โมรินเอ่ยถามแล้วแทบกลั้นใจรอฟังคำตอบ และประโยคคำถามนั้นของหล่อน ก็ทำเอาพันไมล์ถึงกับชะงักไปเหมือนกัน ก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มออกมา
“ฉันไม่เคยรักเธอเลยโมริน”
“โมเข้าใจแล้วค่ะ โมมันโง่เอง” เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ก่อนจะหมุนกายเดินเซๆ ออกมาจากบ้านของเขาด้วยความรู้สึกชอกช้ำระกำทรวง เธอโง่เอง โง่เหลือเกินที่หลงคิดไปว่าเขารักเธอสุดหัวใจ
“แต่ถ้าเธอไม่คิดอะไรมาก อยากจะมีฉันเอาไว้ในชีวิต เธอยอมเป็นรองวารีฉันก็พร้อมที่จะดูแลเธอนะ เพราะถือว่าฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ”
โมรินชะงัก พันไมล์เหยียดยิ้ม คิดว่าเธอต้องยอมแน่ ๆ พวกผู้หญิงที่หวังจะจับผู้ชายรวย ๆ เสนออะไรให้ก็คงรีบคว้าเอาไว้
“แหวนที่ฉันให้เธอ ก็หลายตังค์อยู่นะ ถือว่าเป็นค่าตัว”
เพี้ยะ!!! ฝ่ามือของเธอฟาดลงบนลงบนซีกแก้มของเขาเต็มแรง ก่อนที่เธอจะถอดแหวนเพชรน้ำงามวงนั้นปาใส่หน้าเขา
“เอาของของคุณกลับไป ฉันไม่ต้องการ คนอย่างฉันไม่ยอมเป็นเมียน้อยของใครหรอก ฉันมีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้น” ประโยคนั้นทำให้พันไมล์อึ้งไป
“ความจริงฉันควรดีใจที่ได้เห็นธาตุแท้ของคุณเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าแต่งงานกันไปแล้วมารู้ว่าคุณสารเลวแค่ไหน!” โมรินพูดไปสะอื้นไป ร่างกายขอเธอสั่นระริกไปหมด
พันไมล์ใช้ลิ้นดุนดันกระพุ่งแก้มของตัวเอง รู้สึกเจ็บๆ คันๆ อยู่พอสมควร ในขณะที่โมรินตัวสั่นหอบโยน ทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งเกลียด ทั้งแค้น ทั้งเสียใจ น้อยใจ ทุกอย่างประดังประเดกันเข้ามาหมดจนเธออยากจะอาเจียน เธอมึนศีรษะจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่เธอจะเป็นอะไรตอนนี้ไม่ได้ เธอต้องยืนหยัด เดินออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน พ้นไปจากคนใจร้ายแล้วค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
โมรินยืนหยัดอีกครั้ง เธอเดินออกไปด้วยหัวใจเศร้าหมอง อยากไปให้พ้นจากคนหน้าไหว้หลังหลอก และชาตินี้ก็ขออย่าได้เจอกันอีก
“ถือว่าฉันให้เป็นค่าตัว” เขายังสาดประโยคคำพูดร้ายกาจใส่เธอ
“โมมองคนผิดไปจริงๆ ที่โมเสียไป ถือว่าทำทานให้หมามันกินก็แล้วกัน”
“นี่เธอ!” พันไมล์ดวงตาวาวโรจน์ เขาไม่คิดว่าเธอจะเปรียบเทียบว่าเขาเป็นหมา ไม่คิดว่าหยาบคายกับเขาถึงเพียงนี้ เพราะปกติแล้วเธอเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานและค่อนข้างหัวอ่อน
พันไมล์นึกถึงคลิปที่เขาได้เห็นในวันนั้นก็เหยียดยิ้มออกมา นี่สินะคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ ชอบจับผู้ชายรวยๆ ท่าทีกร้านโลกไม่แคร์สิ่งใด ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ ส่วนภาพพจน์ผู้หญิงอ่อนหวานนั่นคือความปลอม การเสแสร้งแกล้งทำ เขาโชคดีเหลือเกินที่รู้ไส้รู้พุงของเธอก่อนที่จะคบหากันไปจนถึงขั้นแต่งงาน ยกย่องผู้หญิงจิตใจต่ำตมแบบเธอทำเมีย
โมรินไม่อยู่รอที่จะพูดอะไรกับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้อีก เธอหมุนกายและวิ่งออกไปจากบ้านของเขาในทันที
พันไมล์ทำท่าจะเรียกเธอเอาไว้ แต่ก็ไม่ทัน วารีเดินมาถึงตัวเขาเสียก่อน เธอกอดแขนเขา ก่อนจะหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
“รีรักพี่พันที่สุดเลยค่ะ ดีใจเหลือเกินที่จะแต่งงานกับพี่พัน ผู้ใหญ่รออยู่ เราไปหาผู้ใหญ่กันดีกว่าค่ะ คุณแม่ของรีกับคุณแม่ของพี่ อยากคุยเรื่องแต่งงานของเราแล้วค่ะ สงสัยท่านจะใจร้อน” วารีรีบรั้งแขนของพันไมล์ให้เดินตามเข้าไปในงานอีกครั้ง เหยียดยิ้มเมื่อเห็นว่าโมรินได้จากไปแล้วพร้อมกับหัวใจที่ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
สะใจจริง ๆ นังโมริน เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับวารี สมน้ำหน้า นังผู้หญิงข้างถนนไร้ค่า คิดจะมาเทียบกับผู้ดีอย่างเธอ มันต้องเจอแบบนี้
โมรินสะดุดหกล้ม ก่อนจะประคองตัวเองลุกขึ้นด้วยหัวใจที่บอบช้ำ พลันสายตาก็เห็นว่าพันไมล์เดินกอดแขนกับวารีพากันเข้างาน ยิ่งตอกย้ำว่าเธอโง่เง่าเพียงใด
ไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลออกมาไม่ขาดสาย ยิ่งเช็ดยิ่งไหล ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เธอเลยปล่อยให้มันไหลอาบแก้มนวลจนแทบมองทางไม่เห็น ในขณะที่ร่างน้อย เดินโง่ ๆ ออกไปหารถกลับบ้านด้วยสติที่หลุดลอย
โมรินน้ำตานองหน้าขณะขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่ที่เผอิญขับผ่านมาทางนั้นพอดี เธอเสียใจจนแทบสิ้นสติ วูบหนึ่งคิดอยากจะจากโลกนี้ไป
ในวันที่เขาประกาศแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แต่เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา
เธอกำลังตั้งท้อง ลูกกำลังจะเป็นกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก โมรินลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตัวเอง ด้วยหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว
หญิงสาวพยายามดึงสติกลับมา ลูกไม่ผิดอะไร ชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลกไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย เธอไม่ควรที่จะฆ่าเขาเพราะความโง่งม ใจง่ายของตัวเอง จากลมปากผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่ง
คนใจช้ำสุดแสนจะไร้ค่าไร้ราคาเหมือนดอกไม้ริมทางที่โดนเหยียบย้ำอย่างไร้ศักดิ์ศรีค่อย ๆ พาตัวเองเข้ามาในบ้านอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำผิดอะไร ถึงได้มาเจออะไรแบบนี้
โมรินขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง เธอนั่งกอดเข่านั่งร้องไห้จนตาบวมไปหมด
การนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเองเช่นนี้ มันทำให้เธอรู้สึกมั่นคงปลอดภัย ผนังห้องสูงมิดชิดสามารถปิดกั้นเธอจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
ร่างกายและจิตใจอันอ่อนล้าค่อยๆ ผ่อนคลาย ร่างน้อยถอนสะอื้นเบา ๆ คลายจากความตื่นตกใจ กลับมาสู่สภาพความเป็นจริงว่าเธอโดนเขี่ยทิ้งเหมือนหมาข้างถนน ร่างน้อยค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนกอดตัวเองบนพื้นห้องอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง แม้แต่หายใจเธอยังรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นที่สุด
ที่งานเลี้ยง...
“พัน” เสียงหนักๆ ที่เอ่ยเรียกทำให้พันไมล์หันไปมอง พบว่าเป็นบิดาของเขา กว่าเขาจะปลีกตัวออกมาจากวงล้อมของบรรดาแม่ ๆ ได้ก็ทำเอาเหงื่อตก
มีคนเคยพูดว่าคำพูดมักเป็นนาย นี่คือเรื่องจริงที่เขาได้รับรู้ในเวลานี้ การประกาศแต่งงานกับวารีคือห่วงมัดตัวของเขา เขาจะกลับกลอกพูดกลับไปกลับมาไม่ได้ เช่นไรเขาก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง โดยการแต่งงานกับเธอ ผู้ใหญ่รับรู้ คนทั้งงานรับรู้และโมรินก็รับรู้ หากต้องเลิกรากับวารีอีกครั้ง คงโดนโมรินสมน้ำหน้าว่าเขาถูกทิ้ง
พันไมล์รู้สึกปวดหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใจเขาร้องบอกว่าเขาไม่ได้รักวารีเลยสักนิด เขาเอ็นดูเธอเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น เขายังนึกสภาพของตัวเองไม่ออกว่าการแต่งงานใช้ชีวิตอยู่กับวารีนั้น มันจะออกมาในรูปแบบไหน ในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอ
“มีอะไรเหรอครับคุณพ่อ” เขารู้สึกไม่ชอบที่บิดาทรยศหักหลังมารดาอยู่ แต่เพราะไม่อยากเสียมารยาทกับบุพการี
“พ่อได้ยินที่เราคุยกับแม่หนูคนนั้นแล้ว ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะลูก” พงศ์เอ่ยถามบุตรชาย
“ทำไมเหรอครับ หรือที่พ่อเป็นห่วงเธอ เพราะเธอเป็น..” เขาชะงัก ไม่อยากจะเรียกเลขาของท่านว่าเมียน้อยให้ต้องแสลงใจกันในวันเกิดของตัวเอง
“เป็นอะไร” พงศ์เลิกคิ้วขึ้นถาม สีหน้าของผู้สูงวัยกว่าสงสัยเป็นอันมาก
“เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีมีคุณค่าอะไร จะไปสนใจทำไมกันล่ะครับ”
“เราตัดสินจากตรงไหนที่บอกว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีมีคุณค่า”
“ดูคุณพ่อจะสนใจผู้หญิงคนนั้นจังเลยนะครับ” พันไมล์มองบิดานิ่ง คล้ายจะจับผิด แต่น่าแปลกที่ท่านไม่มีพิรุธอันใด นอกจากคำเตือนที่เขาไม่อยากจะรับฟังสักเท่าใดนัก
“คนทุกคนมีค่านะลูก ไม่รักไม่ชอบเขา ก็ไม่ควรที่จะทำให้เขาเสียใจ ฉีกหน้าเขากลางงานแบบนั้น ลูกคบซ้อนหรือไง คบกับเขาแล้วก็ยังคบกับหนูวารีด้วย เราเป็นลูกผู้ชายไม่ควรทำแบบนั้น” พงศ์เอ่ยเตือนสติลูกชาย
“คุณพ่อเตือนผม ก็อย่าลืมเตือนตัวเองด้วยนะครับ บางทีการสั่งสอนคนอื่น อาจจะย้อนกลับมาหาตัวเองก็ได้”
พันไมล์เริ่มมีอารมณ์ อาจเพราะเขาไม่ได้สนิทสนมกับบิดาเหมือนมารดา จึงเกิดช่องว่างระหว่างพ่อลูก
หลายครั้งที่เขากับบิดามีปัญหาไม่ลงรอยกันเพราะคิดกันคนละอย่าง พูดกันก็ขัดคอกันอยู่เรื่อย