2

1482 Words
“ฉันน่ะเคยดูถูกคนอื่น มองคนแค่ภายนอก มองที่ทรัพย์สินเงินทอง และฐานะชาติตระกูล แต่ฉันตระหนักแล้วละว่าความดีของคนต่างหากเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เหมือนเธอไงแม่กานต์ เธอเป็นเด็กดี น่ารัก กตัญญู รู้คุณคน ต่อไปเธอจะต้องได้ดี มีสามีที่ดี มีลูกที่ดีแน่นอน คนดีจะดึงดูดคนดีเข้ามาหา เรียกว่าศีลเสมอกัน” “หนูไม่อยากแต่งงานหรอกค่ะ อยากอยู่ดูแลคุณท่านมากกว่า” “ขี้อ้อนเสียจริง แถมยังปากหวานอีกแน่ะ พอมีความรักขี้คร้านจะมาขอออกเรือน” “ไม่นะคะ กานต์ไม่อยากออกเรือนหรอก” “จ้ะ รอให้ถึงวันนั้นก่อน” ท่านพูดยิ้มๆ “เราไปกันเถอะ เดี๋ยวคนรถจะรอนาน” คุณหญิงช่อทิพย์ ลูบศีรษะของเด็กในอุปการะไปมาอย่างเอ็นดู คุณหญิงช่อทิพย์ เดินทางมาถึงงานศพของลูกชายคนเดียวในเวลาเย็น ท่านลงจากรถแล้วขาสั่นระริก แต่พยายามเดินไปให้ถึงที่หมายด้วยฝีเท้ามั่นคง โดยมีกานพลู คอยช่วยประคองท่านเอาไว้ทุกการย่างก้าว “ทศ ลูกแม่” ประโยคนั้นทำให้ทัศกรที่เดินมาต้อนรับแขกที่มาเคารพศพบิดาชะงัก เขามองหญิงชราแต่งตัวดีและเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “คุณท่านคะ” กานพลูเรียกผู้มีพระคุณอย่างเป็นห่วง อีกฝ่ายน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง “คุณเป็นใคร” น้ำเสียงของทัศกรทำให้หญิงต่างวัยทั้งสองหันไปมอง เขาได้มองใบหน้าของหญิงสูงวัยตรงหน้าและหญิงสาวข้างกายเต็มๆ ตา ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อย เพราะเค้าโครงหน้าที่ถอดแบบกันมาทุกอย่าง ทำให้เขารู้ในทันที “ทัศกร หลานย่า” ท่านอ้าแขนอออกกว้าง ไม่ได้คิดหรอกว่าอีกฝ่ายจะให้กอดหรือไม่ แต่หน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้ม เค้าโครงหน้าที่ผสมผสานระหว่างบิดามารดา ทำให้ท่านน้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุดหย่อน “คุณหญิงย่า ใช่ไหมครับ” คำถามของหลานชายคนเดียว ทำให้คุณหญิงช่อทิพย์ พยักหน้าทั้งน้ำตา ทัศกรเดินไปก้มลงกราบท่านก่อนจะกอดท่านเอาไว้ คนเป็นย่าถึงกับร้องไห้ไม่หยุดหย่อน กานพลูเห็นแล้วน้ำตาซึมไปด้วย เพราะสิ่งที่ผู้มีพระคุณกังวลในคราแรก ไม่ได้เกิดขึ้นจริง “คุณพ่อเคยพูดถึงคุณย่าครับ” บิดาของเขาพูดถึงผู้เป็นย่าก่อนที่ท่านจะสิ้นไม่นาน แม้เขาจะสงสัยว่าเหตุใดท่านถึงไม่เคยเอ่ยถึงย่าเลย แต่ก็ไม่เคยไถ่ถามเพราะโตมาแบบไม่มีปู่ย่าตายาย บิดาบอกว่าเรื่องในอดีตให้มันจบๆ กันไป เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือหลานของท่าน ทัศกรรักบิดาและเชื่อฟังท่านมาก เขาจึงไม่ได้ไถ่ถามเรื่องราวแต่หนหลังให้ท่านต้องทุกข์ร้อนใจ คุณหญิงช่อทิพย์ได้ยินดังนั้น ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า ท่านสำนึกว่าตัวเองผิดเมื่อสายไปแล้ว ท่านมีทิฐิแรงกล้า แต่ลูกชายกับสะใภ้กลับไม่เคยเป็นดั่งที่ท่านคิดเลย แถมยังสั่งเสียลูกชาย และพูดแต่ในสิ่งที่ดี ไม่ให้ทัศกรเกลียดท่านอีก แบบนี้จะไม่ให้ท่านร้องไห้ได้อย่างไรกัน ยี่สิบกว่าปีที่จากกันไม่เคยได้พูดคุยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่จะสิ้นใจก็ไม่ได้สั่งเสียดูใจ มันเป็นสิ่งที่ท่านเสียใจมากที่สุด ท่านเป็นคนไล่ทศพลออกจากบ้านเอง ถ้าเวลานั้น ท่านไปตามทศพลกลับมาก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่จะโทษชาลินีก็ไม่ได้ อีกฝ่ายก็คงเป็นแค่คนส่งข่าว จริงๆ ท่านต่างหากต้องคุยกับลูกชายด้วยตนเอง “คุณหญิงย่าอย่าร้องเลยครับ คุณพ่อเคยพูดกับผมว่า เรื่องที่มันแล้วไปแล้ว ก็ให้มันแล้วไปเถอะครับ...” “ย่าผิดเอง ตั้งแต่แรก” คุณหญิงช่อทิพย์พูดเสียงเศร้า ลูกชายไม่ได้ไปมาหาสู่ ก็เพราะคำไล่ของท่าน การตัดขาดและบอกว่าอย่ามาเหยียบบ้านหลังนี้อีก เพราะความโกรธเกลียดของท่านแท้ๆ จึงทำให้สูญเสียคนที่รักไป โดยไม่มีช่วงเวลาดีๆ อยู่ด้วยกัน ต่อจากนี้ไป ท่านจะทำทุกอย่าง ไม่ให้สูญเสียช่วงเวลาดีๆ นี้ไปอีกแล้ว “คุณพ่อกับคุณแม่คงไม่ได้ถือโทษโกรธคุณหญิงย่าหรอกครับ” “จริงๆ มันเป็นความผิดของย่าเอง” คุณหญิงช่อทิพย์ ยอมรับผิดทุกอย่าง เพราะทิฐิของท่านแท้ๆ “เรื่องในอดีตช่างมันเถอะครับ” ทัศกรพูดซ้ำคำเดิม ให้ย่าของเขาเลิกคิดเรื่องในอดีตเสียที เขาเองก็ไม่อยากรื้อฟื้นเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ “ต่อจากนี้ไป ย่าจะไม่ทำผิดซ้ำซากอีก” คุณหญิงช่อทิพย์ช่วยหลานชายจัดการงานศพของทศพลจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้น ทัศกรยังพาย่าของเขาไปเที่ยวทั่วไร่ ยิ่งเห็นความกว้างขวางและฐานะของหลานชาย ยิ่งทำให้ท่านสำนึกว่าอย่าดูถูกคนอื่น เพราะคนที่ดูต่ำต้อยด้อยค่าในสายตาคนอื่น วันหนึ่งอาจจะพลิกฟื้นชีวิตขึ้นมามีฐานะร่ำรวยได้ แต่สิ่งที่ท่านตระหนักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ ความดีงาม ไม่ว่าจะยากดีมีจน ความดีงามเป็นสิ่งที่ติดตัวคนคนนั้นไปตลอด ความดีของคนเรามันวัดกันที่ทรัพย์สินเงินทองไม่ได้จริงๆ ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณหญิงช่อทิพย์ดูวุ่นวายอยู่มากเมื่อท่านสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวต้อนรับหลานชายคนเดียว กานพลูเป็นคนจัดการอาหารมากมาย โดยมีสาวใช้คนอื่นๆ เป็นลูกมือ หลายคนทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านเสียใหม่ ถึงกับเปลี่ยนผ้าม่าน ตกแต่งสนามหญ้า ตัดต้นไม้ ดูเอิกเหริกไปเสียหมด แต่กานพลูเข้าใจดีว่าผู้มีพระคุณมีความสุขแค่ไหนที่จะได้ต้อนรับหลานชายคนเดียวของท่าน “แม่กานต์ ฉันใส่ชุดนี้ดูดีหรือยัง” คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามเด็กสาวในอุปการะ หลังจากที่เธอจัดการเตรียมอาหารเรียบร้อย ก็ขึ้นมาดูแลผู้มีพระคุณบนห้อง “คุณท่านใส่อะไรก็สวยค่ะ” “แน่ะ! ปากหวานจริงเชียว ฉันเวอร์ไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตื่นเต้นนักแหละที่ภูเขาจะมาเยี่ยม แถมยังจะมาค้างที่นี่ด้วย” “ไม่หรอกค่ะ หนูรู้ว่าคุณท่านอยากต้อนรับคุณภูเขาให้ดีที่สุด” ทัศกรหรือภูเขาซึ่งเป็นชื่อเล่นนั้น เป็นหลานชายคนเดียวที่ไม่ได้เจอกันเลยยี่สิบกว่าปี คุณหญิงช่อทิพย์จึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ ยิ่งตอนที่อยู่ด้วยกันในงานศพของลูกชาย หลานชายคนนี้ดูแลท่านดีมาก ท่านยิ่งปลาบปลื้ม แม้จะเสียใจที่เสียลูกชายคนเดียวไป แต่อย่างน้อยก็ได้หลานชายกลับมาให้ชื่นใจ แถมยังเป็นหนุ่มหล่อ เฉลียวฉลาด และเก่งกาจไปเสียทุกเรื่อง “ฉันกลัวใครเขาจะว่าทำตัวเวอร์ แต่ฉันอยากต้อนรับภูเขาให้ดีที่สุด ต่อไปที่นี่ก็ต้องเป็นของเขา ฉันอยากให้เขาได้รู้จักกับผู้หญิงดีๆ คู่ควรกับเขา” “คุณท่านก็มีเพื่อนมากมายนี่คะ” “พูดแบบนี้จะให้ฉันแนะนำหลานๆ ของเพื่อนฉันให้ตาภูเขารู้จักน่ะสิ” “ใช่ค่ะ” “ไม่หรอก” คุณหญิงช่อทิพย์ส่ายหน้าไปมา “ทำไมรึคะ” กานพลูเอ่ยถามด้วยความสงสัย เธอคิดเสมอว่าคนรวยก็อยากแต่งงานกับคนรวย มีฐานะชาติตระกูล มีการศึกษา ทรัพย์สินเสมอกัน จะได้ช่วยกันทำมาหากิน เธอเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ ว่าสิ่งไหนเกินอาจเอื้อม การได้แค่มองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับคนฐานะเช่นเธอ ทัศกรเป็นผู้ชายที่อยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง แม้แรกพบสบตาเธอจะรู้สึกต้องใจเขามากเพียงใด แต่เพราะเป็นหญิง และฐานะต่ำต้อย เธอจึงไม่กล้าอาจเอื้อม “ในอดีตฉันบังคับตาทศเสียจนเขาต้องหนีไป สุดท้ายผู้หญิงที่ฉันรังเกียจก็กลับรักตาทศจริงๆ ถึงแม้ตาทศจะมีแต่ตัว ฉันไม่ได้ยกทรัพย์สมบัติอะไรให้เขาเลย เขาดิ้นรนกันเอง จนสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดนี้ถือว่าเก่ง ฉันนะไม่อยากมองคนแค่ภายนอกอีกต่อไปแล้ว” กานพลูยิ้มกับประโยคบอกเล่าเชิงเปรียบเทียบสั่งสอนของท่าน “เธอน่ะ คิดว่าหลานชายของฉันเป็นยังไงคะ” “เอ่อ... เป็นยังไงคะ” กานพลูหน้าแดง คุณหญิงช่อทิพย์อมยิ้มกับอาการของเด็กสาวในอุปการะ “ฉันหมายถึงจากสายตาของเธอ ภูเขาเป็นคนยังไงบ้าง หลานชายของฉันคนนี้น่ะ” “คุณภูเขาก็ดูเป็นคนดีนะคะ ดูเป็นผู้นำ ตัดสินใจเฉียบขาด และใจดีด้วยค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD