อาชาเหลือบมองคนที่นั่งทำตัวนิ่งเงียบตลอดเส้นทาง แม้จะไม่ไว้ใจหล่อนมากนัก แต่ก็แอบมองดูท่าที ว่าแม่เสือจะออกฤทธิ์เมื่อไหร่เขาเองก็พร้อมรับมือเมื่อนั้น
“มองอะไร”
เสียงแหลมเอ่ยถาม เมื่อจังหวะหันมาเห็นอีกคนมองเธออยู่ก่อนแล้ว อาชาหันกลับไปมองท้องถนนทันทีเช่นกัน
“มองแม่ม้าพันธุ์ดี”
คำตอบของอาชา ทำเอาอีกคนตาโต คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“ว่าอะไรนะ!” เธอแวดถาม อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“อะไรกัน... บอกว่ามองแม่ม้าพันธุ์ดี มันยากหรือไงที่จะเอาไปตีความหมายนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยแสร้งทำน้ำเสียงหงุดหงิด
“ไอ้คนบ้า หาว่าฉันเป็นแม่ม้าพันธุ์ดี คนเถื่อนไอ้...ไอ้...”
“อย่าเอ่ยคำหยาบเชียวนะ...บทลงโทษผมมี” เขาขู่อย่างเอาจริงทำให้หล่อนจำได้
“...หน้าตาของตัวเองหล่อตายละ หัดส่องกระจกดูซะบ้างนะ หน้าจะเหมือนกระรอกอยู่แล้วนะ”
เสียงแหลมผรุสวาทเกรี้ยวกราดตวาดลั่นรถ
แม้จะพยายามกดอารมณ์ถึงขีดสุดแต่อีกฝ่ายก็ไม่วายทำให้เธอวีนแตกเพราะประโยคประชดประชันเปรียบเปรยที่สรรหามากวนใจตลอดเวลา
...คนที่ถูกเปรียบเทียบว่าหน้าเหมือนกระรอก ถึงกับอึ้งอ้าปากหวอ แต่พอหายอึ้งชายหนุ่มก็ไม่ยอมน้อยหน้า
“อ้าว รึไม่จริง ที่ผมเปรียบคุณเป็นม้าพันธุ์ดีเพราะเห็นว่ารูปร่างสูงยาวเข่าดี หน้าอกหน้าใจ... ก็อืมนะ...”
ธาริณีรู้สึกหน้าเห่อร้อน รีบยกแขนทั้งมากอดอกตามสัญชาตญาณทันที
“...ส่วนเอว ทรงสะโพกไม่ต้องพูดถึง อือหึ... ชักอยากจะเห็นมันซะแล้ว...”
“บ้าไปใหญ่แล้ว อย่ามีหื่นกับฉันนะ ฉันไม่ปล่อยไว้แน่” หล่อนขู่
แววตาและสีหน้าแสดงความหื่นเด่นชัด พร้อมรถสปอร์ตคูเป้คันหรู ก็เบนเข้าไหล่ทาง เบรคลากล้อเสียดสีกับท้องถนนจนเกิดเสียง คนที่ไม่ทันระวังตัว หัวคะมำไปด้านหน้าแม้จะมีเบลล์คาดอยู่ก็ตามยังต้องใช้แขนดันตัวเองไว้เพื่อกันร่างกระแทกไว้ได้อย่างฉิวเฉียด แต่นั้นมันก็ทำให้คนไม่ทันระวังตัวหน้าเสีย ด้วยความตกใจ
“... คิดจะทำอะไร”
เครื่องยนต์ดับสนิทลง แต่เสียงหัวใจของสาวสวยยังเต้นไม่ปรกติ รถหยุด! นั้นคือสิ่งที่หล่อนบอกตัวเองอย่างลิงโลดแม้ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนแต่ก็ต้องลงจากรถให้ได้ หล่อนหันไปหาประตูรถเพื่อที่จะเปิดมันออก แต่แล้วเอวคอดของหล่อนก็ถูกดึงด้วยความตั้งใจทำให้หล่อนหวีดร้องด้วยความตกใจ
“โห...เล่นเอาหูแทบแตก” เขาบ่นพึมพำแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวเล็กนั้น
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย”
หล่อนเริ่มขัดขืนดิ้นรนปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยทั้งที่มีแขนและมือเขาเหนี่ยวรั้งเอวเอาไว้หล่อนก็ไม่ได้สน
“คนบ้าอะไร หน้าตาก็งั้น ๆ เสียงดังยังกะประทัด จะให้หูหนวกหรือไงห่ะ!” เขาว่าเสียงดัง “หยุดดิ้นได้แล้ว....จะให้หยิบเสื้อที่เบาะหลังมาคลุมไหล่ซะอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว” น้ำเสียงเขาต่ำลง
“จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะฉันจะแจ้งตำรวจ”
“เหรอ...จะแจ้งว่ายังไงล่ะ”
“นะ..นาย ..เอ่อ...คุณรังแกฉัน” หล่อนหยุดลังเล กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
“เมื่อไหร่ ที่ไหน เขาทำอะไรคุณมั่ง....” เขาทำท่าซักพยานยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดปุด ๆ
“ฉันจะเอาให้หนักกว่านี้อีกคอยดู” ขู่ไปแต่ใจปอดๆ กลัวอีกฝ่ายจะไม่เชื่อสิ่งที่เธอเอ่ยบอก
“เธอคิดว่าฉันจะกลัวเธอหรือไง แม่ม้า!”
เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ คนอย่างอาชาใช่จะกลัว... หลิ่วตาเจ้าเล่ห์ เอื้อมมือหนาพ้นหน้าตักกว้างของหญิงสาว มือเรียวที่วางอยู่บนหน้าตักรีบดึงออกยกขึ้นสูงเหนือลำตัวคนโน้มลงมา พร้อมกำเข้าหากัน หากมีอะไรจะใช้กำปั้นนี้ประเคนให้ ... คิดในใจอย่างเตรียมพร้อม หากแต่ต้องหยุดความคิดเอาไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่
“นั่งนิ่ง ๆ หากไม่อยากเป็นแม่พันธุ์ตอนนี้”
คนได้ที เอ่ยขู่อีก ทั้งที่การกระทำขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เพราะเขาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้!... หัวใจสั่นไหวเมื่อรับรู้แรงสัมผัสบางทีมันไม่อาจเป็นความตั้งใจของชายหนุ่ม แต่ธาริณีกลับรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่เขาสนใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอไม่ทันได้คิด
จากนั้นเขาหันไปคว้าเสื้อจากทางด้านหลังมาโยนใส่ตักของหล่อนอีกครั้ง ซึ่งหญิงสาวไม่กล้าปฏิเสธอะไรตอนนี้เพราะชุดที่ใส่มันก็ช่างหล่อมแหลมเหลือเกินเพราะเป็นเปิดไหล่เกาะอกไว้เท่านั้น หล่อนลืมคิดไปเลยว่ามันเป็นจุดดึงสายตาของเขาได้ เมื่อเห็นเสื้อสูทตัวหรูอยู่ที่ตักทางที่ดีหล่อนนำมันขึ้นมาสวมทับชุดของหล่อนเอาไว้จะดีที่สุด ซึ่งการกระทำทั้งหมดไม่ได้ลอดพ้นจากสายตาคมกล้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
“เอาล่ะทีนี้ก็นั่งนิ่ง ๆ ห้ามคิดหนีหรือดิ้นรนอะไรอีก”
รถคันหรูทำหน้าที่ตามความต้องการของเจ้าของ ความเร็วยังอยู่คงที่ บนถนนสายหลัก...
นัยน์ตากลมใส บัดนี้มีแต่ความหม่นหมอง เจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความหดหู่ภายในใจคงแสดงออกมาให้อีกคนได้เห็นบ้าง หากแต่คนคนนั้นไม่คิดจะใส่ใจว่าการกระทำของตัวเองมันบั่นทอนจิตใจเธอแค่ไหน แม้ไม่กล้าสรุปกับการกระทำของชายหนุ่ม ที่ตั้งแต่เจอหน้าคราวก่อน มาครั้งนี้ เจอหน้าก็มีแต่เรื่องกันอีก เขาต้องการอะไรจากหล่อนกันแน่...
ธาริณีพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ละสายตาจากชายหนุ่ม เก็บความคิดหมกมุ่นทิ้งไป ตอนนี้เธอรู้สึกเมื่อยตัวอย่างหนัก รู้สึกเบื่อกับการเดินทางที่เร่งรีบกึ่งบังคับ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังเช่นงานแต่งงานของเพื่อนรัก ที่เธอรู้เรื่องก็เกือบมาไม่ทันงาน ถึงจะทันเจอเจ้าสาวแต่ไม่ได้พูดคุยสักคำก็เหมือนไม่ได้เจออยู่ดี และก็ซวยซ้ำเมื่อโดนผู้ชายเถื่อนหาเรื่องจับตัวออกมาจากงานเสียอย่างนั้น แถมหาเรื่องให้เธอขายขี้หน้าอีก เฮ้อ!
“เป็นอะไร ลมพิศวาสจุกอกหรือไง”
ร่างบางสะดุ้งพรวด มองคนเอ่ยถามแบบไม่อยากจะเชื่อ มีตาทิพย์หรือไงก็เห็นว่าเขามองท้องถนนตลอดเวลานี่นะ... ธาริณีได้แต่กรอกตาไปมา แหงนมองหลังคารถอย่างอ่อนใจ หล่อนกำลังเจอคนบ้าแต่หน้าตาหล่อเหลือร้ายเข้าให้แล้ว
“ลมพิศวาสอะไรของคุณมิทราบ” ธาริณีพยายามเปล่งเสียงให้เป็นปกติ
“ผมถามคุณ คุณตอบ ไม่ใช่ให้ย้อนมาถามผม”
ชายหนุ่มเหลือบมองเสี้ยวหน้าเนียน ที่กำลังหน้าตึงเครียดขึ้น เขม้นมองมาทางเขา
“ฉันไม่มีอะไรจะตอบ...”
เสียงของหล่อนห้วน เขามองร่างในชุดเสื้อสูทของเขาแล้วก็อดที่ยิ้มกับตัวเองไม่ได้ดูหล่อนยิ่งตัวเล็กลงอีก
“... เพราะอารมณ์พิศวาสที่คุณว่า มันไม่มีอยู่ในหัว ที่สำคัญคนคนนั้นไม่ใช่คนที่กำลังกวนประสาทอยู่ตอนนี้แน่” เธอจิกตาตอบกลับ น้ำเสียงหนักแน่น เกลียดการกระทำของคนไร้ศีลธรรม
“อื้อ เสียดาย ไม่คิดว่าสาวสวยอย่างคุณจะตายด้านซะแล้ว...”
เสียงทุ้มเอ่ย หยุดมองอย่างเหมือนพ่อค้ากำลังประเมินสินค้าใหม่
“แต่ผมคิดว่าคนอย่างคุณ คงไม่มีใครคบแน่เลย... ผมดูไม่ผิดเชื่อสิ”
เอ่ยพลางใช้สายตากวาดมองเรือนร่างสมส่วน ชวนให้เลือดลมในกายตื่นเพริด ผิวขาวนวลเนียนชวนล่อตาให้ยื่นมือไปสัมผัส สองเต้างามถูกปั้นแต่งไว้อย่างล้นใจ ยามขยับท้าท้ายสายตาน่าหลงใหล
แม้อยากตีตราจอง ดอมดมให้ทั่วเรือนร่างงาม เหมือนผู้หญิงนางอื่นที่ผ่านมา หากแต่ผู้หญิงคนนี้เหมือนมีอะไรมาดึงรั้งตัวตนเขาไว้ จนไม่กล้าอาจหาญทำอย่างใจต้องการ หรือเพราะมันยังไม่ใช่สิทธิ์ของเขาตอนนี้...
“... แล้วไง คบไม่คบมันหนักส่วนไหนของคุณ”
เชิดหน้าเอ่ยเถียง กัดริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงด้วยความขุ่นเคือง เขาสบประมาทเธออีกแล้ว...แต่หล่อนก็ไม่ลืมที่จะดึงสาบเสื้อสูทเข้ามาปิดเนินอกไว้อย่างมิดชิดเพราะชายตาของเขาทำให้หล่อนรู้ว่าเขาต้องคิดอะไรเกี่ยวกับตัวหล่อนแน่นอน อาชาเหลือบมองหน้าคนเอ่ยนิดหนึ่ง
“ก็แล้วไงหรือ... ก็คุณไม่เคยมีแฟน หรือแม้แต่เพื่อนชายที่สนิทสักคนก็ไม่มี แล้วอย่างนี้ไม่คิดว่าของคุณตายด้าน แล้วให้คิดว่าอะไรละ...คุณธาริณี”
“คุณพูด อย่างกับรู้จักฉันดี”
“แล้วคุณลืมไปแล้วหรือไงว่าผมเป็นใคร”
“เป็นใคร”
เสียงหวานถามกลับ คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น ก่อนจะตาเบิกกว้างอย่างคนนึกขึ้นได้ แล้วกรีดร้องในใจอยู่คนเดียว ...น้องคุณใหญ่ สามีเพื่อนรักของเธอ อ้ายย หวังว่ายัยบีไม่เล่าเรื่องของฉันให้ตาบ้านี่ฟังหรอกนะ…
ธาริณีรู้สึกขนหัวพอง เหมือนโดนถ้ำมองอย่างไรอย่างนั้น เขารู้เรื่องเธอดีแค่ไหน…