บทที่ 5

2304 Words
เงินก้อนโตถูกฝากเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ของไทยในฮ่องกง... อลินแบ่งบางส่วนส่งเข้าบัญชีพี่สาวที่กำลังศึกษาวิชาแพทย์เฉพาะทางที่ต่างประเทศ สิ่งที่ครอบครัวต้องแบกรับและตกมาเป็นภาระของหล่อนพี่สาวไม่มีวันได้มีโอกาสรับรู้เพราะการเรียนอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่สมัยมัธยมทำให้โลกของชลชีวันผู้เป็นพี่สาวมีแต่เรื่องเรียน เพราะบิดาอยากให้พี่สาวประสบความสำเร็จในสิ่งที่ชอบเลยไม่ได้บอกปัญหาอะไร ผิดกับลูกที่เรียนบริหารธุรกิจเพื่อสืบทอดกิจการครอบครัวอย่างหล่อนที่รับรู้ทุกอย่างแล้วต้องมาแก้ปัญหาและทำหน้าที่แทนพ่อซึ่งอลินก็ยินดีทำโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ระหว่างที่เก็บของและเตรียมเอกสารอยู่ในห้องนั่งเล่นประตูคอนโดมิเนียมก็ถูกเปิดออก พร้อมกับมุกลดาที่เพิ่งออกไปติดต่อเอเจนซี่ที่หามหาวิทยาลัยในต่างประเทศให้หล่อนเรียนต่อปริญญาโทเดินหน้ามุ่ยเข้ามา ตอนเช้ายังดีใจว่าหาเอเจนซี่มาช่วยจัดการเรื่องเรียนโทให้ได้แล้ว ทำไมวันนี้หน้าบึ้งเข้ามาอย่างนี้ล่ะ มีปัญหาอะไรเหรอเพิร์ล” “เรื่องเรียนไม่มีอะไร เรียบร้อย กำลังจะดีอยู่แล้วถ้าเกิดไม่มีลูกน้องอีตาวีไอพีจอมฉวยโอกาสนั้นมาดักเจอ” “หา... แล้วเขาทำอะไรเพิร์ลไหมนั่น” วางเอกสารแล้วเข้ามาสำรวจเนื้อตัวเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ดูเหมือนว่าสิ่งที่เหมยลี่จิน กลัวนั้นจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว “ไม่ได้ทำอะไร แต่มายื่นข้อเสนอน่ารังเกียจที่สุดให้เราน่ะสิ นายวีไอพีนี่หูตึงหรือไงไม่รู้ที่ตอนก่อนแยกกันวันนั้นเราบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขายังคิดว่าเราขายตัวอยู่ หึย ดีนะที่ส่งคนมา ถ้าเขามาเองจะตบล้างแค้นให้ดู แค่ที่ไม่เอาเรื่องในครั้งแรกก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว” เม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงหน้านิ่งไม่ไหวติงของคนที่แนะนำตัวเองว่าชื่อเหวินไท่จือและหนำซ้ำหมอนั่นยังบอกอย่างองอาจว่าเป็นคนของเควิน เฉิน เขาคุยกับหล่อนเรื่องยื่นข้อเสนอให้ไปเป็นผู้หญิงของเควินโดยที่ไม่เกี่ยงค่าตัว “หวังว่าปฏิเสธไปแล้ว... เขาจะเลิกตามราวีนะ” “เราว่าเราต้องออกจากที่นี่เร็วกว่าที่กำหนดแล้วล่ะ รู้สึกว่าอันตราย... อลินเองก็ไปพร้อมกันเถอะนะ ถึงมาเฟียคนนั้นไม่ได้ติดตามอลินให้ลำบากใจ แต่เราไม่ได้อยู่ด้วย เรากลัวว่าอลินจะไม่ปลอดภัย” “อลินพยักหน้า... หล่อนโชคดีกว่ามุกลดาหลายเท่านักที่ชานป๋อหลินไม่ได้เห็นหล่อนสำคัญ เพียงแค่หล่อนไม่รับงานเขาก็คงหาคนใหม่มาแทนที่ บางทีอาจจะไม่ใส่ใจอยากรู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนจะเข้ามาหรือว่าเดินออกจากชีวิตของเขาเมื่อไหร่ “เราไม่มีอะไรให้กลัวหรอก... เราต้องออกเดินทางช้าหน่อยเพราะว่าต้องเดินสายติดต่อร้านจิวเวอรี่ที่นี่หลายร้านเกี่ยวกับกิจการของที่บ้าน ตอนนี้พ่อเราเพิ่งส่งอีเมลเกี่ยวกับลิสต์ลูกค้าที่ต้องไปเจอมาให้ เราคงกลับไทยได้ช้ากว่าเพิร์ลสองสามวันน่ะ” “เราจะได้เจอกันอีกไหมเนี่ย” มุกลดานิ่วหน้า หล่อนกลับเมืองไทยเพียงสองวันเพื่อจะไปไหว้อัฐิของพ่อกับแม่ขอพรแล้วเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ หญิงสาวเริ่มอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่อายุสิบแปดและมีเป้าหมายที่แน่วแน่ที่จะไปเรียนที่อังกฤษ แต่เนื่องจากต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากเจ้าตัวจึงลาออกจากงานที่เมืองไทยมาเดินสายร้องเพลงและเป็นพริตตี้ที่ต่างประเทศ ตอนนี้เพื่อนได้เงินมากพอแล้วและจะไปทำตามเป้าหมายที่อลินพอดูออกว่าสิ่งที่มุกลดาจะทำที่อังกฤษมากกว่าเรื่องเรียนแน่ๆ แต่เพื่อนไม่ได้เล่าให้ฟัง หล่อนจึงไม่กล้าซักถามอะไรมากนัก “เราเชื่อว่าจะได้เจอ” อลินบอกอย่างมั่นใจ... อย่างน้อยมุกลดาอาจจะกลับไทยบ้าง เพื่อนที่ไทยที่ไม่มากอาจจะมีหล่อนด้วย หรือบางทีอลินอาจจะไปเยี่ยมพี่สาวที่อังกฤษแล้วแวะหามุกลดาก็ได้ ทั้งคู่ถอนหายใจเมื่อนึกได้ว่าต้องแยกจากกัน... แต่สองสาวไม่รู้ตัวเลยว่าจะได้เจอกันเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ณ ห้องพักหรูหราบนตึกสูงเสียดฟ้า ใจกลางย่านเซ็นทรัล เขตปกครองตนเองฮ่องกง บรั่นดีสีอำพันกลิ้งหมุนวนในแก้ว หากแต่ไม่กระฉอก เพราะถูกประคองและหมุนด้วยนิ้วมือเรียวเสลาของคุณชายแห่งตระกูลลี ผู้เป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ระดับท็อปเท็นแห่งเกาะฮ่องกง เวลาค่ำคืนที่หน้าต่างของห้องซึ่งเป็นกระจกตั้งแต่พื้นยันเพดานใสกระจ่างมองเห็นแสงระยับพราวจากภาพตึกภายนอกที่เรียงตัวสวย หากสายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เมื่อบอดีการ์ดที่ยืนเรียงรายต่อหน้าเขากว่าสิบคน มายืนรายงานผลการปฏิบัติงานที่เขาสั่งได้ไม่เป็นที่พึงพอใจสักเท่าไหร่ พวกเขาตอบแทนการนั่งรออย่างใจเย็นเกือบค่อนวันของเขาว่า ทำงานไม่สำเร็จ และกลับมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยมือเปล่า ไม่ได้คนที่เขาต้องการติดมือมาด้วย “ไม่ได้ตัวผู้หญิงคนนั้นมางั้นเหรอ” กวาดตามองชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนภายใต้สูทสีดำสนิทที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน เป็นครั้งแรกที่ทุกคนต่างหลบตาเขา และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่คนเหล่านี้ทำงานไม่สำเร็จ เห็นได้ชัดว่าวางตัวกันไม่ถูกเท่าไหร่ “พวกเราพยายามแล้วครับ เสนอทุกอย่างให้ แต่เธอปฏิเสธที่จะเป็นผู้หญิงของ เควิน” หัวหน้าบอดีการ์ดรายงานเสียงขึงขัง ผิดกับแววตาหนักใจที่แสดงออกต่อคุณชายผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา “เธอว่าอย่างไรบ้าง” “เธอบอกว่า ไม่รู้จักเควิน และไม่ยอมรับเงินเพื่อมานอนกับเควิน แล้วยังบอกว่าเชิญเควินไปลงนรกซะ” เหวินไท่จือผู้ถูกถามบอกไปตามตรง ก่อนที่จะถูกลูกน้องสะกิด เขาถึงนึกขึ้นได้ว่า คำพูดรายงานตามตรงของเขากำลังทำให้คุณชายโกรธเจียนคลั่ง “อวดดี” ไม่มีคำพูดใดที่จะเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นได้เหมาะสมเท่าคำนี้แล้ว แก้วบรั่นดีถูกวางลง สายตาว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นหมายมาด อยากเอาชนะ จนลูกน้องทั้งสิบหนาวๆ ร้อนๆ แทนผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ได้รับความสนใจจากคุณชายของพวกเขามากที่สุดในชั่วโมงนี้... มุกลดา คือชื่อผู้หญิงไทยตัวเล็กคนนั้น หล่อนเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่กล้าเอ่ยปากปฏิเสธเควินอย่างไม่ไยดี “จะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวมีคำสั่งเพิ่มเมื่อไหร่จะเรียก” เควินวางแก้วบรั่นดีลงแล้วโบกมือไล่บอดีการ์ดทุกคนออกไปจากห้องชุดของเขา เสียงฝีเท้าก้าวออกไปและบานประตูใหญ่ปิดแล้ว เปลือกตาของเขาก็หรี่ลง นึกถึงใบหน้าสวยหวานที่มองผ่านตาเพียงวูบเดียวก็ตราตรึงทำให้อยากได้หล่อนถึงกับต้องยื่นข้อเสนอให้หล่อนทั้งที่ไม่เคยยื่นให้ใครมาก่อน เพราะในยามปรกติเขามักจะเป็นฝ่ายเลือกมากกว่าที่จะเข้าหา “เป็นไปได้หรือที่ผู้หญิงอย่างเธอเงินจะซื้อไม่ได้ ไม่มีทางหรอก” รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่ม เขาไม่เคยพ่ายแพ้ และไม่เคยผิดหวัง เขาไม่มีทางจะให้คนธรรมดาอย่างหล่อนมาสร้างรอยด่างพร้อยในชีวิตให้เขาได้หรอก เขาจะต้องเป็นผู้ได้ครอบครองเรือนร่างหอมหวานแสนบริสุทธิ์ซ้ำยังเนียนนุ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวได้นานเท่าที่เขาต้องการ เพียงแค่ครั้งเดียวที่ได้จากหล่อน มันยังไม่ได้ทำให้เขาพอใจเท่าใดนัก เขาต้องการหล่อนอีกและรำคาญที่จะเห็นหล่อนเล่นตัว หล่อนควรจะรู้ว่าเขาจะทุ่มเงินให้ไม่อั้นหากเขาพอใจ ไม่จำเป็นต้องเล่นตัวสักนิด เพราะมันทำให้เขาคลั่งเพราะความต้องการเกินขีดจำกัด และคนที่เดือดร้อนก็ไม่ใช่ใครก็หล่อนเองนั่นล่ะที่จะต้องปรนเปรอเขามากเป็นพิเศษโดยไร้ข้อโต้แย้งและปราศจากความปรานี รุ่งเช้าวันถัดมา เหวินไท่จือก็ได้รับคำสั่งจากคนที่กำลังสวมเสื้อสูทโก้หรูเพื่อเดินทางเข้าประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทในเครือลีแลนด์กรุ๊ป คราแรกนั้นนึกว่าเจ้านายจะสั่งการเรื่องรถที่จะไปอาคารสำนักงานใหญ่ในย่านเซ็นทรัล หากแต่เมื่อเขาบอกว่าต้องการอะไร มือขวาของมาเฟียหนุ่มถึงกับอึ้ง “เรื่องผู้หญิงคนนั้น นายเสนอเงินไปอีกเท่าตัวแล้วพาตัวมาให้ได้... ฉันไม่อยากฟังคำว่าไม่สำเร็จ พรุ่งนี้ผู้หญิงคนนั้นต้องนอนรออยู่ที่เตียงของฉัน” เสียงสั่งประกาศิต ไม่กี่ครั้งที่จะได้รับคำสั่งเฉียบขาดแบบนี้ หลายคนต่างถอนหายใจ ถ้าสั่งเสียงแข็งแบบนี้แต่บอกให้ไปฆ่าศัตรู โอกาสสำเร็จอยู่ที่ร้อยเปอร์เซ็นต์พวกเขามั่นใจ แต่ถ้าจะให้ไปซื้อตัวผู้หญิงที่ไม่ยอมก้มหัวอ่อนข้อ ซ้ำยังปากจัดและเจ้าอารมณ์จนพวกเขาเองยังพรั่นพรึง เหวินไท่จือคิดว่ามีแนวโน้มจะไม่สำเร็จ ถ้าเสนอเงินมากที่สุดเท่าที่ให้ได้แล้วหล่อนยังแข็งขืน เห็นทีต้องฉุดมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคำสั่งของเควินคือสิ่งที่พวกเขาต้องทำตามอย่างถวายหัวแต่กระนั้นก็พากันสงสัยไม่ได้ว่ามีคนให้เลือกมากมายทำไมเควินถึงต้องปักใจต้องการเอาชนะผู้หญิงคนนั้นแต่เพียงผู้เดียว เพียงแค่คืนนั้นคืนเดียวที่หล่อนผ่านเข้ามาอย่างฉาบฉวย แต่หล่อนกลับทำให้เควินเสียเวลามากมายในชีวิตกับการพยายามลากหล่อนมาขึ้นเตียงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าวันนั้นมุกลดาหว่านเสน่ห์อะไรใส่เควินเขาถึงได้ไม่ยอมปล่อยมือจากหล่อนง่ายๆ อีกมุมหนึ่งของเกาะอลินก็ยังออกมาทำงานเป็นปรกติเพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองถูกติดตามเหมือนมุกลดา ร้านคู่ค้ากับบริษัทนำเข้าและส่งออกอัญมณีของบิดาต่างก็ยินดีที่จะกลับมาร่วมงานกันอีกหลังจากที่อลินขอเข้าพบเพื่อแสดงตัวเป็นทายาทรุ่นที่สองพร้อมเอกสารเกี่ยวกับเงื่อนไขและขั้นตอนการสั่งซื้อฉบับอัปเดต แม้จะเป็นเพียงแค่การแนะนำตัวกับลูกค้าเก่าหากแต่ผู้จัดการโรงงานผลิตเครื่องประดับและร้านเพชรในฮ่องกงต่างเอ่ยปากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ายินดีมากที่บริษัทของหล่อนกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งหลังจากที่ต้องยุติการส่งออกในช่วงที่บิดาป่วย คงเพราะคุณภาพของอัญมณีโดยเฉพาะพลอยที่บิดาหล่อนศึกษาเกี่ยวกับการคัดเลือกและไปซื้อถึงแหล่งนั้นเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่ดีที่จะสร้างเครื่องประดับราคาแพงที่ออกแบบโดยนักออกแบบมือฉมัง สถานที่สุดท้ายที่อลินเข้าเยี่ยมคือโรงงานผลิตจี้กังหัน ร้านเพชรในสาขาย่อยของบิดานั้นนำเข้าจากฮ่องกงไปขายที่ไทย สินค้ามีหลายเกรดแต่หล่อนเลือกเกรดพรีเมียมสำหรับร้านเพชรชั้นนำ หลายคนรอซื้อจี้ประดับเพชรที่ปลุกเสกในวัดแชกงหมิวที่เลื่องลือชื่อเกี่ยวกับโชคลางและการค้าขาย เงินก้อนที่มีทำให้หล่อนซื้อสินค้าพรีเมี่ยมได้หลายร้อยชิ้นแล้วจะโพรโมตในโลกออนไลน์เพื่อดึงลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อเข้ามาเลือกชมสินค้าอื่นในร้านที่กำลังจะเปิดตัวอีกด้วย เสียงโทรศัพท์ดังเมื่อหล่อนเดินออกมาจากที่ไปไหว้พระที่วัดแชกงหมิวกำลังข้ามถนนจากหน้าวัดเพื่อข้ามมาขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินหมายเลขไม่คุ้นทำให้แปลกใจเล็กน้อย แต่หล่อนก็รับสาย “รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังหนีงานที่รับปากเอาไว้” ไม่ทักทายปราศรัยใดๆ แต่ตั้งคำถามที่ทำให้ขาของหล่อนชะงักเมื่อรู้ว่านั่นคือเสียงของชานป๋อหลิน! “ฉันจำเป็นต้องยกเลิกงานเพราะกำลังจะกลับเมืองไทยน่ะค่ะ ขออภัยนะคะ” “เรือกำลังจะออกคืนนี้ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปรับเธอที่หน้าอาคารที่เธอพัก” เหมือนเขาไม่ได้ฟัง และตั้งใจจะโทรมาสั่งมากกว่า อลินเม้มปาก บอกเขาในใจว่าเครื่องหล่อนก็จะออกคืนนี้เหมือนกัน แต่หล่อนไม่กล้าบอกเขาตรงๆ เลยสักนิดเดียว “อะ เอ่อ ค่ะ” บอกไปอย่างนั้นแต่ในใจคิดแผนไว้เรียบร้อยว่ากลับไปจะไปหิ้วกระเป๋าที่เก็บไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเรียกแท็กซี่ไปสนามบินไปเปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อกลับไทยให้เร็วที่สุด ไม่ได้หวังว่าการเดินทางกลับเมืองไทยจะเป็นที่ที่พ้นอิทธิพลของเขาแต่แค่คิดว่าหากเขาติดต่อหล่อนไม่ได้แล้วหล่อนหายไป เขาจะค่อยๆ ลืมหล่อนไปเอง อลินไม่ได้คิดว่าตัวเองสำคัญพอที่เขาจะจดจำหากหล่อนผิดสัญญาและหายไปจากชีวิตของเขา ได้แต่ขอโทษในใจที่รับปากเขาไปส่งๆ และหวังว่าเขาจะไม่ถือสา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD