รอยที่แสดงความเป็นเจ้าของ

1814 Words
เมื่อธนินมาส่งกานต์ที่สำนักงาน ความเงียบแผ่ปกคลุมในรถ ทั้งที่ภายนอกดูเหมือนสงบ แต่ภายในใจของกานต์กลับยังร้อนรุ่มไม่หาย ความทรงจำจากบทรักเอาแต่ใจของธนินที่เพิ่งผ่านไปยังคงก้องในหัวของเขา ร่างกายเขายังรู้สึกถึงสัมผัสที่รุนแรงและทิ้งร่องรอยแห่งความปรารถนาไว้ กานต์หันหน้าหลบสายตาของธนินที่มองมา รู้สึกอับอายและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แม้ในใจจะยังสั่นไหวและคิดวนเวียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขากัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ พลางพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ความร้อนผ่าวในร่างยังไม่จางหาย ธนินเหลือบมองกานต์ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มบางที่แฝงไปด้วยความพึงพอใจ เขารู้ดีว่ากานต์ยังสั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับรอยจูบและสัมผัสที่เขามอบให้ยังคงอยู่กับกานต์อย่างชัดเจน ใบหน้าของกานต์ที่ยังไม่หายจากความร้อนรุ่มและความกระตือรือร้นจากบทรักที่พวกเขามีร่วมกัน เขารู้สึกอิ่มเอมและพอใจจากการครอบครอง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความพอใจที่เต็มที่ ธนินมองกานต์ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะเอื้อมมือมาปลดล็อกประตูฝั่งกานต์ ท่าทางของเขาดูอ้อยอิ่งเหมือนจะอยากยื้อเวลาช่วงนี้ให้นานขึ้น กานต์เบือนหน้าหนีหลบสายตาคมนั้น หนุ่มน้อยหน้าหวานบึ้งตึงเล็กน้อยไม่พอใจ มองค้อนเขาด้วยหางตา แต่ก็ยังรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านมาจากสายตาของธนิน “อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น” ธนินพูดเสียงเข้มและหนักแน่น สายตายังคงจ้องมองกานต์ไม่ละ “เดี๋ยวจะไม่ได้ทำงาน” กานต์เม้มปากเล็กน้อย ใจเต้นแรงกับคำพูดนั้น ความรู้สึกสับสนพุ่งผ่านเข้ามาในใจ เขารู้ว่าธนินไม่ได้พูดเล่น และการเตือนนั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวเร็วยิ่งกว่าเดิม ร่างกายสั่นเบาๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกหวาดหวั่นกับความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดของธนิน …………………………………………………………… มิ่งเดินมาส่งกานต์ที่เรือนใหญ่หลังจากเลิกงานในช่วงเย็นที่เริ่มมืดแล้ว เขาส่องไฟฉายอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคู่เดินทางอย่างปลอดภัย ก่อนที่พวกเขาจะถึงหน้าบ้าน มีสิ่งเล็กๆ วิ่งผ่านขาของกานต์อย่างรวดเร็ว ทำให้เขาร้องเสียงหลงและกระโดดกอดคอมิ่งไว้มั่น มิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางของกานต์ที่กลัวจนเกาะกุมเขาแน่น "ไม่มีอะไรหรอกครับ คงเป็นคางคกวิ่งผ่านน่ะ" มิ่งพูดเสียงเบาๆ พร้อมกับลูบหลังของกานต์อย่างอ่อนโยน เพื่อปลอบประโลม กานต์ยังคงกอดมิ่งไว้แน่น สายตาของเขามองไปที่พื้นอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าเคลื่อนไหว มิ่งเห็นท่าทางน่ารักของกานต์ที่เกาะกุมเขาไว้แน่นรู้สึกเอ็นดูอย่างมาก เขาเริ่มลูบแขนและไหล่ของกานต์อย่างเบาๆ เพื่อปลอบประโลม แล้วค่อยๆ ใช้นิ้วลูบหัวของหนุ่มน้อยหน้าสวยหวานที่ยังคงปิดตาแน่น "ไม่มีอะไรแล้วครับ ลืมตาเถอะ" มิ่งพูดเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น กานต์ค่อยๆ เปิดตาขึ้นอย่างระมัดระวัง มองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย และเมื่อเห็นว่ามิ่ งยืนอยู่ข้างๆ เขาจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย ละสายตาจากพื้นและสบตากับมิ่งด้วยความรู้สึกขอบคุณ กานต์เดินผ่านประตูเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท"ป้าพิไลคงไม่ได้เข้ามาวันนี้มั้ง" เขาคิดในใจ พร้อมกับปิดประตูเบาๆ ทันใดนั้นกานต์ก็ถูกกระชากร่างในความมืดโดยไม่ให้โอกาสได้ร้องออกมา เขาอุ้มกานต์ขึ้นพาดบ่าด้วยแรงที่เต็มไปด้วยความโกรธ และเดินขึ้นไปบนชั้นบนของบ้านอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและดุดัน ผ่านห้องนอนใหญ่ไปยังระเบียงกว้าง เมื่อถึงที่หมาย เขาวางกานต์ลงบนพื้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง กานต์หอบหายใจด้วยความตกใจและเหนื่อยล้า พยายามปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืด เมื่อความมืดคลี่คลุมร่างที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างชัดเจน เขาถึงได้รู้ว่าเป็นธนิน “นี่คุณ!” กานต์พูดด้วยความตกใจ ธนินก้มลงต่ำ ร่างใหญ่ของเขายังคงใกล้ชิดกับกานต์ ใบหน้าของเขาแทบจะสัมผัสกับหูของกานต์ ดวงตาของธนินเต็มไปด้วยความหึงหวงกานต์รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ของธนินที่เป่ารดที่ใบหู ทำให้เขาสั่นสะท้านเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้นและความกลัว “บอกมาว่าเขาจับตรงไหนบ้าง?” ธนินถามอีกครั้ง เขาไม่ได้ปล่อยมือจากไหล่ของกานต์ สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าหวานของกานต์ด้วยความหึงหวง กานต์หลุบตาลงและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ตรงนี้...” ทันทีที่คำตอบหลุดออกจากปากของกานต์ ธนินก็ไม่รอช้า เขายิ้มบางและโน้มตัวลงไปที่จุดที่กานต์ชี้ เขาใช้ลิ้นของเขาละเลียดและเลียเบาๆ บริเวณที่กานต์ชี้ให้ดู โดยเน้นที่รอยสัมผัสที่ทำให้เกิดรอยจ้ำสีแดงบนผิวเนียนละเอียดของกานต์ เสียงหายใจของกานต์เริ่มสั่นสะท้าน ความรู้สึกเสียวซ่านที่เกิดจากการสัมผัสของธนินทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง “ตรงนี้?” ธนินถามซ้ำ พร้อมกับละเลียดไปทั่วจุดที่มีรอยจ้ำแดง ธนินกระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวของกานต์ออกจากร่างอย่างรวดเร็ว ร่างกานต์เปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผงอกและหน้าท้องที่เนียนละเอียด นิ้วสากของธนินชี้ไปที่หน้าอกของกานต์ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความร้อนแรงและหึงหวง “ตรงนี้ด้วยไหม?” ธนินถามเสียงต่ำ กระซิบเบาๆ ใกล้หูของกานต์ เขาดันนิ้วไปที่หน้าอกของกานต์ ราวกับต้องการรู้ว่ามีการสัมผัสตรงไหนบ้าง กานต์รู้สึกถึงความร้อนจากนิ้วของธนิน และความรู้สึกตึงเครียดที่กำลังเพิ่มขึ้น เขาหลุบตามองพื้นด้วยความเขินอายและรู้สึกถึงแรงกดดันจากคำถามนั้น “มะ ไม่...ใช่...” กานต์ตอบเสียงสั่น ก่อนที่กานต์จะได้ตอบอะไร ธนินก้มลงไปที่ยอดอกสีแดงนั้นอย่างรวดเร็ว ลิ้นของเขาเริ่มเลียวนรอบยอดอก เม็ดเล็กๆ ที่บอบบางและเต่งตึงถูกกระตุ้นด้วยการสัมผัสที่ร้อนแรงและเร่าร้อน เขาใช้ลิ้นเลียไปจนทั่วรอบยอดอก ก่อนจะใช้ริมฝีปากดูดกลืนแรงๆ การดูดกลืนของธนินทำให้กานต์รู้สึกถึงความตึงเครียดและความร้อนที่พลุ่งพล่านจากภายใน การกระทำที่รุนแรงและดิบเถื่อนทำให้กานต์ครางออกมาเบาๆ ความรู้สึกของเขาเป็นเหมือนถูกไฟเผาไหม้ ธนินดึงกานต์ขึ้นมายืนบนระเบียงกว้าง แสงจันทร์สาดส่องลงมาเผยให้เห็นร่างขาวบอบบางที่สั่นระริกอยู่ใต้แสงสลัว มือใหญ่ของธนินลูบไล้ไปตามร่างกายของกานต์อย่างดุดัน บังคับให้เขายืนอยู่โดยไม่สามารถหลบหนีได้ “ตรงนี้เหรอ?” เขาถามเสียงต่ำและเต็มไปด้วยความร้อน เขาค่อยๆ เลียและดูดรอบๆ รอยที่กานต์ชี้ไปอย่างมีความตั้งใจ ร่างกายของกานต์สั่นสะท้านจากการสัมผัสที่ร้อนแรงและไม่คาดคิด “อย่า…” กานต์ร้องเสียงเบาๆ แต่เสียงของเขาถูกกลืนไปกับเสียงกองไฟที่ crackling ด้านข้าง ธนินไม่สนใจคำร้องขอ แต่กลับยังคงทำอย่างต่อเนื่อง จนรอยจ้ำที่เกิดขึ้นนั้นเด่นชัดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปที่เสื้อเชิ้ตของกานต์ที่ตอนนี้หลุดลุ่ยออกจากร่างหนุ่มแล้ว ใช้มือใหญ่กระชากเสื้อเชิ้ตออกไปจนหมด ทำให้ร่างเปลือยของกานต์เผยออกมาอย่างเต็มที่ ต่อมาเขาโน้มตัวไปข้างหน้า ลิ้นร้อนๆ ของเขาเลียไปทั่วแผงอกขาวของกานต์ กินท่ามกลางเสียงหอบกระเส่าของเขา ธนินกดร่างของกานต์ให้ติดกับขอบระเบียง ขายาวๆ ของกานต์สั่นระริก ขณะเดียวกันธนินก็ดูดรอยแดงๆ บนแผงอกของกานต์ด้วยความดุเดือด พรมรอยจูบและรอยกัดให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงๆ ที่ทั่วร่างของเขา เขาก้มลงอย่างดุดัน มือสากลูบไล้ไปทั่วแผงอกของกานต์ ความร้อนแรงของธนินทำให้กานต์รู้สึกถึงความต้องการที่ไม่อาจต้านทานได้ มือใหญ่ของธนินย้ายไปที่ยอดอกที่เล็กและแดงของกานต์ ใช้ลิ้นร้อนๆ ของเขาเลียวนรอบยอดอกนั้นอย่างไม่รู้จักพอ ดูดกลืนรสชาติหวานของเขาไปพร้อมๆ กับความรุนแรง เสียงของกานต์สะท้อนออกมาจากปากที่ถูกบดขยี้อยู่ ท่ามกลางความมืดและความเย็นของคืนที่พัดผ่าน บรรยากาศรอบข้างถูกสร้างขึ้นด้วยการกระทำที่ดิบเถื่อนของธนิน มือใหญ่ของเขาจับขอบระเบียงให้แน่น ขณะที่ลิ้นของเขาทำงานอย่างไม่หยุดยั้ง ร่างของกานต์สะท้านด้วยความรู้สึกที่ลึกล้ำ ธนินเริ่มลากปากและลิ้นของเขาไปตามลำตัวของกานต์ไปจนถึงเอว มองเห็นร่างของเขาที่สั่นระริกด้วยความต้องการและความร้อนแรงที่ไม่อาจควบคุมได้ ท่ามกลางการกระทำของธนิน กานต์ยืนแทบไม่ไหว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแดงและจูบที่หนักหน่วง ธนินยกกานต์ขึ้นพาดบ่าของเขาอย่างไม่อ้อมค้อม มือใหญ่ของเขาเลื่อนลงไปจับขอบเอวของกานต์ด้วยความดุเดือด สร้างความรู้สึกเร่าร้อนและท้าทายที่ทำให้กานต์รู้สึกถึงความร้อนในใจ ธนินกระซิบที่ข้างหูของกานต์ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกระหาย "วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้หนีไปไหนได้” ความดิบเถื่อนและความต้องการที่ไม่รู้จักพอแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของกานต์ ทำให้เขารู้สึกถึงความร้อนแรงที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและอารมณ์ ธนินยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมจ้องลึกลงไปในดวงตาของกานต์ที่สั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น ร่างใหญ่ยื่นมือมาจับเอวกานต์แน่น ก่อนจะกระซิบเสียงทุ้มต่ำข้างหู "วันนี้นายต้องไม่ได้นอน" คำพูดของเขาทำให้กานต์ตัวสั่น ความร้อนแรงจากลมหายใจของธนินที่สัมผัสผิวข้างหูสร้างความรู้สึกวาบหวามอย่างไม่อาจต้านทานได้ ธนินไม่ปล่อยให้หนุ่มน้อยได้มีโอกาสตอบสนอง เขาจู่โจมอย่างดิบเถื่อน ก้มลงชิมรสหวานจากริมฝีปากของกานต์ ร่างขาวเนียนถูกดึงเข้าหาอย่างไร้ความปรานี ธนินจับกานต์ให้แนบชิดกับขอบระเบียง มือใหญ่ลากไปตามแนวสันหลังเบาๆ ก่อนจะเพิ่มแรงบีบเค้นสร้างความรู้สึกถึงอำนาจที่เหนือกว่า "คืนนี้จะเป็นคืนที่นายจะจดจำไปตลอดชีวิต" เขาพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะเริ่มจู่โจมด้วยจูบและสัมผัสที่ดิบเถื่อนรุนแรงเร่าร้อน แต่เต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD