ธนินยืนอยู่ใต้ฝักบัวขนาดใหญ่ น้ำไหลลงมาที่แผงอกกว้าง ร่างสูงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ผิวสีแทนเป็นประกายเมื่อสะท้อนแสงจากน้ำ สายน้ำที่ไหลลงมาตามแนวกล้ามเนื้อของเขา คลึงเคล้าไปตามแผงอกที่กว้างและรอยสักที่ประดับอยู่บนร่างกายของเขา การเคลื่อนไหวของน้ำกระทบเส้นกล้ามเนื้อที่ชัดเจนและกระชับทำให้แต่ละลอนของน้ำไหลลงไปตามร่างกายเขาดูเซ็กซี่อย่างยิ่ง
น้ำเย็นที่ไหลลงมาจากฝักบัวทำให้ผิวเขาเปล่งประกายและสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน กล้ามท้องของเขาเป็นแนวลอนชัดเจน บ่งบอกถึงความแข็งแรงและความเพรียวบาง
ธนินยกมือขึ้นเช็ดน้ำจากใบหน้าและเสยผมออกจากหน้าผาก น้ำไหลจากเส้นผมไปตามลำคอและตกลงบนแผงอก การเคลื่อนไหวนี้ทำให้รู้สึกถึงความร้อนที่ยังคงอยู่ในตัวเขา แม้ว่าจะมีน้ำเย็นกระทบก็ตาม
เขาเสยผมของตัวเองที่ยังเปียกชื้น น้ำที่ไหลลงมาทำให้ผมของเขาติดกับใบหน้าและคอ ปล่อยให้หยดน้ำไหลลงมาตามใบหน้าและคอ ทำให้ผิวของเขาดูเย้ายวนใจ
ดวงตาของเขาเป็นประกาย สื่อถึงความอดกลั้นและความร้อนแรงที่ยังไม่สามารถระบายออกมาได้ ชายหนุ่มพยายามควบคุมตัวเอง รู้สึกถึงความต้องการที่รุนแรง
……………………………………………………………….
มิ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดเข้าไปในห้อง
"คุณกานต์ครับ เดี๋ยววันนี้ตามนายหัวขึ้นไปตรวจไม้บนเขาหน่อยนะครับ" มิ่งรายงานด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และนอบน้อม
กานต์ที่กำลังจัดการงานเอกสารอยู่หันมามอง มิ่งพลางพยักหน้าเบา ๆ
"ได้ครับ เดี๋ยวผมเตรียมตัวเลย" กานต์ตอบกลับพร้อมกับวางปากกาลงบนโต๊ะ และลุกขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางตามนายหัวขึ้นเขาไปตรวจงาน
มิ่งเดินนำกานต์มาได้ครึ่งทางก่อนจะหยุดและหันกลับมาพูดกับเขา "เดี๋ยวผมส่งเท่านี้นะครับคุณกานต์ ผมต้องรีบกลับไปดูงานอีกทางนึง ทางข้างหน้าไม่ยากและไม่อันตราย คุณกานต์แค่ตามทางนี้ไปอีกนิดเดียว พอเจอกระท่อมก็ไปรอนายหัวที่นั่นได้เลยครับ"
มิ่งย้ำอีกครั้ง "ข้างบนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะครับ อย่าเดินออกนอกเส้นทาง แค่ตรงไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงกระท่อมแล้ว"
กานต์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะมองตามมิ่งที่รีบเดินกลับไป ส่วนตัวเขาก็หันหน้าตรงไปตามเส้นทางที่มิ่งบอก ข้างหน้ามีเพียงป่าเขียวชอุ่มและเสียงลมพัดเบา ๆ ผ่านยอดไม้ เขาตั้งใจเดินต่อไปจนกว่าจะเจอกระท่อมที่เป็นจุดหมายของเขาในวันนี้
ภายในกระท่อมมีเพียงสิ่งของจำเป็นที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่าย ผลไม้ในตะกร้า ผ้าห่มเนื้อหยาบ แคร่ไม้ไผ่ที่พอจะใช้เป็นที่นอนได้ เก้าอี้ไม้เก่าๆ และเตาผิงเล็กๆ ที่มีกองไม้แห้งวางอยู่ใกล้ๆ กานต์จำคำที่มิ่งบอกได้ว่าต้องรอนายหัวที่นี่ เขาจึงเดินสำรวจภายในกระท่อมเล็กน้อย ก่อนจะหยิบผลไม้มากินประทังความหิว แต่ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มคืบคลานเข้ามาเมื่อเวลาผ่านไป
กานต์ไม่กล้าเดินออกไปตามหานายหัว จึงตัดสินใจนั่งรออยู่ในกระท่อม เวลาผ่านไปจนฟ้ามืด เขาเริ่มก่อไฟในเตาผิงเพื่อคลายความหนาว และพยายามใจเย็นรอคอย แต่นายหัวก็ยังไม่ปรากฏตัว จู่ๆ เสียงฝนก็เริ่มตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังสนั่นทำให้กานต์ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น เขานั่งชิดใกล้กองไฟ กอดตัวเองไว้เพื่อสร้างความอบอุ่นและปลอบประโลมใจ ไม่กล้าออกไปไหนนอกกระท่อมในขณะที่ฝนยังคงตกหนักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ
กานต์หันไปเห็นเทียนเก็บไว้อยู่มุมหนึ่งของกระท่อม เขาจึงลุกขึ้นไปหยิบเทียนเหล่านั้นมาและจุดไฟทีละเล่ม แสงเทียนที่อ่อนโยนทำให้บรรยากาศในกระท่อมดูอุ่นขึ้นเล็กน้อย
กานต์เดินไปรอบๆ ห้องเพื่อวางเทียนตามมุมต่างๆ แสงจากเทียนส่องสว่างพอให้เห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น เงาของเปลวเทียนเต้นระริกไปตามจังหวะลมที่พัดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้บรรยากาศดูน่าขนลุกและเงียบเหงา แต่กานต์ก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อล้อมรอบไปด้วยแสงเทียนที่อ่อนโยน เขานั่งลงใกล้กองไฟอีกครั้ง เฝ้ารอนายหัวที่ยังไม่ปรากฏตัว ในขณะที่ฝนภายนอกยังคงกระหน่ำอย่างไม่หยุดยั้ง
เสียงประตูไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดท่ามกลางความเงียบสงบในกระท่อม ทำให้กานต์สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันไปมองและเห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่ตรงประตู
ประตูเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของธนินที่ยืนเปียกปอนด้วยฝน เสื้อผ้าของเขาชุ่มน้ำจนแนบไปกับร่างกาย โชว์ให้เห็นกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อที่เปียกชื้น ผมสีเข้มของธนินเปียกน้ำจนลู่ไปตามใบหน้า แววตาคมเข้มจ้องมองตรงมายังกานต์ ทำให้บรรยากาศในกระท่อมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ฝนตกหนักเลยนะ”
ธนินเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาในกระท่อม เสียงของเขาทุ้มลึกและเยือกเย็น กานต์รู้สึกได้ถึงอำนาจที่แผ่ซ่านออกมาจากชายหนุ่มตรงหน้า เขาหลุบตาลงเล็กน้อยและกลืนน้ำลายเมื่อเห็นธนินค่อยๆ ปิดประตูและเดินตรงมาหาเขา
“คุณมานานหรือยัง?”
ธนินถามพลางสลัดน้ำฝนออกจากเสื้อ กานต์ยังคงนั่งนิ่งไม่กล้าตอบ น้ำเสียงและท่าทางของธนินทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น
บรรยากาศรอบตัวดูจะอุ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อธนินเดินเข้าไปใกล้เตาผิง กองไฟเล็กๆ ที่กานต์ก่อไว้ช่วยทำให้ร่างกายที่เปียกชื้นของธนินรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เขามองกานต์ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ ใบหน้าหวานของกานต์ดูมีอาการสับสนและตื่นเต้นเล็กน้อยภายใต้แสงเทียนที่ส่องสว่าง
ธนินยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางนั้นของกานต์
“อย่ากลัวไปเลย ฉันไม่กัดนายหรอก”
เขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน แต่ยังคงแฝงไปด้วยความหมายลึกล้ำที่ทำให้กานต์รู้สึกถึงความอันตรายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“เอ่อ ครับ...พอดีมิ่งมาส่ง"
กานต์ตอบเสียงเบา เขาพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติแม้จะรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่เริ่มคืบคลานเข้ามาในกระท่อม
คำว่า "มิ่ง" ดูเหมือนจะกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวธนิน ดวงตาคมเข้มของเขาไหววูบลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความสงบที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ธนินจ้องมองกานต์ที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นทีละก้าว ใบหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตอนนี้กลับดูมีแววที่แตกต่างออกไป
"คุณดูสนิทกับมิ่งดีนะ"
ธนินพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ชัดเจน แต่แฝงไว้ด้วยความลึกล้ำที่ทำให้กานต์รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป
"ครับ มิ่งเขาดูน่ารักดีนะ...ผมว่า" กานต์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ดวงตาคมเข้มของธนินจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของกานต์ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธนิน แต่ในใจของกานต์รู้สึกได้ถึงความไม่แน่นอนบางอย่างในคำพูดนั้น
กานต์หลบตาลงเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างในคำพูดของธนินที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะตอบโต้หรือพูดอะไรออกไป ธนินยืนอยู่ตรงนั้น มองกานต์อย่างไม่ละสายตา
ร่างสูงใหญ่ของธนินค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้กานต์อย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจและความรู้สึกที่ไม่อาจปกปิดได้ ดวงตาคมของเขาจับจ้องไปที่กานต์ ราวกับพยายามอ่านทุกความคิดในใจของหนุ่มหน้าหวานนั้น
เมื่อธนินหยุดอยู่ตรงหน้า ร่างที่เปียกชุ่มจากฝนทำให้กล้ามเนื้อที่แน่นและลอนชัดของเขาโดดเด่นมากขึ้น ผิวสีแทนเข้มเร้าใจสะท้อนแสงเทียนอ่อนๆ ในห้อง กานต์เงยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกที่ปะปน ทั้งหวาดหวั่นและตื่นเต้น
ในกระท่อมที่แสงเทียนไหววูบไปตามสายลมอ่อน เสียงฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย กานต์หายใจหนัก รู้สึกถึงความเปียกชื้นของน้ำฝนที่เกาะอยู่บนร่างกายของธนิน ธนินยืนอยู่ตรงหน้าเขา แผงอกกว้างกำยำเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เปียกชุ่ม น้ำฝนที่เกาะอยู่บนผิวของเขาไหลเป็นสายเล็กๆ ลงมาตามรอยสักที่เต็มแผงอกอย่างช้าๆ
แสงเทียนที่ริบหรี่ในห้องทำให้ทุกอย่างดูคลุมเครือและเย้ายวน ความอบอุ่นจากเตาผิงที่อยู่ในห้องไม่สามารถต้านทานความรู้สึกภายในที่ร้อนแรงของกานต์ได้
กานต์มองไปที่ธนินอย่างตะลึงงัน หัวใจเต้นแรงจนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นนอกจากเสียงของมัน เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ความรู้สึกที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเผชิญ ความสั่นไหวในใจที่เกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างธนิน ร่างกายของเขาสั่นน้อยๆ ขณะที่เขาพยายามปกปิดความรู้สึกที่ไม่คาดคิดนี้
ธนินก้มลงอย่างช้าๆ สายตาคมของเขาล็อกเข้ากับร่างบอบบางขาวโพลนตรงหน้า มือใหญ่เชยคางของกานต์ขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่แน่วแน่ หนุ่มน้อยหน้าหวานมองตอบด้วยดวงตาที่สั่นไหว ทั้งตื่นเต้นและกังวล ราวกับไม่อาจหลบสายตาที่ดูเหมือนจะมองลึกเข้าไปถึงหัวใจของเขาได้
"คุณกานต์..." ธนินเรียกเสียงนุ่ม แต่แฝงไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนเร้น ราวกับเสียงนั้นกระตุ้นให้หัวใจของกานต์เต้นแรงขึ้นทุกขณะ
แสงเทียนที่กระพริบไหวส่องให้เห็นประกายอ่อนโยนในดวงตาของธนิน แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรง ดวงตาทั้งคู่ประสานกันอยู่นาน เหมือนเวลาหยุดลงในช่วงขณะนั้น ราวกับไม่มีอะไรในโลกนี้นอกจากพวกเขาสองคน
ธนินกระซิบเสียงต่ำ
"นายรู้ไหม... ว่านายทำให้ฉันรู้สึกยังไงตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน"
เขาพูดพร้อมกับลูบไล้ปลายนิ้วไปตามคางของกานต์ เบาๆ ราวกับกำลังลิ้มลองสัมผัสอันหอมหวานนั้น
“คุณ...” กานต์พยายามจะพูดออกมา แต่เสียงของเขากลับติดขัด ไม่อาจปกปิดความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นได้
ธนินมองลึกเข้ามาในตาของกานต์ ยิ้มมุมปากอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“คุณรู้สึกถึงมันใช่ไหม...”
