บทที่ 1 เหตุผลบางอย่าง

1475 Words
เขาเดินเข้ามาหาเนตรนภา และลูก จากนั้นก็ดึงมือทั้งสองคนให้ตามเข้าไปในห้องรับรองที่อยู่ชั้นล่างสุดของสำนักงานใหญ่ เมื่อทั้งสองคนเข้ามาข้างใน เขาก็ทำการปิดประตูล็อคอย่างแน่นหนา หันมามองสบตาหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส เพราะการที่เธอกลับมาที่นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ "มาที่นี่ทำไม" "มาสมัครงานไงคะ คุณบุรินทร์มีอะไรให้เนตรทำหรือเปล่า หนูทำได้ทุกอย่างเลยนะคะ" "เอาดี ๆ เธอหายไปตั้ง 5 ปี แล้วกลับมาของานฉันทำเนี่ยนะ ใครจะเชื่อ" หญิงสาวหันไปจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "ทำไมคะ ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ ก็... เนตรเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศว่าจะหางานทำอยู่ที่ประเทศไทย แปลกตรงไหนคะที่จะมาสมัครงาน" "แต่ที่ทำงานในประเทศนี้มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาสมัครงานที่เกาะนี้ แถมยังพาลูกมาด้วยอีก เอาดี ๆ เด็กคนนี้ลูกใคร" เขาหันไปมองเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ส่งยิ้มมาให้อย่างน่าเอ็นดู และเมื่อนายหัวบุรินทร์เห็นแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ ไม่กล้าที่จะดุหญิงสาวตรงหน้ามาก กลัวว่าเด็กน้อยจะตกใจ "ก็บอกแล้วไงคะว่าพ่อเด็กมันตายไปแล้ว คุณจะเอาอะไรกับเนตรนักหนา สรุปว่าจะไม่ให้สมัครงานที่นี่ใช่ไหมคะ งั้นเราสองแม่ลูกคงต้องออกไปหางานทำที่อื่น ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลยค่ะ พูดแล้วก็สงสารลูก บลูเบลเราไปจากที่นี่กันเถอะ แม่คงต้องไปหางานทำที่อื่นแล้ว" เธอทำน้ำเสียงเศร้าหมองก่อนจะหันไปเรียกลูกชายให้เดินมาหา บลูเบลขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดคุณแม่ จ้องมองไปยังนายหัวบุรินทร์ตาใสแป๋ว ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงน่าสงสาร "คุณลุงจะไม่รับคุณแม่ของผมทำงานจริงเหรอครับ" "เอ่อ... คือไม่ใช่งั้น" "ไปกันเถอะบลูเบล คนที่นี่ใจร้ายจัง" สองแม่ลูกกุมมือกันก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น ทว่าชายหนุ่มที่ตะโกนเรียกไว้ก่อน พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ "เดี๋ยวก่อนสิจะรีบไปไหนกันเล่า เออ ๆ รับก็ได้" เนตรภาได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที เธอรู้จักเขาดีถึงเลือกที่จะพาลูกมาอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ "ขอบคุณมากเลยนะคะนายหัวบุรินทร์ ว่าแต่จะรับเนตรเข้าทำงานตำแหน่งอะไรเหรอคะ" "ผู้ช่วยของฉันไง" "แต่ว่าคุณมีผู้ช่วยแล้วไม่ใช่เหรอคะ" "ก็มีแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่ ณดลมีหน้าที่ทำงานแทนทุกอย่าง ส่วนใหญ่ออกไปดูงานข้างนอกไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศหรอก แต่ถ้าเธอจะทำตำแหน่งนี้ก็ต้องตัวติดกับฉัน 24 ชั่วโมงนะ ทำได้หรือเปล่าล่ะ" เขายิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างมีอะไรอยู่ภายในใจ แล้วไม่รู้ว่าถ่านไฟเก่ามันจะจุดติดตอนไหน มันจะดับลงไปหรือจะลุกขึ้นเป็นกองเพลิง ก็คงต้องดูต่อไป "ทำได้สิคะ เนตรทำได้" "ก็ดี ถ้างั้นวันนี้ไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มงาน" "ว่าแต่ที่นี่มีห้องพักให้พนักงานหรือเปล่าคะ เนตรกับลูกไม่มีที่อยู่นะ" นายหัวบุรินทร์เปิดประตูออกมา ก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ส่วนหญิงสาวกุมมือลูกชายเดินตามเขามาอีกทีหนึ่ง โดยที่ณดล และพนักงานคนอื่นรออยู่ตรงหน้าประตู "มีแต่ไม่ว่างหรอก" "อ้าว... แล้วเนตรกับลูกจะไปอยู่ที่ไหนคะ" "บ้านฉันไง" สองแม่ลูกนั่งอยู่ในรถกับนายหัวบุรินทร์ และผู้ช่วยคนสนิทของเขาซึ่งเป็นคนขับรถ สายตาของชายหนุ่มจ้องมองมายังหญิงสาวแทบไม่กะพริบตาผ่านกระจกมองหลัง เธอรู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง เนื่องจากว่าเขาเหมือนจะจับผิดกับเรื่องบางอย่าง "ทำไมแม่ถึงไม่บอกพ่อครับ แล้วทำไมบลูเบลต้องเรียกพ่อว่าคุณลุงด้วยครับ" เด็กน้อยกระซิบข้างใบหูของคนเป็นแม่ เนตรนภารีบดึงลูกชายมานั่งลงบนตักก่อนจะเอามือปิดปาก และเมื่อเด็กน้อยยอมเงียบเสียงก็ปล่อยมือออกจากริมฝีปาก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดเอาไว้แน่น เอ่ยออกมาเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน "มันยังไม่ถึงเวลา เราสัญญากันว่าอะไร" "ผมสงสารคุณพ่อจัง แม่ไม่รักพ่อเหรอครับ" เธอจึงกับถอนหายใจออกมา กอดรัดลูกชายเอาไว้ให้แน่นขึ้น มีเหตุผลบางอย่างในการกลับมาหาเขาที่นี่ และมีแค่นายหัวบุรินทร์คนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องลูกของเธอได้ "อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก" "ได้ยินแล้ว รถก็มีอยู่แค่นี้คิดว่าจะไม่ได้ยินหรือไง เดี๋ยวเราคงได้เคลียร์กันยาวนะเนตรนภา" สายตาดุจ้องมองผ่านกระจกด้วยใบหน้าที่ซีเรียสเป็นอย่างมาก แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วเพราะถ้าเด็กเป็นลูกของคนอื่น ใบหน้าก็ไม่ควรเหมือนเขาขนาดนี้ และคิดว่าเนตรนภาต้องมีเหตุผลบางอย่างในการที่จูงมือลูกมาหาเขาถึงที่นี่ ทั้งที่ตัวเองไม่ติดต่อมาเลยในระยะเวลา 5 ปี "แม่บอกอย่าพูดเยอะไงเล่า" "จะบ้าตาย เฮ้อ!" ณดลเหลือบสายตามองสองแม่ลูกผ่านกระจกก่อนจะระบายยิ้มออกมา เหตุผลที่เจ้านายของตัวเป็นโสดมาจนถึงวันนี้ ก็เพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังนั่นแหละ เป็นปัญหาบางอย่างที่คุยกันไม่ลงตัว ทำให้ต้องแยกย้ายจากกันไป มันคงเป็นพรหมลิขิตหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีก แถมยังมีเด็กน้อยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สงสัยนายหัวบุรินทร์คงจะได้วุ่นวายก็คราวนี้แหละ และเมื่อเดินทางมาถึงที่บ้านของชายหนุ่ม หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ได้ เพราะหรูหราสมฐานะเจ้าของเกาะ มองออกไปเห็นวิวทะเลงดงามตา ใครมาเห็นก็ต้องอิจฉา "เข้ามาสิ" หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์สุดหรูพร้อมกับลูกชาย เธอเคยมาที่นี่เพราะว่าชายหนุ่มเป็นคนพามาเอง แต่เจ้าตัวแสบไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามา จึงทำให้ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ "ทำไมบ้านคุณลุงถึงหลังใหญ่จังครับ ว้าว... มองออกไปเห็นทะเลด้วย ตรงนั่นมีสระว่ายน้ำ บลูเบลชอบว่ายน้ำมากเลยครับ" "อยากเล่นไหมล่ะเดี๋ยวพาไป" "ผมเล่นได้จริงเหรอครับ" เมื่อชายหนุ่มเอาสิ่งที่เด็กน้อยสนใจมาหลอกล่อ ก็ทำให้บลูเบลรีบปล่อยมือออกจากคุณแม่ ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม จับมือขนาดใหญ่เอาไว้ด้วยมือเล็กทั้งสองข้าง ก่อนจะขยับไปมาด้วยความตื่นเต้น "คุณลุงจะพาบลูเบลไปว่ายน้ำเหรอครับ" "บลูเบลมาหาแม่เดี๋ยวนี้!" "จะดุลูกทำไมไม่ทราบ ก็เด็กมันอยากว่ายน้ำ เป็นแม่ภาษาอะไรเนี่ย" "แต่ว่า..." "งั้นเราไปว่ายน้ำก่อนดีกว่า เรื่องของเธอกับฉันค่อยเคลียร์กันนะ เจ้าหนูชื่ออะไรนะ" เขาละสายตาจากหญิงสาวขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าเด็กน้อย จ้องมองใบหน้านั้นที่ดูเหมือนกับตัวเองกำลังส่องกระจก ก็ถอนหายใจออกมาทันที "ทำไมเหมือนกันขนาดนี้วะ" "ผมชื่อบลูเบลครับ" "ชื่อไม่น่ารักเลย เดี๋ยวตั้งให้ใหม่ดีกว่า" "คุณบุรินทร์!" "ยุ่ง! จะไปไหนก็ไปไป๊ ป่ะเด็กแสบเราไปว่ายน้ำกันดีกว่า" เขาอุ้มบลูเบลขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันเดินออกไปจากตัวบ้าน ซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ และมองออกไปเป็นทะเลบรรยากาศดีที่สุด "ว้าว! ทะเลสวยมากเลยครับ" "เราว่ายน้ำกันก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยไปเล่นน้ำทะเลดีไหม" "ดีครับ ดีที่ซู๊ดเยย" เนตรนภามองตามทั้งสองคนไปก่อนจะถอนหายใจออกมา ไอ้ที่สัญญากันไว้กับเจ้าลูกชายจอมแสบน่าจะลืมหมดแล้วละมั้ง บอกให้ทำตัวเย็นชา และก็ห้ามเรียกคุณบุรินทร์ว่าพ่อ แต่ดูตอนนี้สิ... "เฮ้อ! ทำไงดีเนี่ย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD