อ้อมกอดอุ่น

1703 Words
ตอนที่ 9 อ้อมกอดอุ่นในความฝัน ลู่เหลียนมอบยาชนิดหนึ่งในแก่อ๋องแปด ยานี้ต้องสกัดจากสมุนไพรเก้าชนิดที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อครั้งที่นางจะสกัดยาตามตำรายังจะต้องเดินทางข้ามเขตแดนไปหลายเมืองเพื่อค้นหาพืชทั้งเก้าชนิด ที่กระจายอยู่ตามป่าเขาทั่วทั้งแคว้น กว่าจะสกัดได้แต่ละหยดนั้นนับว่ายากลำบากเสียยิ่งกว่าตอนไปหาของเหล่านี้เสียอีก เพราะพืชแต่ละชนิดนั้นเป็นพืชที่แห้งไม่โอบอุ้มน้ำเท่าไรนัก “ยานี้ เมื่อผู้ใดกินเข้าไปจะเห็นภาพลวงตา” จุดประสงค์ของนางก็เพื่อให้กุนซือผู้นั้นคายความลับออกมาให้ได้ หากเขาคิดคดทรยศต่อแผ่นดิน อย่างไรเสียอ๋องแปดย่อมต้องได้รู้ความจริงก็คราวนี้ หญิงสาวยอมตัดใจมอบยาหายากนี้ให้แก่ชายหนุ่มเพราะเห็นแก่บ้านเมือง อย่างไรเสียหากแคว้นลุกเป็นไฟ ตัวนางคงไม่พ้นต้องเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุขเช่นกัน “ข้ากังวลใจนัก หากเป็นเช่นที่ข้าคิด เจ้าคิดว่าข้าควรทำเช่นไร” ลำบากในกองทัพร่วมกันมานานหลายปี อย่างไรเสียเขาก็มองอีกฝ่ายเป็นสหายคนหนึ่ง หากถูกทรยศจริงเขาคงรู้สึกเสียใจไม่น้อยนัก มิตรภาพที่ดีที่เขามอบให้คงหมดความหมายเพราะความเห็นแก่ตัวของคนผู้เดียว “ท่านอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกเช่นไร แต่หากเขาเป็นดั่งที่ท่านคิดเล่า ท่านจะทำเช่นไร” อ๋องหนุ่มแต่เดิมทีหาได้มีนิสัยโหดเหี้ยมเลือดเย็น ข้อนี้ทำให้นางกังวลกลัวว่าเขาจะใจอ่อนต่อสหายผู้นั้น หากไม่สังหารเขาทิ้งก็ย่อมต้องหลอกใช้คนผู้นั้นให้เกิดประโยชน์ อย่างไรเสียก็ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง “ข้าควรสังหารเขาหรือไว้ชีวิตเขาดี” “ท่านไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาให้ตาย บางทีในภายภาคหน้าเขาอาจมีประโยชน์ต่อท่าน คิดดูเถิดท่านอ๋อง ท่านอาจสืบรู้แผนการของอีกฝ่ายจากคนผู้นี้ได้” การแปรพักตร์ของกุนซือผู้นั้น เขาย่อมต้องติดต่อกับกองทัพชนเผ่าอย่างลับๆโดยไม่ให้ผู้ใดรู้ หากไม่ระแคะระคายขึ้นมาสิ่งที่เขาทำก็จะเล็ดลอดสายตาไปโดยง่าย แต่หากจับตาดูอย่างใกล้ชิด อย่างไรเสียนางเชื่อว่าต้องพบความผิดปกตินั้นแน่นอน ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วไร้ร่องรอยให้พบเห็น ต่อให้กุนซือผู้นั้นจะมีปัญญาเฉียบแหลมจนชี้เป็นชี้ตายให้กองทัพได้ แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าเสมอ เขาไม่มีทางปกปิดความชั่วช้าที่กระทำอยู่ได้ คนเนรคุณแผ่นดินเกิด ย่อมต้องได้รับโทษจากสวรรค์ “เจ้ามีปัญญากว่าข้านัก ช่างน่าละอายที่ข้ามาขอความช่วยเหลือจากสตรีเช่นนี้’ เขากล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมอง หากชีวิตนี้ไร้ลู่เหลียน ตัวเขาคงไร้ที่พึ่ง “อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ท่านกับข้านับว่าเป็นสหาย เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์ หากข้านิ่งเฉยต่อปัญหาที่ท่านเผชิญ อาจารย์ของพวกเราคงไม่สบายใจ” ลู่เหลียนกล่าวด้วยปลอบโยนชายหนุ่ม ไม่คิดว่าเพียงไม่กี่วันเขาจะดูซูบผอมลงไปมาก แววตาที่เหนื่อยล้าของเขายามเหม่อมองไปยังเบื้องหน้า ทำให้หญิงสาวอดสงสารเห็นใจไม่ได้ “ท่านอ๋อง ข้าลู่เหลียนผู้นี้ ขอสาบานว่าจะไม่มีวันทรยศต่อท่านและจะเป็นสหายที่ดีต่อท่านตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะฉะนั้นท่านอย่าได้รู้สึกว่าตัวท่านโดดเดี่ยวอีกเลย” นางกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่น ความจริงใจที่ส่งแผ่มา ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งกาย เขามีรอยยิ้มบางก่อนที่จะกล่าวขึ้น “ขอบใจเจ้ามาก สหายของข้า” ถานเอ๋อร์ยังไม่กลับมา ทำให้ค่ำคืนนี้นางต้องอยู่ในห้องเพียงลำพังดังเช่นคืนก่อนๆ ลู่เหลียนอ่านตำราไปครึ่งเล่มก็เริ่มรู้สึกตาลายและเริ่มง่วงขึ้นมา นางจึงขยับกายนอนลงและดึงผ้าห่มปิดถึงหน้าอก นางเหม่อมองเพดานสูงก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับใครบางคนที่เดินออกมาจากมุมมืด ความอบอุ่นที่ได้รับ ทำให้หญิงสาวเผลอซุกกายเข้าหาสิ่งนั้น ราวกับลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากมารดา ใบหน้างามมีรอยยิ้มบางประดับราวคนที่กำลังมีความสุข ในความฝันที่แสนเลือนราง นางกำลังถูกโอบกอดโดยบุรุษผู้หนึ่ง ใบหน้าเขาไม่ชัดเจนนักแต่ทว่านางกลับรู้สึกอุ่นใจยิ่งที่ได้อยู่ในอ้อมแขนแกร่งนี้ …ริมฝีปากนั้นประทับลงมาที่หน้าผาก ก่อนไล้ลงมาที่ปลายจมูก ก่อนประกบลงที่ริมฝีปากอย่างบางเบา หญิงสาวรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง นางหลับตาพริ้มรับรสจุมพิตที่หอมหวานอย่างเต็มใจ ฝันนี้ทำให้นางอยากที่จะหลับใหลไปชั่วนิรันดร์ “เหลียนเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า” เสียงชายผู้นั้นก้องอยู่ในห้วงฝันของนาง หญิงสาวเผยรอยยิ้มหวานก่อนโน้มลำคอเขาเข้ามาใกล้เพื่อชิมรสชาติหอมหวานตราตรึงนั้นอีกครั้ง เนิ่นนานเพียงใดไม่รู้ได้ ในที่สุดแสงสว่างที่วาบเข้ามาอย่างกะทันหันก็ทำให้ชายผู้นั้นเลือนหายไป พร้อมๆกับที่เปลือกตาของหญิงสาวเปิดขึ้นเพื่อตื่นมาในโลกแห่งความจริง ลู่เหลียนลุกขึ้นนั่ง นางแตะริมฝีปากนั้นพลางนึกทบทวนความฝันแสนหวานด้วยใบหน้าแดงก่ำ แม้ภาพในฝันจะเลือนราง แต่ทว่าสัมผัสกลับหนักแน่นราวกับว่ามันได้เกิดขึ้นจริง ทั้งอ้อมกอด รสจูบ สัมผัสพวกนั้นนางยังรู้สึกได้อยู่ราวกับว่าถูกติดตามออกมาจากความฝัน ให้ตายเถิด…เหตุใดพักนี้ถึงได้ฝันแปลกประหลาดนัก หรือเพราะนางห่างหายจากสัมผัสบุรุษมานาน ถึงได้คิดฟุ้งซ่านจนเก็บไปฝันกัน ไม่จริงน่า! นับตั้งแต่ถูกจ้าวเยว่ฉินตัดขาดความสัมพันธ์ นางก็หาได้คิดเรื่องรักใคร่กับบุรุษใดอีก เพราะฉะนั้นนางมั่นใจว่าจิตใต้สำนึกของนางไม่ได้คิดเรื่องพรรค์นั้นสักนิด แล้วเหตุใดถึงเก็บไปฝันได้ หยิงสาวสะบัดศรีษะไร้ความคิดไร้สาระก่อนลุกจากเตียง แต่ทว่าเพราะช่วงนี้ท้องเริ่มโตขึ้นมาก ทำให้สุขภาพนางเริ่มถอดถอยไม่ปกติดังคนธรรมดาทั่วไป เมื่อลุกเร็วจึงเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาอย่างกะทันหัน หญิงสาวเกาะเสาเตียงไว้แน่นก่อนจะหลับตาลง เมื่ออาการดีขึ้นจึงได้ไปแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย “นายหญิง สำรับเช้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” “วันนี้มีอะไรกินบ้าง” นางเอ่ยถามบ่าวที่กำลังเตรียมผ้าและอาภรณ์อยู่หลังฉากกั้น “ไก่ตุ๋นสมุนไพรกับเต้าหู้ผัดเจ้าค่ะ” เพียงแค่ได้ยินรายชื่ออาหาร ท้องที่หิวโหยก็ร้องประท้วงขึ้นมา ลู่เหลียนรีบแต่งกายก่อนเดินตรงไปยังโถงเรือนใหญ่เพื่อรับประทานอาหาร ทุกอย่างถูกเตรียมอย่างพิถีพิถัน ไก่ที่นางชอบต้องไร้หนัง ส่วนเต้าหู้ต้องนำไปทอดกรอบก่อนนำไปผัด รายละเอียดเหล่านี้พ่อครัวไม่น่ารู้ได้ด้วยตนเอง …คงเป็นถานเอ๋อร์ที่กำชับเอาไว้เป็นแน่ “นายหญิงจะรับอะไรเพิ่มหรือไม่เจ้าคะ” “บอกพ่อครัวให้เตรียมขนมกุ้ยฮวาให้ข้าด้วย” นางกล่าวกับบ่าวรับใช้ก่อนลงมือรับประทานอาหารเพียงลำพัง หากเป็นเมื่อครั้งที่นางยังอยู่ในจวนสกุลจ้าว ป่านนี้คงรายล้อมไปด้วยฮูหยินผู้เฒ่า แม่สามีและพ่อสามี คิดแล้วก็น่าเศร้าใจนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งสามจะเป็นเช่นไรบ้าง โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่า ที่นางเป็นห่วงมากกว่าผู้ใด อีกฝ่ายสุขภาพไม่แข็งแรงนัก ทั้งยังเอาแต่ใจและเอาใจได้ยากยิ่ง นางกลัวว่าผู้อื่นจะรำคาญหญิงชราและไม่เข้าใจอีกฝ่ายดังเช่นที่นางนั้นเข้าใจ ลู่เหลียนคิดแล้วก็ได้แต่กังวล อิงหยวนคงไม่คิดยุ่งวุ่นวายกับทั้งสามเพราะนั่นหาใช่เป้าหมายของนางไม่ ส่วนจูเพ่ยเพ่ยนั้นดูท่าทางแล้วคงจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารำคาญเสียเปล่าๆ คงหวังพึ่งให้ช่วยดูแลปรนนิบัติไม่ได้ ครั้นจะให้นางกลับเยี่ยมเยียน นางก็คิดว่าคงไม่เหมาะสมนัก อย่างไรเสียนางก็หมดสิ้นความเป็นคนของตระกูลจ้าวแล้ว จะให้กลับไปในฐานะอะไรเล่า อีกอย่าง จ้าวเยว่ฉินคงไม่พอใจหากต้องพบหน้านางอีกครั้ง คิดแล้วก็สะท้านในอก นางทั้งรักและเกลียดชังบุรุษผู้นั้นจนไม่อาจตอบได้ว่าความรู้สึกใดมากกว่ากัน ยามนึกถึงห้วงเวลาแห่งความสุข ใจนางก็ยังฟูฟ่องทุกครั้ง แต่ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาทำกับนาง ภาพที่เขาตระกองกอดสตรีอื่น มันทำให้ใจของนางร้าวรานเกินทานทน นางควรลืมลืมบุรุษผู้ชั่วช้าผู้นั้รนให้หมดสิ้นจากใจเสียที หญิงสาวอยากลืมเลือนจ้าวเยว่ฉินให้ได้ในเร็ววัน แต่หาใช่เรื่องง่ายไม่ ความรักความผูกพันธ์ใช่สิ่งที่จะตัดขาดได้เพียงพริบตา ยิ่งมีสายเลือดของเขาติดท้องมาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความรู้สึกของนางสลัดออกยากยิ่งขึ้นไป แต่เอาเถิด นี่หาใช่เวลามานั่งรำพึงรำพันถึงบุรุษผู้นั้นไม่ นางยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ เสร็จจากอาหารมื้อนี้ นางยังต้องไปรอพบอ๋องแปดที่ศาลาริมน้ำอีก ครั้นจะให้ชายหนุ่มเข้ามาในเรือนก็คงไม่เหมาะสมนัก ยามนี้ถานเอ๋อร์ไม่อยู่ นางเองก็ไม่ไว้ใจบ่าวคนอื่น เพราะเรื่องที่นางและท่านอ๋องต้องเจรจากันนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของบ้านเมืองทั้งสิ้น หากมีคนไม่หวังดีนำความนี้ไปเผยแพร่ คงส่งผลกระทบไม่น้อย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD