3

1483 Words
อีกฟาก...คฤหาสน์ใจกลางเมืองของตระกูลปัทมรุ่งโรจน์ “แกบ้าไปแล้วเหรอตาธัน จะเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาทำเมียไม่ได้นะ!” ทันทีที่ธีทัศบอกเรื่องวุ้นแก้วกับมารดา ท่านก็ปรี๊ดแตกทันที ในขณะที่บิดาเองก็มีท่าทีไม่พอใจนัก “ฉันอุตส่าห์ติดต่อพ่อแม่ของหนูปรีชยาได้ แกจะทำแบบนี้กับเขาไม่ได้นะธัน” คราวนี้เป็นบิดาที่หันมาต่อว่า ธีทัศได้แต่มองหน้าท่านทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “งั้นก็แล้วแต่พ่อกับแม่แล้วกันครับ ผมคงต้องไปบอกเลิกวุ้นแก้ว แล้วก็คงต้องปล่อยให้เธอเลี้ยงลูกของผมไป” คำพูดของธีทัศทำเอาบิดากับมารดาตะลึงทันที เขาเล่นละครฉากใหญ่เพราะรู้ดีว่าที่พวกท่านอยากให้เขาแต่งงานแล้วมีทายาทโดยเร็ว ฉะนั้นหากโกหกว่าวุ้นแก้วกำลังตั้งท้อง พวกท่านต้องปฏิเสธหลานไม่ลงแน่ๆ “แกว่ายังไงนะ อย่าบอกนะว่านังนั่นท้อง นี่มันตั้งใจจะจับแกใช่ไหมธัน” ฝ่ายมารดาพูดออกมาพร้อมกับทำท่าจะเป็นลม โชคดีที่บิดารับไว้ได้ทัน ก่อนที่ทั้งคู่จะมองเขาอย่างต้องการคำตอบ “ผมตั้งใจให้วุ้นแก้วท้องเองครับ เพราะผมรักเธอ แต่ถ้าพ่อกับแม่ไม่ต้องการหลานก็ไม่เป็นไร ผมจะได้ไปบอกวุ้นแก้วว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้” ธีทัศทำท่าจะเดินออกไป แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงมีอำนาจจากประมุขของบ้านดังขึ้นเสียก่อน “หยุด! ตาธัน แกไม่ได้โกหกพ่อกับแม่ใช่ไหม ถ้าผู้หญิงคนนั้นท้องจริงๆ เด็กในท้องเป็นลูกแก แล้วก็เป็นหลานฉันแน่ๆ ใช่ไหม” บิดาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้จะรู้สึกผิดที่ต้องโกหกบุพการี แต่ธีทัศก็ต้องดำเนินเรื่องต่อ ไม่อย่างนั้นพวกท่านคงไม่ยอมให้เขาแต่งงานกับวุ้นแก้วแน่ๆ และที่สำคัญ แม้ตอนนี้วุ้นแก้วจะยังไม่ท้อง แต่เขามั่นใจว่าสามารถทำให้เธอท้องได้อย่างแน่นอน “ครับ ผมมั่นใจ” ธีทัศตอบออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน ทำให้ฝ่ายบิดากับมารดามองหน้ากันอย่างคิดหนัก “ได้ ฉันยอมให้แกแต่งกับเด็กคนนี้ แต่มีข้อแม้ว่างานจะต้องเป็นการแต่งแบบเงียบๆ และเมื่อหล่อนคลอดลูกเมื่อไร พิสูจน์แล้วเป็นหลานของฉันจริงๆ แกค่อยเปิดตัว ถึงตอนนั้นแกจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างกับผู้คนก็เรื่องของแก แต่ที่แน่ๆ พวกฉันจะไม่มีวันยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นสะใภ้จนกว่าจะพิสูจน์เรื่องลูกในท้องได้” ผู้เป็นพ่อยื่นคำขาด และแม้คำตอบแบบนั้นจะทำให้ธีทัศหนักใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อ ในเมื่อทั้งพ่อและแม่อยากบังคับให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแต่งงานนัก ชายหนุ่มก็อยากจะแต่งกับผู้หญิงที่รู้สึกดีด้วย และคนเดียวที่เขารู้สึกแบบนั้นก็มีแค่วุ้นแก้ว พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ร้านกาแฟเล็กๆ ของวรินทร์รัมภายังเปิดบริการอยู่ เพราะอยู่ในทำเลที่ดีทำให้มีลูกค้าตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ลูกค้ายังชื่นชมในคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่เธอคั่วและเบลนด์เอง ส่วนขนมในร้านเธอเป็นคนทำเอง โดยจะใช้เวลาทำในช่วงกลางคืนเพื่อนำมาวางขายในตอนเช้า หลังจากหัวฟูชงและจัดเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าหลายโต๊ะเสร็จ ร่างเล็กก็สะดุ้งเมื่อถูกเพื่อนสนิทย่องมาหาทางหลังเคาน์เตอร์ขณะที่เธอกำลังสาละวนเตรียมตีวิปปิงครีมที่หมดไปเมื่อครู่นี้ “คืนนี้ไปดูหนังกัน” ไม่พูดเปล่า คนที่บุกเข้ามาก็เอานิ้วชี้จิ้มเอวบาง จนวรินทร์รัมภาสะดุ้งตกใจเพราะเป็นพวกบ้าจี้ “โอ๊ย! ไอ้มิลล์ แกนี่ยังไง มาดีๆ ไม่ได้เหรอ” มิลล์ หรือมัลลิกา เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ชั้นประถม ทั้งคู่มีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน เรียนที่เดียวกันมาตลอดจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย เพียงแต่เรียนคนละคณะ วรินทร์รัมภาที่มีนิสัยเรียบร้อยแต่เลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เพราะต้องการช่วยงานที่บ้าน ส่วนมัลลิกาที่ดูเป็นสาวห้าวแต่เลือกเรียนบัญชี เพราะบิดาเปิดสำนักงานรับทำบัญชี ผ่านไปสักพักเจ้าของร้านสาวก็นำขนมสามชิ้นใส่จานมาให้เพื่อน มีบานอฟฟี เค้กมะพร้าวอ่อน และพายไข่ พร้อมกับเครื่องดื่มชาเขียวปั่น และทั้งหมดก็ถูกมัลลิกายัดเข้าไปในท้องจนเกลี้ยง แต่ในระหว่างนั้นคนสนิทกันย่อมเห็นความผิดปกติ “นี่วุ้นแก้ว ร้านแกก็ขายดีนี่ ขนมก็ขายหมดทุกวัน แล้วทำไมทำหน้าเหมือนได้กินข้าวบูดอย่างนั้นล่ะ” วรินทร์รัมภาที่นั่งใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วน้ำกุหลาบโซดาเครื่องดื่มโปรดถอนหายใจยาวพรืดแล้วเล่าเรื่องใหญ่ที่เธอตัดสินใจไปแล้วให้เพื่อนรักฟัง “แก วันนี้ฉันตกลงแต่งงานกับพี่ธันไปแล้วว่ะ ทำไงดี” พายไข่ที่ถูกกัดไปแล้วครึ่งชิ้นถูกวางลงบนจานทันที “อะไรนะ อีตาพี่ธันที่หล่อๆ แต่ขี้เก๊ก รุ่นพี่แกคนนั้นใช่ไหม” “ใช่ รายนั้นแหละ วันนี้เขามาที่นี่ มาขอฉันแต่งงาน” มัลลิกาได้ยินได้ฟังเรื่องของธีทัศจากปากเพื่อนสาวบ่อยๆ “แต่อีตาพี่ธันของแกเขาอยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ” “เขาเรียนจบปริญญาโทแล้ว และกลับมาบริหารงานให้ที่บ้านได้สักพักแล้ว” “แล้วแกแอบไปคบกันตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้” วรินทร์รัมภาที่กำลังหนักอกหนักใจรีบบอก “ไม่ได้คบ ถ้าคบแกก็ต้องรู้สิ” “ไม่ได้คบกัน แต่จู่ๆ แกไปตกลงแต่งงานกับเขา แกเมากาแฟหรือฉันเบลอกับตัวเลขปิดงบบัญชี” คนที่ช่วงนี้ต้องเร่งงานตรวจสอบบัญชีให้กับลูกค้ารายหนึ่งเลยไม่ได้มาที่ร้านกาแฟของเพื่อนรักเกือบสัปดาห์ แต่วันนี้หนีงานด่วนมาหากาแฟอร่อยกินแล้วตั้งใจจะชวนวรินทร์รัมภาไปดูหนังแก้เครียดถึงกับมึนงงเป็นสองเท่า “คือแบบนี้ เจ้าสาวของพี่ธันเขาหนีงานวิวาห์ไป...พี่ธันเลยมาขอให้ฉันช่วยเป็นเจ้าสาวเข้าพิธีวิวาห์แทนให้หน่อย พ่อแม่เขาไม่อยากเสียหน้า แกก็รู้ว่าครอบครัวเขาเป็นตระกูลใหญ่ เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ยอม” คนฟังทำหน้าอึ้ง “ละครภาคค่ำ เน่าสนิท แกเป็นบ้าเหรอไอ้วุ้น...แล้วทำไมคนอย่างเขาที่มีผู้หญิงแย่งกันปีนขึ้นเตียงถึงต้องมาขอให้แกช่วยด้วย รอบๆ ตัวไม่มีผู้หญิงคนอื่นแล้วเหรอ แล้วแกทำไมต้องช่วยเขา ไหนขอเหตุผลดีๆ สักข้อสิ ถ้าไม่ใช่แกแอบชอบเขา” “ไอ้บ้ามิลล์...แกนี่” วรินทร์รัมภาเผลอหน้าแดงก่ำ สำหรับมัลลิกา การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิง และเธอก็เชื่อว่าวรินทร์รัมภาเป็นคนมีเหตุมีผล ไม่น่าจะเอาตัวไปพัวพันกับเรื่องที่มองออกตั้งแต่แรกว่าจะเกิดความวุ่นวาย คนเรายอมกระโดดเข้าไปในความวุ่นวายของคนอื่น ถ้าไม่มีใจให้ก็ต้องบ้าสุดใจแล้วละ “พี่ธันอยากให้ฉันช่วย เพราะเมื่อก่อนสมัยเรียนเราสนิทกัน แกก็รู้ว่าเขาเป็นพี่รหัสฉัน แต่ที่ฉันปฏิเสธเขาไม่ออก ก็เพราะพี่ธันมาทวงสัญญาที่เขาเคยช่วยจ่ายค่าเทอมให้ฉันไง แกจำได้ไหม ถ้าไม่มีพี่ธันช่วยในวันนั้น ฉันก็ไม่ได้เข้าห้องสอบ แล้วก็คงเรียนไม่จบ” เมื่อหลายปีก่อน... ณ มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง กรุงเทพฯ วรินทร์รัมภานั่งอยู่หน้าแผนกการเงินของมหาวิทยาลัยด้วยความร้อนใจ วันนี้เป็นวันจ่ายค่าเทอมวันสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูสอบปลายภาค ปีนี้เธอเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม อีกแค่ปีกว่าเธอก็จะเรียนจบแล้ว แต่ปัญหามันดันมาเกิดขึ้นเพราะตอนนี้เธอไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม และหากจ่ายไม่ทันวันนี้เธอก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ นั่นหมายความว่าเธอต้องเรียนจบช้ากว่าเพื่อนนั่นเอง ความจริงแล้ววรินทร์รัมภาเตรียมเงินสำหรับจ่ายค่าเทอมไว้หมดแล้ว ด้วยฐานะทางบ้านที่อยู่ในระดับปานกลาง แต่ภายหลังอู่ซ่อมรถที่บิดาเปิดอยู่ที่เชียงใหม่เริ่มมีปัญหา แม่ก็เป็นชาวสวนธรรมดาๆ เมื่อเธอต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ จึงต้องทำงานพิเศษเพื่อจ่ายค่าเทอมให้ตัวเอง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเธอไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยติดหรู
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD