกันกับป๊าไปตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่ลืมตาดูโลกนู่นแหนะ
มีเหตุผลบางอย่างที่ทั้งคู่ไม่สามารถที่จะร่วมใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันได้นะครับทุก แต่อย่าไปพูดถึงเลยเดี๋ยวจะได้เห็นคนแก่อย่างไอ้อั๋นร้องไห้ขี้มูกโป่งเอาซะเปล่าๆ ฮ่าๆ
"อั๋น!"
"ฮะ...อะไร เสียงดังทำไม"
"ก็เรียกหลายครั้งแล้วนายไม่ขาน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นจึงหันไปส่งสายตากับน้าโสนว่าเธอพูดเรื่องจริงหรือเปล่า และเมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายกดหน้าลงเบาๆ ผมจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง
"อ๋อ...ขอโทษครับคิดอะไรเพลินๆ ว่าแต่คุณแฟนที่น่ารักของไอ้อั๋นมีอะไรครับ" ใครจะเป็นเสือก็เป็นไปเถอะ ส่วนไอ้อั๋นคนนี้ขอเป็นน้องหมาที่อยู่ในกำมือของแฟนมันคนนี้ตลอดไปเลย~
"จะถามว่ากินข้าวไหม?"
"กินครับกิน งั้น...คุณแฟนกับคุณแม่นั่งรอได้เลยเดี๋ยวไอ้อั๋นคนนี้จะรับหน้าที่เป็นคนจัดโต๊ะจัดจานเองคร้าบ!" ผมว่าด้วยน้ำเสียงติดทะเล้นและผมก็รู้สึกใจฟูอยู่ไม่น้อยที่การกระทำนี้ของผมมันสามารถที่จะเรียกรอยยิ้มมาจากเธอและคุณแม่ได้
"มาแล้วคร้าบ! ทานข้าวกันครับคุณแม่ คุณแฟนคนสวยของไอ้อั๋น~"
ไอ้อั๋นน่ารักนะ จะมาเสียก็ตรงทีขี้หวงเมียจนเกินเหตุไปหน่อย ฮ่าๆๆ 🤣🤣🤣