ธนินกระซิบเสียงทุ้มต่ำ ก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะเลื่อนขึ้นมาสัมผัสไล้ไปตามลำคอของกานต์ ลมหายใจของกานต์ติดขัด เขารู้สึกถึงความอุ่นและความหนักหน่วงจากสัมผัสของธนินที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
"ผม..."
กานต์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสั่นไหวกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ ความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันล้นหลามเกินกว่าที่เขาจะต้านทานได้
ธนินไม่ปล่อยให้ความลังเลของกานต์ยืดเยื้อ มือแข็งแกร่งค่อยๆ ดึงกานต์เข้ามาใกล้แนบชิด แผงอกกำยำของเขากระทบกับร่างเพรียวบางของกานต์ น้ำฝนที่เกาะอยู่บนร่างของทั้งสองทำให้ทุกสัมผัสรู้สึกเย็นชื้น แต่กลับสร้างความร้อนแรงในหัวใจที่มากกว่าเดิม
“อย่าฝืนความรู้สึกของตัวเอง”
ธนินกระซิบอย่างดิบเถื่อน ก่อนจะโน้มตัวลงมาและจูบกานต์อย่างรุนแรงและเร่าร้อน ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในจูบนั้นทำให้กานต์ลืมทุกอย่าง และยอมปล่อยตัวเองให้ละลายในอ้อมแขนของชายคนนี้
กานต์รู้สึกถึงแรงจูบดิบเถื่อนของธนินที่ครอบครองริมฝีปากเขาอย่างไม่ให้โอกาสหนี เสียงฝนกระหน่ำยังคงดังระงมภายนอก แต่ภายในกระท่อมเล็กๆ นี้ กลับมีแต่เสียงลมหายใจที่หนักหน่วงและเสียงครางเบาๆ ของกานต์ที่หนีไม่พ้นความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่
มือของธนินรั้งเอวของกานต์เข้ามาใกล้ ร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดกันอย่างแน่นหนา ผิวกายเปียกน้ำของพวกเขาสัมผัสกันอย่างชัดเจน ความเย็นของน้ำฝนที่เกาะอยู่กลับไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่ค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างของกานต์ได้
กานต์พยายามดิ้นรน ร่างกายของเขาขยับไปตามแรงที่ธนินรั้งเข้ามา แต่การดิ้นรนนั้นกลับดูไร้ประโยชน์ มือของเขาที่ถูกมัดอยู่ข้างหลังไม่สามารถหนีจากสัมผัสของชายอีกคนได้ ธนินกดเขาเข้ากับกำแพงไม้ของกระท่อม สายฝนที่สาดเข้ามาจากช่องหน้าต่างทำให้ร่างกายของพวกเขาชื้นเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ไม่สามารถดับความเร่าร้อนในใจของกานต์ได้
“ปล่อย...คุณธนิน ปล่อยผม...”
กานต์พูดเสียงเบาหวิว สับสนและหวั่นไหวไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลึกๆ ในใจกลับรู้สึกถึงความร้อนแรงที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ริมฝีปากของเขายังคงสั่นระริกจากการจูบของธนิน
“คุณต้องการผม... กานต์”
ธนินพูดเสียงทุ้มต่ำ ขณะที่มือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของกานต์อย่างรุนแรงและหนักแน่น สัมผัสทุกสัมผัสเหมือนเป็นคำสั่งให้ร่างกายของกานต์ยอมจำนน
กานต์พยายามจะขัดขืนอีกครั้ง แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับถูกหยุดด้วยมือแข็งแกร่งของธนินที่กดเขาไว้แน่น เสียงหายใจของเขาหนักหน่วง ร่างกายของเขาเริ่มตอบสนองต่อสิ่งที่ธนินทำกับเขา ทั้งๆ ที่สมองสั่งให้ปฏิเสธ แต่หัวใจกลับเริ่มหวั่นไหวไปกับทุกสัมผัส
“คุณหลอกผมมา...”
กานต์ครางออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน น้ำเสียงที่สะท้อนถึงความไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ธนินกลับยิ้มบางๆ
“ผมไม่ได้หลอกคุณ... กานต์ คุณรู้สึกแบบเดียวกับผม”
ธนินกระซิบใกล้ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบที่ซอกคอของกานต์อย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกที่ธนินถ่ายทอดผ่านทุกสัมผัสทำให้กานต์ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
กานต์หลับตาลง ความรู้สึกวูบวาบภายในร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาละลายลงในอ้อมแขนของธนินที่ปรนเปรอรักให้เขาอย่างเร่าร้อนและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างกายของเขาถูกธนินครอบครองอย่างสิ้นเชิง ทุกสัมผัสทำให้กานต์ไม่อาจต้านทานความรู้สึกที่ธนินปลุกเร้าได้อีกต่อไป
ร่างกายของเขาไม่อาจหนีจากการครอบงำของธนินได้ เสียงฝนที่ตกหนักกลบทุกเสียงในกระท่อม เว้นแต่เสียงครางกระเส่าของเขาและลมหายใจร้อนผ่าวของธนินที่อยู่ใกล้ชิดจนเขารู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างใหญ่ของอีกฝ่าย
“คุณ...คุณธนิน...นะ นายหัว”
กานต์เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่สั่นเทา ความสับสนและความหวาดกลัวกำลังต่อสู้กับความปรารถนาที่เริ่มจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ธนินลูบไล้ไปตามร่างของกานต์ มือที่แข็งแกร่งและแนบเนียนสัมผัสไปทุกส่วนที่ยังไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อน
“เงียบเถอะ... ผมรู้ว่าคุณต้องการมัน”
ธนินกระซิบเสียงแหบพร่า ขณะที่ริมฝีปากของเขาประทับลงบนต้นคอของกานต์ ทิ้งรอยแดงไว้ตามทางที่จูบ กานต์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่อาจหนีจากสัมผัสที่ดิบเถื่อนและหนักแน่นนี้ได้อีกต่อไป ความร้อนในร่างกายของเขาแผ่ซ่านไปทุกส่วน ความรู้สึกวูบวาบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ผม... ผมไม่เคยคิด..."
กานต์พยายามจะปฏิเสธทั้งที่ร่างกายเริ่มทรยศเขาเอง ดวงตาของเขาหลับลงเมื่อริมฝีปากร้อนของธนินสัมผัสไปทั่วร่าง สัมผัสนั้นลุกลามอย่างรวดเร็ว จนกานต์ไม่อาจหนีได้อีกต่อไป ทุกสัมผัสเหมือนคำสั่งที่ร่างกายของเขายอมปฏิบัติตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
ธนินหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เสียงนั้นทุ้มต่ำจนทำให้กานต์ยิ่งรู้สึกเหมือนติดอยู่ในกรงขังของความปรารถนาที่เขาไม่เคยเข้าใจมาก่อน ธนินเลื่อนมือใหญ่ขึ้นมาจับปลายคางของกานต์ บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับตน ดวงตาคมของธนินฉายแววความต้องการที่ชัดเจน "ผมจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก... อย่าต้านเลย"
กานต์พยายามดิ้นรนหนีอีกครั้ง แต่ความรู้สึกที่ถูกปรนเปรออย่างไม่หยุดหย่อนทำให้เขาอ่อนแรง ร่างกายที่ถูกตรึงไว้ด้วยมือของธนินเริ่มตอบสนองอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ความต้องการที่ซ่อนอยู่ลึกภายในตัวเขาถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรง จนเขารู้สึกเหมือนจะหลอมละลายลงในอ้อมแขนของชายคนนี้
ธนินกดริมฝีปากลงอย่างหนักหน่วงบนริมฝีปากของกานต์ จูบครั้งนี้ดิบเถื่อนและเร่าร้อนกว่าทุกครั้งก่อนหน้านี้ กานต์ที่เคยดิ้นรนขัดขืนกลับค่อยๆ ละลายลงในอ้อมแขนของธนินอย่างช้าๆ เขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง ร่างกายเขาถูกครอบครองอย่างสมบูรณ์ เสียงครางที่ขาดห้วงเป็นสัญญาณของความพ่ายแพ้ที่เขายอมจำนนต่อความรู้สึกนี้
ภายในกระท่อมที่แสนเปียกชื้นจากสายฝนภายนอก อุณหภูมิของความเร่าร้อนภายในกลับเพิ่มสูงขึ้น กานต์ปล่อยให้ธนินครอบงำและนำทางเขาไปสู่โลกของความปรารถนาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ร่างกายของเขาถูกปรนเปรอรักอย่างเร่าร้อนจนไม่อาจหวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกต่อไป
เสียงฝนที่ตกกระหน่ำจากภายนอกกลายเป็นเสียงเดียวที่กานต์สามารถยึดเหนี่ยวได้ในยามนี้ หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ขณะที่ร่างใหญ่ของธนินยังคงครอบครองเขาอย่างสมบูรณ์ ธนินก้มหน้ามองกานต์ที่นอนราบอยู่ใต้ร่าง สายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยความกระหายและเร่าร้อนนั้นไม่สามารถปิดบังความต้องการของเขาได้อีกต่อไป
มือของธนินเคลื่อนจากคางของกานต์ลงมาลูบไล้ตามลำตัว ผิวขาวเนียนของกานต์ตัดกับมือหยาบกร้านของธนินที่กดไล้ลงอย่างแนบแน่น ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความครอบครองและความต้องการที่ดิบเถื่อน
กานต์พยายามหันหน้าหนี แต่ไม่อาจหนีพ้นธนินที่กำลังดึงเขากลับมาอีกครั้ง เขากัดริมฝีปากตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงครางหลุดออกมา แต่ธนินก็รู้ทัน ชายหนุ่มร่างกำยำก้มลงประกบปากอีกครั้ง คราวนี้ลิ้นของเขาเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ บังคับให้กานต์เปิดรับและยอมจำนนอย่างเต็มใจ
“อย่าต้าน... คุณต้องการมัน”
ธนินกระซิบเสียงทุ้มต่ำ ลมหายใจอุ่นร้อนพาดผ่านลำคอของกานต์ที่ตอนนี้แดงระเรื่อไปด้วยความปรารถนาอันรุนแรง กานต์พยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่การขัดขืนของเขาช่างอ่อนแรงเกินไป
“คุณหลอกผม... ทำไม...”
กานต์ครางออกมาในที่สุด ดวงตาของเขามองธนินด้วยความสับสน แต่ในสายตาของเขากลับแฝงไปด้วยความต้องการที่เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน แต่กลับดึงดูดเขาเข้าไปในโลกที่ไม่คุ้นเคย
ธนินหัวเราะเบาๆ ขณะที่มือของเขายังคงไล้ไปทั่วร่างกานต์
“ผมไม่ได้หลอกคุณหรอก... คุณก็รู้ดีว่าคุณต้องการมัน”
กานต์สั่นไหว ขณะที่ความรู้สึกอ่อนแอในร่างกายทำให้เขาไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป มือใหญ่ของธนินยังคงลูบไล้และครอบครองเขาอย่างต่อเนื่อง กานต์รู้สึกเหมือนจะหลอมละลายลงไปในสัมผัสนั้น เสียงฝนที่ตกหนักภายนอกกระท่อมยังคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงเขากับความเป็นจริง แต่ร่างกายของเขาตอนนี้กลับอยู่ในโลกของธนินอย่างเต็มที่
ธนินดึงกานต์เข้ามาประชิด จูบหนักหน่วงจนกานต์ไม่อาจหายใจได้เต็มปอด เสียงครางเบาๆ หลุดจากลำคอของเขา ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะถูกดึงดูดเข้าสู่ความร้อนแรงที่ไม่อาจหนีได้ ร่างกายของเขาละลายลงในอ้อมแขนของชายที่ครั้งหนึ่งเขาคิดว่าจะไม่มีวันยอมแพ้
ธนินยิ้มมุมปากเมื่อเห็นกานต์ที่เคยแข็งขืนบัดนี้อ่อนระทวยในอ้อมแขนของเขา ฝนยังคงตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน สายฝนที่โปรยปรายสร้างเสียงดังก้องไปทั่วกระท่อม แต่มันไม่อาจกลบเสียงลมหายใจที่หนักและกระชั้นของกานต์ได้ ขณะที่ธนินก้มลงขบเม้มที่ลำคอขาวนั้นอย่างแผ่วเบา แต่ทิ้งรอยไว้ชัดเจน
“ผมไม่เคย... ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน”
กานต์หอบหายใจ ลมหายใจของเขาสั่นสะท้าน ร่างกายที่เคยต่อต้านและพยายามหนีออกจากสถานการณ์นี้กลับหักหลังตัวเองด้วยความต้องการที่เริ่มก่อตัวขึ้นทุกขณะ
ธนินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กระชับร่างกายอ่อนโยนของกานต์เข้ามาใกล้มากขึ้น มือหยาบกร้านของเขาเคลื่อนไปตามแผ่นหลังขาวเนียนของกานต์อย่างเชื่องช้าและมั่นคง ร่างกายกำยำของเขากดทับเหนือกานต์ราวกับจะปกป้องและครอบครองไว้ในคราเดียวกัน ทุกสัมผัสที่ธนินมอบให้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนที่ผสมผสานกับความอ่อนโยนอย่างบ้าคลั่ง
กานต์ที่พยายามหันหน้าหนีมาตลอด ตอนนี้กลับยอมรับความใกล้ชิดนั้นโดยไม่รู้ตัว เขากัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับเสียงครางที่กำลังจะหลุดออกมา แต่ทว่า ธนินไม่ยอมให้ความพยายามนั้นเป็นผล เขาขยับร่างเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น สัมผัสอุ่นร้อนจากธนินส่งผ่านเข้ามาในร่างกายของกานต์จนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
“อย่ากลัวไปเลย กานต์”
ธนินกระซิบเสียงแหบพร่า ลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบเข้าหูของกานต์ทำให้เขาขนลุกไปทั้งร่าง
“ผมจะทำให้คุณลืมทุกอย่าง...”
ก่อนที่กานต์จะทันตอบ ริมฝีปากของธนินก็กดลงบนของเขาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพียงการจูบธรรมดา แต่เป็นการครอบครองอย่างเต็มรูปแบบที่ทำให้กานต์ไม่สามารถหายใจได้ ร่างของเขาถูกตรึงแน่นไว้กับพื้นกระท่อม ความเย็นจากสายฝนที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างตัดกับความร้อนที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายของเขาเอง
กานต์พยายามดึงสติตัวเองกลับมา แต่ทุกครั้งที่เขาคิดจะผลักไส ความอ่อนโยนที่ปนกับความรุนแรงของธนินก็ทำให้เขากลับสู่ความหวั่นไหวอีกครั้ง แขนขาที่เคยพยายามผลักไสนั้นเริ่มหมดแรงและยอมให้ธนินเข้ามาแทนที่
เสียงครางที่ถูกกลั้นมานานหลุดออกมาจากปากของกานต์ในที่สุด ร่างกายของเขาสั่นระริกด้วยความต้องการที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และในเวลานั้นเอง เขาก็รู้ว่าไม่อาจหวนกลับไปยังที่เดิมได้อีกต่อไป
ธนินมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เร่าร้อน และสายตานั้นก็แฝงไปด้วยความหลงใหลที่ไม่อาจซ่อนเร้น ความดิบเถื่อนของเขาถูกถ่ายทอดผ่านทุกสัมผัส ขณะที่กานต์ค่อยๆ ละลายอยู่ใต้ร่างนั้น