บทที่ 3 เรื่องยามเช้า 2

1463 Words
มณีธารามองผู้เป็นแม่สลับกับมองพี่ชายอย่างช่างใจว่าจะเล่าเรื่องความฝันให้ฟังดีไหม เมื่อคิดทบทวนอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจเล่าให้ทุกคนฟังเผื่อจะได้รู้ว่าที่ฝันเห็นงูนั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่ “ก็ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่ น้ำแค่ฝันว่า...เจองูตัวใหญ่มาก ในฝันน้ำวิ่งหนีงูแต่หนีไม่พ้น งูตัวนั้นก็เข้ามารัดตัวน้ำ แล้วน้ำก็ตื่นขึ้นมา แค่นี้ค่ะ” เธอพยายามเล่าแบบรวบรัดตัดตอนขณะที่กำลังกินข้าวต้มไปด้วย “เฮ้ย! ยัยน้ำเขาบอกว่าฝันว่างูรัดจะเจอเนื้อคู่นะ” เอกตะวันแซวน้องสาวแต่ตัวเองก็ไม่ได้เชื่อในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ในขณะที่ศศิธรถึงกับหูผึ่งด้วยความตื่นเต้นแทนคนฝัน “ฝันว่างูรัด โบราณเขาบอกว่าจะได้เจอเนื้อคู่นะพ่อนะ” “ใช่แม่ คนโบราณเขาก็ว่าอย่างนั้นนะ พ่อก็เคยได้ยิน” “ตอนก่อนที่พ่อแม่จะเจอกัน แม่ก็เคยฝันว่างูรัด ผ่านไปไม่ถึงเดือนแม่ก็ได้เจอพ่อ แม่เชื่อเลยว่าน้ำฝันเห็นงูรัดแบบนี้ จะต้องได้เจอเนื้อคู่เร็วนี้แน่ ๆ” หญิงสาวขมวดคิ้ว หน้ามุ่ยเพราะไม่ได้เชื่อในสิ่งที่มารดาบอกเลยสักนิด “เนื้อคู่อะไรกันล่ะคะ ในฝันน้ำกลัวงูแทบตาย งูอะไรก็ไม่รู้ตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่น้ำเคยเห็นอีก ใหญ่เท่าอนาคอนดาได้มั้ง ไม่สิ...น้ำว่าใหญ่กว่าอนาคอนดาอีกค่ะ มีสีฟ้าออกเขียว พันธุ์อะไรก็ไม่รู้ รู้แค่ว่า ในฝันน้ำกลัวมาก กลัวจนตื่นขึ้นมาภาพงูตัวนั้นยังติดตาอยู่เลย คงไม่ได้หมายถึงเนื้อคู่แบบที่คุณแม่บอกละมั้งคะ” “ถ้าจะตัวใหญ่ขนาดนั้น พ่อว่าพญานาคล่ะมั้งลูก” “อย่าพูดแบบนั้นพ่อ” ศศิธรปราม ขณะที่ทั้งสามกำลังถกเถียงกันเรื่องงูในฝันของมณีธารา เจ้าตัวกลับได้ยินเสียงบางอย่างที่กำลังร้องเรียกเธออยู่จนทำให้ต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แว่วเสียงนั้นเหมือนจะใกล้ก็ไม่เชิงว่าใกล้ จะไกลก็ไม่เชิงว่าไกล แผ่วเบาปานเสียงกระซิบแต่กลับชัดทุกถ้อยคำในความรู้สึกของหญิงสาว “น้องหญิง” “เจ้าธาราของพี่...” “ได้ยินเสียงอะไรกันไหมคะ?” มณีธาราถามโพล่งออกไปท่ามกลางวงสนทนา “ได้ยินสิ ก็นั่งเถียงกันอยู่หูจะแตกอยู่นี่ยังไงล่ะ คุณพ่อก็บอกว่ายังไงก็เป็นพญานาค คุณแม่ก็บอกว่ายังไงก็เป็นงู แต่ที่แน่ ๆ คือ น้องจะต้องเจอเนื้อคู่แน่ ๆ พี่สรุปให้เลย” “ใช่แล้วลูก พ่อกับแม่ฟันธงเลยว่า ลูกจะเจอเนื้อคู่ในเร็ว ๆ นี้ แน่ ๆ ฟันธง” หญิงสาวได้แต่ทำหน้าบรรยายไม่ถูก ความฝันที่ถูกงูรัดนั้น พ่อกับแม่บอกว่ากำลังจะเจอเนื้อคู่ในเร็ววัน แล้วเนื้อคู่จะเป็นแบบไหนกันที่ทำให้เธอรู้สึกกลัวได้ขนาดนั้น “ไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจะเจอเนื้อคู่ แต่ตอนนี้ถ้าบอกว่ากลัวงูน่ะกลัวมากถึงมากที่สุด งูอะไรทั้งตัวใหญ่และก็เหาะได้ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น” กริ๊ง กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นขัดจังหวะทำให้ใบเตยรีบไปรับสายก่อนจะเดินเข้ามาบอกที่โต๊ะอาหารว่า “โทรศัพท์ของคุณสุริยะ สายจากคุณธนิกค่ะ” นั่นทำให้ชายวัยกลางคนต้องลุกไปรับโทรศัพท์ก็พอดีกับที่กินข้าวต้มหมดชามแล้ว ต่อให้ยุคนี้เป็นยุคเทคโนโลยีที่ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือติดตามตัวตลอดเวลา แต่สำหรับสุริยะแล้ว เวลาที่เขาอยู่บ้าน เขาแทบจะไม่แตะต้องเครื่องมือสื่อสารที่ว่าเลยเพราะถือว่าเป็นเวลาของครอบครัว เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีธุระด่วนจำเป็นต้องติดต่อเขาจะต้องโทรเข้าโทรศัพท์บ้านเท่านั้น แล้วธนิก ชัชพิสิฐก็เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยจึงรู้ว่าในเวลาเช้าตรู่แบบนี้จะติดต่อเพื่อนรักได้ช่องทางไหน “สวัสดีไอ้คุณธนิก โทรมาแต่เช้าเชียว” สุริยะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักอยู่ครู่ใหญ่ ครั้งแรกสีหน้าดูหงุดหงิดที่โดนก่อกวนในเวลาอาหารเช้า ต่อมามีสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะวางสายลงด้วยความปลื้มใจ “เออได้ ไม่มีปัญหา กลางวันนี้เจอกัน” ระหว่างที่สุริยะกำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้น สองคนพี่น้องก็จัดการอาหารเช้าตรงหน้าหมด แล้วกำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงาน เสียงของผู้เป็นพ่อก็ตะโกนเรียกดังมา “น้ำ มาคุยกับพ่อทางนี้ก่อนลูก” ประโยคนั้นของสุริยะไม่ได้เรียกแค่มณีธารา แต่เอกตะวัน และศศิธรก็เดินไปหาด้วยอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ทำไมหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วถึงได้อารมณ์ดีผิดปกติ และตะโกนเรียกลูกสาวไปหาแบบนั้น “แม่ ตะวัน ยัยน้ำ...พ่อว่า...พ่อรู้แล้วล่ะว่าเนื้อคู่ของยัยน้ำเป็นใคร?” “ห๊ะ!” ทั้งสามคนอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “พูดเป็นเล่นน่าพ่อ” “พ่อไม่ได้พูดเล่นนะ พ่อว่าลางสังหรณ์พ่อไม่ผิด” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีดูไม่รีบร้อนไปทำงานในตอนเช้า “เมื่อกี้นี้ เจ้าธนิกโทรมาทาบทามขอหมั้นลูกสาวของเราให้กับอันธการลูกชายคนโตของมัน เจ้ากานต์ไงแม่ พ่อเลยคิดว่า...เจ้าอันธการนี่แหละน่าจะเป็นเนื้อคู่ที่ลูกของเราฝันถึง พ่อหมายถึงน่าจะเป็นงูตัวนั้นที่รัดลูกของเราในฝันน่ะแม่” “โอ้โห อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นพ่อ ตากานต์ลูกของพี่ธนิกน่ะเหรอ ก็ดีสิคะ คนกันเองเห็นมาแต่อ้อนแต่ออด ตอนเด็กๆ ลูกยังเคยเล่นกับพี่เขาตอนมาที่บ้านเราด้วย จำได้ไหม” มณีธารานิ่งครุ่นคิด “ถ้าคนนี้แม่เห็นด้วยกับพ่อนะว่าน่าจะเป็นเนื้อคู่ของลูกแน่ ๆ เลยล่ะ” “เดี๋ยวกลางวันนี้พ่อนัดกินข้าวกับธนิกก็ว่าจะคุยรายละเอียดเรื่องหมั้นหมายกันนี่แหละ” สุริยะบอกกับศศิธรโดยไม่ได้สนใจว่ามณีธาราจะคิดเห็นอย่างไร เพราะเขาคิดว่าในเมื่อที่ผ่านมาหญิงสาวไม่เคยมีแฟนเลย การที่พ่อแม่จะหาคนที่ดีมาให้ คือ หน้าที่เพราะจะทำให้ทั้งคู่หมดห่วงและมั่นใจได้ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ทำให้ลูกสาวต้องเสียใจ อีกทั้งอันธการเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทที่สุริยะเองก็เคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนนิสัยดี เพียบพร้อมในทุกด้านทั้งหน้าที่การงานมั่นคง ฐานะการเงินดี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเป็นที่ต้องตาของสาว ๆ ที่สำคัญเขามั่นใจว่าอันธการจะสามารถดูแลมณีธาราได้เป็นอย่างดี มณีธารามองพ่อแม่ด้วยความงุนงงกับสิ่งที่ได้รับรู้ตรงหน้าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไรเอกตะวันก็เป็นฝ่ายพูดแทรกขึ้นมา “แต่ผมไม่เห็นด้วยครับ” “นั่นสิคะ คุณพ่อต้องล้อน้ำเล่นแน่ ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย แหม อำเนียนจริงคราวนี้” มณีธาราหลุดปากออกมาอย่างไม่เชื่อหูที่จู่ ๆ จะต้องถูกจับคู่ให้กับคนที่ไม่รู้จัก ไม่สิ แม่ของเธอบอกว่าเคยรู้จักกันตอนเด็กๆ แต่มันก็นานมาแล้ว ใครจะไปจำได้เล่า “ไร้สาระ แค่เขาทาบทามผ่านทางโทรศัพท์ พูดคุยไม่กี่คำพ่อกับแม่ก็เห็นด้วยละ อย่าไปสนใจเลยยัยน้ำ เราไปทำงานกันดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ทำงาน” “ตะวัน...” ด้วยความหวงน้องสาวคนเดียวเอกตะวันไม่สนใจพ่อแม่จะว่าอย่างไร เขาเดินจูงมือมณีธาราพาออกมาจากบ้านขึ้นรถพร้อมพาไปส่งที่ทำงานเรียบร้อย สองสามีภรรยาได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาเพราะรู้ดีว่าพี่ชายคนนี้มีสกิลความหวงน้องมากเพียงใด การที่มณีธารายังโสดอยู่จนถึงปัจจุบันส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่ชายตัวดีคอยตามหวงน้องตั้งแต่เด็ก พอโตเป็นสาวแล้วก็ยังคอยตามกันท่าผู้ชายที่จะเข้ามาจีบอีก ขืนพ่อแม่ไม่จัดการหาสามีให้ลูกสาวคนเดียวด้วยตัวเอง มีหวังลูกสาวคนนี้จะต้องขึ้นคานเพราะเจ้าพี่ชายตัวดีแน่ ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD