ตอนที่ 12 หวั่นไหว
“มะ มองอะไร ไม่สตาร์ทรถล่ะ เดี๋ยวโจรก็ได้มาปล้นจริง ๆ” นัชชารีบเปลี่ยนเรื่อง สีหน้าดูรุกลี้รุกลนทำตัวไม่ถูก แต่เตชินกลับอดไม่ได้ที่จะแอบขำเธอ เพราะเขารู้สึกว่าเธอกำลังเขินเขาอยู่ จนเขาต้องยิ้มออกมา
“ยะ ยิ้มอะไร ทำไมไม่ออกรถ” นัชชายังไม่เลิกบ่นเมื่อเห็นเขายังไม่ละสายตาจากเธอ
“เมื่อกี้ มึงไม่ปฎิเสธจูบกู” เตชินไม่พูดเปล่า เขาค่อย ๆ โน้มตัวพลางวางมือไว้ที่หลังเบาะของนัชชา จนเธอต้องรีบเอนตัวหนี
“ก็ ก็ ก็”
“อะไร หืม ไม่ต้องรีบพูด ใจเย็น ๆ”
“ก็..ก็ นึกว่าจูบกับหมา กับแมวแค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องคิดมาก ฉันไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้นหรอก” นัชชาทำตาใสพูดออกไปเหมือนไม่แคร์ แต่เสียงหัวใจเจ้ากรรมสิ ทำไมเต้นดังขนาดนี้
“ห๊ะ จูบกับหมา”
“อืมใช่ จูบกับหมา” นัชชาเงยหน้าท้าทาย
“แน่ใจนะว่าเหมือน ไหนลองอีกทีซิ” เตชินยกมือขึ้นมาจับคางนัชชาไว้ พร้อมก้มลงไปจูบทันที
แปลก… ทำไมเวลาจูบนัชชาถึงรู้สึกดีขนาดนี้ คงเพราะใบหน้าสวยใสของเธอ ที่ไม่มีกลิ่นเครื่องสำอาง ไม่มีลิปสติก จะมีก็แต่กลิ่นตัวที่หอมอ่อน ๆ เวลาได้จูบทำให้เขารู้สึกดี จนอยากทำแบบนี้ไปซ้ำ ๆ
นัชชาตาเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจ ยิ่งเรียวลิ้นของเตชินลุกล้ำเข้ามาอย่างง่ายดาย จนเธอทำอะไรไม่ถูก กว่าจะตั้งสติยกมือขึ้นมาทุบ เตชินก็ผละออกจากริมฝีปากเธอพอดี
“หึ…หึ...บอกแล้วไงว่าอย่ากลั้นหายใจตอนจูบ”
“ไอ ไอ ไอ...” นัชชาอ้าปากพะงาบจะด่าแต่นึกคำด่าไม่ออก
“ยังจะบอกว่าเหมือนจูบหมากับแมวอีกไหม หืม จะได้ลองจนกว่าจะเปลี่ยนคำพูด” เขายกยิ้มที่มุมปาก มองคนตรงหน้าที่ยังคงอึ้งอยู่
“เหมือน” นัชชายังคงดื้อที่จะเถียงแบบข้าง ๆ คู ๆ
“งั้นลองใหม่”
“มะ ไม่เหมือน ไม่เหมือนก็ได้” นัชชารีบพูด พลางยกมือมาปิดปาก หลับตาปี๋ เพราะ เตชินทำท่าจะโน้มตัวเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง
เขาชะงักตัวไว้ก่อนยิ้มขำออกมา ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ
“ไอบ้า” นัชชาลืมตามาด่าเมื่อรู้ว่าโดนเขาแกล้ง “ออกรถสักทีสิ จะจอดแช่ทำไม”
“ใช่ไหมล่ะ จูบกับคนรู้สึกดีจะตาย จะไปเหมือนจูบหมาจูบแมวได้ยังไง เพราะกับคนมันไม่ใช่แค่จูบ เพราะเราได้แลกลิ้นกันด้วย”
“อะ….” นัชชาพูดไม่ออก เพราะรู้สึกเหมือนตอนที่จูบกับเขา ลิ้นของเธอกับเขาพันกันอย่างที่ว่าจริงๆ
เตชินยิ้มอีกครั้ง มองนัชชาที่รีบหนีหน้าไปทางอื่นเพราะความอาย ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมายีหัวเธอเบา ๆ แล้วหันมาขับรถเคลื่อนออกไป ส่วนนัชชาได้แต่ถอนหายใจโล่งอก ที่ได้หลุดจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้
~อย่าหวั่นไหว กับเสือผู้หญิงแบบเตชินนะนัชชา~
นัชชาเตือนสติตัวเอง เธอรีบเบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่าง มีแต่เตชินที่ยังคงขับรถไปแอบมองเธอไปเป็นระยะ
รถขับออกจากมุมตึกกลับมาที่ถนนทางเดิมเมื่อครู่ ไปไม่ไกล นัชชามองเห็นหมาเจ้ากรรมตัวนั้น ที่ยังคงมีถุงพลาสติกติดอยู่ที่ขา เพราะเจ้าตัวนี้นี่เอง ทำให้ก่อนหน้านี้เธอกลัวแทบแย่ เสียงถุงที่ขาทำให้เหมือนเสียงคนกำลังเดินตามเธออยู่ แต่จะว่าไปมันก็ดูน่าสงสาร ที่ขาของมันยังคงมีถุงติดอยู่ ไม่รู้ว่าใครช่างใจร้ายแกล้งมัน ยิ่งแถวนี้ไม่ค่อยมีบ้านคนเลยด้วย
กึก!!!
อยู่ ๆ เตชินก็จอดรถ จนทำให้นัชชาหันไปมองด้วยความสงสัย
“จะ จอดทำไมอีก”
“เออ รอกูแป๊บ กูลงแล้วล็อครถด้วย” เขาเอ่ยแต่ตัวเองรีบปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วรีบลงจากรถไป นัชชารีบหันไปมอง
ที่แท้เตชินลงไปช่วยเจ้าหมาตัวนั้น ดูตอนแรกมันทำท่าเหมือนจะกลัวคน สุดท้ายพอเตชินนั่งยอง ๆ ทำมือพร้อมส่งเสียงเหมือนเรียกมัน มันก็กระดิกหางให้เขาเฉย
สักพักเตชินก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวใกล้มัน แกะถุงหูหิ้วที่ผูกติดขามันออกขนสำเร็จ
นัชชารู้สึกแปลกใจที่เห็นมุมที่อ่อนโยนของเตชิน นึกว่าผู้ชายติดหรูแถมเสือผู้หญิงอย่างเขา จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ได้ เธอมองไปเห็นขวดน้ำเปล่าที่ตั้งอยู่ข้างเบาะ ก่อนจะรีบหยิบแล้วลงจากรถไปเช่นกัน
“อะ น้ำ” เธอยื่นขวดให้เขา เพราะว่าอย่างน้อยเขาควรต้องล้างมือที่เพิ่งจับหมาตัวนั้นมา
“ขอบใจ มึงนี่รู้ใจกูจัง กูแค่คิดว่าอยากล้างมือ มึงก็หยิบขวดน้ำมาให้”
เขาลุกขึ้นยืน แต่เอาขวดน้ำสัมผัสไปที่หัวเธอเบา ๆ แทนคำขอบคุณ
“ขอบใจเหมือนกัน เมื่อกี้เราก็ว่าจะขอให้นาย จอดรถช่วยน้องหมาตัวนี้ นายก็จอดพอดี” นัชชายิ้มกว้าง แต่เตชินกลับหัวใจเต้นแรง ที่อยู่ ๆ นัชชามายิ้มน่ารักแบบนี้ให้กับเขา
“มึงจะบอกว่ามึงก็ใจตรงกับกูงี้เหรอ”
“หะ...หา ปะ เปล่าสักหน่อย รีบล้างมือสิ ไปขึ้นรถ” นัชชาทำหน้างอ ก่อนจะเฉไฉไปทางอื่น
เตชินหันไปยิ้มมองตาม ก่อนจะล้างมือแล้วตามไปขึ้นรถด้วยความรู้สึกดี ผ่านผู้หญิงมาก็เยอะ ทำไมแค่เพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทกันร่วมคลาสยิ้มให้ ทำให้ใจเขาเต้นแรงแบบนี้
เพราะมนต์ของชมพูพันธ์ทิพย์สีชมพูที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าวันนั้นหรือ ทำให้ในวันนี้สายตาที่เขามองเธอเปลี่ยนไป หรืออาจเป็นเพราะจูบที่เขาแอบจูบเธอวันที่ไปส่งโรงพยาบาลตอนดึกนั้นหรือ ที่ทำให้เขาไม่อาจละจากปากหวานที่ดื้อรั้นของเธอไปได้เลย
ไม่น่า…เขาไม่ยอมหลงรักใครง่าย ๆ เธอสิ ต้องเป็นฝ่ายหลงรักเขา
ทั้งคู่กลับมาขึ้นรถได้แต่หันไปมองหมาตัวนั้นที่จากไป ไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนกระทั่งรถออกจากซอยเปลี่ยว และขับมาจนถึงหน้าบ้านเธอ
“ไหนบอกจำไม่ได้ ยังไม่ได้บอกทางเลย” นัชชาแอบบ่นพึมพำ แต่เขาพอได้ยิน
“อยู่ ๆ ก็จำได้ สงสัยจูบเรียกความจำ พอจูบปุุ๊ปความจำเด้งมาเลย” เตชินยิ้มกวน นัชชาได้แต่กัดริมฝีปากแน่น ทำท่างอนใส่เขา ก่อนจะรีบจากรถ
“ขอบคุณทีหลังไม่ต้อง” นัชชาลงไปยืนส่งเขาที่หน้าบ้าน จนเตชินวนขับรถเข้าไปกลับรถในซอยหมู่บ้านเธอ
เธอเปิดรั้วเข้ามา ถึงประตูหน้าบ้านที่มืดสนิท ปกติพี่ชายเธอก็ไม่ค่อยอยู่บ้านอยู่แล้วเพราะทำงานกลางคืน เธอ เพิ่งเห็น Note เล็ก ๆ เสียบไว้ใต้ประตู
** ไอน้องเวร โทรหาไม่รับสาย อุตส่าห์ออกจากผับวนมารับนึกว่าอยู่บ้าน แม่โทรมา พ่อจะผ่าตัดด่วนตามพี่ไปที่โรงพยาบาลเลย ด่วน! **
นัชชาตกใจ ก่อนรีบหยิบโทรศัพท์มาดูไม่รู้ว่าแบตไปตั้งแต่ตอนไหน เธอรีบกลับออกไปยืนที่รั้วหน้าบ้านโบกมือเรียกรถเตชินที่วนกลับรถออกมาพอดี
เตชินได้แต่มองอย่างแปลกใจแต่ก็จอดรถ เปิดกระจกยื่นหน้ามาถามเธอ
“มีไร”
“ไปส่งโรงพยาบาล T หน่อยสิ”
“ใครเป็นไร”
“พ่อเรา พ่อเราเพิ่งเข้าผ่าตัดฉุกเฉิน เราจะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ ป่านนี้แม่ตกใจแย่แล้ว” นัชชาละล่ำละลักบอก ด้วยสีหน้าซีดเผือด แววตาเต็มไปการขอร้อง
“มา ขึ้นมา ไว ๆ”
แม้จะดึกมากแล้ว แต่เตชินเองก็ไม่ได้คิดปฏิเสธเลยสักนิด เขารีบให้เธอขึ้นมาและออกรถโดยทันที
นัชชาที่นั่งกุมมือตัวเองไว้แน่น รู้สึกผิดที่เอาแต่ไปเที่ยวบ้านเพื่อนจนดึกดื่นขนาดนี้ แถมเวลามีเรื่องด่วนโทรศัพท์ที่แบตเสื่อมอยู่แล้วดันมาดับไม่รู้ตอนไหน น้ำตาเริ่มเอ่ออยู่ขอบตา รู้สึกโกรธตัวเองที่มัวทำอะไรอยู่ไม่รู้
เตชินเหลือบไปเห็นนัชชาแม้เพียงแวบเดียวเพราะเขาขับรถอยู่ แต่ก็รู้ว่าเธอดูกังวลมาก เขาเอื้อมมืออีกข้างไปกุมมือเล็ก ๆ ของนัชชาเอาไว้ สัมผัสได้ว่ามันกำลังสั่น เขาได้แต่ตบหลังมือเธอเบา ๆ เพื่อปลอบใจ