รู้สึกตัวอีกครั้งก็คือลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยดื่มหนักเท่าครั้งนี้มาก่อน ดื่มกระทั่งจำเรื่องราวไม่ได้ จำไม่ได้ว่าที่นี่ที่ไหนด้วย ฉันนอนอยู่ที่พื้นพรมหน้าทีวี ที่พื้นมีเสื้อผ้าของฉัน ใช่มันคือเสื้อผ้าของฉัน เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อวานมันกองที่พื้น ก็เท่ากับว่าบนตัวฉันไม่มีเสื้อผ้าน่ะสิ ตอกย้ำความแน่ใจด้วยการก้มมองจึงได้เห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าจริง ๆ ด้วย เมื่อหันมองข้าง ๆ มีคนนอนอยู่ในผ้าห่ม ขาที่ยาวเกินผ้าห่มมามันทำให้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คนล่าสุดเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันก็คือศัตรูตัวฉกาจที่ไม่ถูกกัน คล้ายว่าเมื่อคืนฉันไม่ยอมกลับ เขาจึงชวนมาต่อที่ห้องของเขา ซึ่งฉันยินดีมาและเหมือนจะยินดีทำเรื่องอื่น ๆ ร่วมกับเขาด้วย “เกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย”
ฉันทิ้งตัวลงนอนที่เดิมข้าง ๆ ยักษ์ พยายามย้อนคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืนบวกกับร่างกายที่แปลกหรือยังปกติดี ซึ่งร่างกายของฉันให้คำตอบว่าผิดปกติ ตรงนั้นที่หวงแหนมันเจ็บแสบ
ความเสียใจทำให้ฉันเมาจนพลาดท่าเสียตัว แต่มันคงไม่น่าเจ็บใจเท่าเสียตัวให้คนที่กัดกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อคืนนี้ฉันคิดอะไรนะ
“ก็แค่เราเมาด้วยกัน แล้วก็เอากันเพราะอารมณ์พาไป แต่ฉันไม่ได้บังคับนะ” เสียงของคนที่นอนคว่ำอยู่ข้างกายตอบคำถามที่ฉันพึมพำคนเดียว
“อืม ช่างเถอะ”
“พูดเหมือนไม่แคร์”
“แคร์ แล้วก็เสียดาย แต่จะปลี่ยนอะไรได้”
เมื่อฉันบอกว่าเสียดายยักษ์ดึงผ้าห่มลงแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามามองฉัน ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำหน้าหล่อเพื่ออะไร แค่ตื่นนอนไหมจะต้องดูดีขนาดนี้ เซ็กซี่ขนาดนี้เลยหรือไง แล้วนั่นซิกแพคเหรอ มันเกินไปปะ
เสียงทุ้มต่ำทำให้ฉันเลิกสนเรื่องไร้สาระเมื่อเขาถามมาว่า “เสียดายอะไร”
“เสียดายที่เสียให้คนอย่างนายไง”
“ทำไม ต้องเป็นไอ้ไทม์ที่ทำหรือไงถึงจะพอใจเธอ”
“อย่าพูดถึงไทม์”
“ไม่ให้พูดถึงแล้วเมื่อคืนหมาตัวไหนมันร้องครางแต่ชื่อไอ้ไทม์ เอากับฉันอยู่ร้องหามันเพื่อ?”
“ไม่จริง” ฉันยอมรับเลยว่าจำไม่ได้จริง ๆ ดันพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกไปซะได้
“นี่เธอจำไม่ได้?”
“อืม”
“เหอะ จำไม่ได้ก็เรื่องของเธอ แต่ต่อไปช่วยจำด้วยเวลาเอากับฉันให้ครางชื่อฉัน ไม่ใช่ครางชื่อผู้ชายคนอื่น ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“มันไม่มีครั้งหน้าหรอกยักษ์”
“ทำไมจะไม่มี”
“เพราะฉันไม่ให้มีไง”
“เชื่อเถอะว่าเธอจะให้ฉัน เพราะเธอเองก็ติดใจเซ็กซ์ฉัน”
“ไม่จริง ถ้าติดใจต้องจำได้ดิ อันนี้มันไม่ดีไงถึงไม่จำ”
“แหม พูดแบบนี้เอาอีกสักทีดีไหมริกะ ฉันพร้อมนะ เธอน่ะพร้อมหรือเปล่า เมื่อคืนเธอบอกเองนะว่าไม่ไหว ขอยอมแพ้” ยักษ์ไม่ได้แค่พูด เขาคว้ามือฉันไปจับแท่งยาว ๆ ภายใต้ผ้าห่มด้วย เมื่อฉันลูบสัมผัสแล้วกำไอ้แท่งนั้นมันก็เต้นตุบ ตุบสู้มือ ใช่แน่ ๆ มันคือไอ้ที่แทงเข้ามาในตัวฉัน
“ทะลึ่ง” ฉันไม่ได้ปล่อยมือหรือดัดจริตวี้ดว้ายหรอก ฉันเลือกที่จะบีบกำแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้ล้วน ๆ มาหาว่าฉันแพ้งั้นเหรอ ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ “เหอะ อย่าเอาแต่พูดเข้าข้างตัวเองสิยักษ์ ฉันจำไม่ได้สักหน่อย จะว่าฉันแพ้มันไม่แฟร์ไหม”
“งั้นลองอีกครั้งไหมล่ะ จะได้รู้ว่าใครชนะ เอาไง?”
ยักษ์กำลังท้าทายฉันทางสายตาอีกแล้ว เขาคิดว่าฉันจะยอมแพ้เขาเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ เสียแล้วก็เสียไปสิ ในเมื่อเรียกคืนไม่ได้ ฉันก็จะไม่เสียใจให้เขาเห็น ถ้าหากฉันเสียใจยักษ์จะได้ใจ ฉันไม่มีทางยอมแพ้คนอย่างเขา “ก็มาดิ”
“ท้าทายเก่งนะ” ยักษ์พลิกตัวขึ้นมาคร่อมอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อแน่น ๆ และแท่งเอ็นพองโตแนบลำตัวฉัน ยักษ์มองหน้าฉันแล้วยิ้มยั่ว ฉันก็เลยยิ้มยั่วกลับบ้าง “อย่ามาร้องขอชีวิตทีหลังนะริกะ”
“อย่าเก่งแต่ปากนะยักษ์”
“เดี๋ยวรู้ว่าจะเก่งแต่ปากหรือเก่งทั้งตัว” จบประโยคริมฝีปากร้อนผ่าวของยักษ์ประกบกลีบปากฉัน เราสองคนจูบกันโดยที่ฉันเป็นผู้ตามเพราะไม่ชำนาญกับเรื่องพวกนี้เลยจริง ๆ