1

1355 Words
“เชิญคุณโมริน เลิศประวิทย์เข้ามาได้เลยค่ะ” เสียงหวานใสของเลขาหน้าห้องท่านประธานหนุ่ม เจ้าของโชว์รูมรถหรูนำเข้าราคาแพงลิ่วเอ่ยขึ้น โมรินยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานอันโอ่อ่าตรงหน้า เธอรับงานเป็นพริตตี้และงานอีเว้นต่างๆ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและลูกสาวตัวน้อย ปกติแล้วงานพริตตี้หรืองานอีเว้นที่ทำอยู่ จะมีคนติดต่อเธอมาเองผ่านพี่ ๆ ที่รู้จักกัน ไม่ต้องเรียกสัมภาษณ์โดยตรงกับเจ้าของบริษัทเช่นนี้ แต่เคสนี้ค่อนข้างแปลก เพราะผู้บริหารต้องการที่จะคัดเลือกตัวพริตตี้ที่จะมาทำงานด้วยตัวเอง โมรินเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทีมั่นใจ เธอยิ้มและยกมือไหว้ท่านประธานหนุ่มที่กำลังนั่งรอเธออยู่ หญิงสาวไหว้ค้าง หุบยิ้มสีหน้าแตกตื่นแทบจะทันที ร่างน้อยถึงกับเซ ถอยหนีแทบล้มเพราะตกตะลึงกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มองเธอด้วยสายตาคมกริบ “สวัสดีครับ” คำเอ่ยทักทายของเขาทำให้โมรินกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอ ร่างกายของเธอเย็นเยียบราวยืนอยู่บนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ความเสียใจวูบขึ้นมาในอก แต่มันเป็นเพียงแค่แว็บเดียวก่อนจะจางหายไป เธอรีบสลัดความเสียใจนั้นทิ้งไป ดึงสติและกำลังใจกลับมาอีกครั้ง โมรินเชิดหน้า คอแข็ง บอกตัวเองว่าเธอไม่ควรที่จะเสียใจกับผู้ชายคนนี้อีก ผู้ชายที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนรักของเธอเมื่อหลายปีก่อน เขาคือผู้ชายใจร้ายที่เธอไม่ควรเข้าใกล้ “ขอโทษนะคะ ดิฉันคงเข้าห้องผิด” เธอหมุนตัวเตรียมหนีออกจากห้องทำงานของเขา ไม่คิดจะรับงานนี้โดยเด็ดขาด เธอไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อ พันไมล์ พิริยะพงศ์ไพศาลอีกแล้วในชีวิตนี้ “จะรีบไปไหน เรายังไม่ได้คุยกันเลย” เขายืนขึ้นเต็มความสูง ร่างสูงสมาร์ทอันหล่อเหลา รีบเดินมาคว้าแขนของคนที่กำลังจะเปิดประตูหนีออกไป “นี่ปล่อยนะ!” โมรินสลัดแขนจนหลุดจากมือหนา สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าตื่นตกใจและรังเกียจ พันไมล์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับสายตาเช่นนี้จากหญิงสาวที่เคยรักเขาสุดหัวใจ “โมมาสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอ จะรีบไปไหนล่ะ” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าอยากให้เธอได้งานนี้จริงๆ จะด้วยความจริงใจหรือแผนการอะไร เธอก็ไม่สน วินาทีนี้เธออยากไปจากที่นี้เต็มกลืน   “ไม่ใช่ค่ะ” เธอตอบเสียงแข็ง ถอยหนีไปให้ห่างจากเขาอีกหลายก้าว สายตาเหลือบมองประตูห้องทำงานเป็นระยะ ความรู้สึกอึดอัดจุกขึ้นมาจนถึงคอหอย เธออยากจะหายไปจากตรงนี้เหลือเกิน การได้เจอกับอดีตคนรักอีกครั้งทำให้เธอถึงกับเซ หัวใจช้ำเลือดช้ำหนองที่เคยรักษาจนเกือบหายดี ท่วมท้นไปด้วยแผลเหวอะหวะอีกครั้ง โมรินพยายามระงับความสั่นระริกของเรือนกายสาว หัวใจเต้นรัวเร็ว ปวดแปลบเจ็บชาไปหมดทั้งร่าง พันไมล์ยังมีอานุภาพรุนแรงกับหัวใจของเธอ แม้หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน เหมือนกับว่าเธอจะลืมเขาไปได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เธอไม่เคยลืมเขาไปจากใจได้เลย เขาได้ทิ้งชีวิตน้อยๆ อีกชีวิตหนึ่งให้เธอต้องเลี้ยงดูมาด้วยความยากลำบาก การได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อยทำให้เธอยังคิดถึงพ่อลูกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน “ถ้าโมมาสมัครเป็นพริตตี้ก็น่าจะไม่ผิดนะ เพราะพี่เป็นเจ้าของโชว์รูมรถ ที่จะจัดงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทสีเข้มราคาแพง โมรินคิดว่าเขาดูหยิ่งยโสอยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน และหัวใจของเขาก็คงด้านชาสารเลวเหมือนเดิม โมรินตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึกๆ ยืนตัวตรงเชิดหน้า และเรียกกำลังใจให้กลับมา แม้ว่าแข้งขาจะอ่อนแรงมากเพียงใด เธอพลาดมากที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของผู้ว่าจ้าง ด้วยความที่เธอต้องเร่งทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกน้อย งานอะไรไม่ผิดกฎหมาย และเป็นงานที่ไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวเธอรับทำทั้งหมด เธอโชคร้ายเรียนไม่จบ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ งานเดียวที่เหลืออยู่คือการใช้รูปร่างหน้าตาเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋า หลังจากที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ระยะหนึ่ง เธอเช่าบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับบุตรสาว โชคดีว่าบ้านเช่ามีพื้นที่ไว้ให้ปลูกต้นไม้บ้าง เธอจึงปลูกพืชผักสวนครัวเกือบทุกชนิดที่กินได้ เอาไว้ประกอบอาหารเพราะประหยัดและปลอดสารพิษ โมรินอยากมีเงินเยอะๆ จะได้ส่งเสียให้ลูกน้อยได้เรียนสูงๆ เธอมีรถกลางเก่ากลางใหม่อยู่คันหนึ่ง ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ศึกษาข้อมูลแล้วพบว่าการผ่อนรถมือสองนั้นดอกเบี้ยค่อนข้างสูง จึงเก็บเงินก้อนโดยการประหยัด กัดฟันซื้อจนมีรถยนต์เป็นของตัวเอง เวลาต้องพาลูกไปไหนมาไหนหรือไปเที่ยวที่ไหนจะได้ไม่ต้องลำบาก “โมเข้ามาแล้ว ไม่คิดจะสัมภาษณ์งานกับพี่ก่อนเหรอ” ประโยคของเขาทำให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด “ไม่ค่ะ” เธอตอบปฏิเสธ ทำท่าจะเดินหนีออกจากห้องทำงานของเขา แต่เขายังยืนขวางอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน “กรุณาถอยไปด้วยค่ะคุณพันไมล์” เธอเรียกเขาเต็มยศ สาดประโยคคำพูดที่บ่งบอกว่าเหินห่างกับเขาไม่ต่างกัน “ไม่คิดว่าพริตตี้แบบโมจะไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้” เขาพูดยั่วเพื่อให้เธอรับงานนี้ แต่โมรินไม่หลงกล เขาจะปรามาสหรือด่าว่าอะไรเธอ ก็ช่างหัวเขา แต่สำหรับเธอแล้ว ขอแค่ให้ออกไปจากที่นี่ได้เป็นพอ ถึงเธอไม่ทำงานกับเขา เธอก็มีงานอื่นๆ ให้ทำอีกหลายงาน “แล้วแต่คุณจะคิด แต่ฉันขอสละสิทธิ์ให้คนอื่นก็แล้วกัน เพราะคงมีหลายคนอยากมาสัมภาษณ์งานกับคุณ ถึงไม่มีฉัน คุณก็มีพริตตี้ในงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของคุณอยู่แล้ว” เธอทำท่าจะเดินหนี แต่เขาก็ยังขวางเอาไว้ “กรุณาหลีกทางให้ฉันด้วยค่ะ” เธอพูดอย่างเอาจริง นั่นทำให้พันไมล์ต้องหลีกทางให้หญิงสาวตรงหน้า เธอเห็นว่าเขาหลีกทางให้ก็รีบจ้ำอ้าวออกไปจากห้องของเขาในทันที โมรินรู้สึกใจหายใจคว่ำ เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอกับเขาอีก เธอหนีหายไปจากชีวิตของเขานานหลายปี ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ไปดูแลคุณยาย หลังจากที่คุณตาเสียชีวิตและปักหลักอยู่บ้านเกิดอยู่นาน กว่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง   ชาวบ้านนินทากันว่าเธอท้องไม่มีพ่อ แต่ยายเข้าใจ ไม่เคยตำหนิหรือซักถามให้เธอเสียใจเลยสักคำเดียว เธอเองที่อดรนทนไม่ไหวต้องเล่าให้ท่านฟังทั้งน้ำตาว่าโดนผู้ชายหลอกจนตั้งท้อง แล้วเขาก็ทิ้งไปแต่งงานกับหญิงอื่น เขาเหยียบย่ำความรักของเธอ เหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่าที่เขาจะทำร้ายเช่นไรก็ได้ ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเจ็บปวดจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก รู้สึกว่าตนเองโง่งมและไร้เดียงสาเสียเหลือเกินที่หลงเชื่อความรักจอมปลอมลวงโลกของผู้ชายอย่างพันไมล์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD