หญิงม่ายเนื้อหอม

1769 Words
ตอนที่ 4 หญิงม่ายเนื้อหอม หลังจากเดินทางมาถึงเมืองนี้ได้เกือบเดือน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางและถานเอ๋อร์ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาที่ตลาดในเมือง หญิงสาวทั้งสองแต่งกายด้วยโทนสีหมองหม่นเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่นมากจนเกินไป ทั้งความงามที่ไม่ธรรมดาของลู่เหลียนทำให้นางจำต้องใส่หมวกที่มีผ้าบางๆ กั้นเพื่อปิดบังใบหน้าเอาไว้ แม้นางจะเป็นหญิงม่าย แต่นางก็ไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับบุรุษใดในเวลานี้ อีกทั้งหญิงม่ายลูกติดเช่นนาง ย่อมต้องโดนรังเกียจเป็นแน่ “ถานเอ๋อร์ เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าที่นี่ไม่มีโรงหมอเลย” หญิงสาวกล่าวกับบ่าวรับใช้ที่เดินตามหลังมาติดๆ เมืองนี้แทบจะไม่มีคนชราและเด็กให้เห็นเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังมีสตรีน้อยนิดแทบจะนับได้ หากไม่รวมหอนางโลมที่อยู่ตรงหน้า เมืองนี้ก็คงคล้ายเมืองที่ร้างราหญิงสาว สองนายบ่าวเดินผ่านหอนางโลมที่เต็มไปด้วยสาวงามด้านใน บุรุษที่ย่างกลายเข้ามาที่นี่ล้วนมาเพื่อหาความสำราญเท่านั้น สตรีขายเรือนร่าง ผู้ใดเล่าจะยอมรับนำกลับไปเป็นภรรยาได้ ลู่เหลียนไม่ได้ใส่ใจเหล่าหญิงงามที่ร้องเรียกแขกอยู่ด้านหน้า จังหวะที่นางและถานเอ๋อร์กำลังจะเดินไปยังร้านเครื่องประดับ ลมหอบใหญ่ก็พัดผ่านมาทำให้หมวกที่นางสวมใส่อยู่ปลิวหลุดลอยไป เผยให้เห็นใบหน้างามที่ชวนมองยากละสายตา “โอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน แม่นาง” เสียงแหลมเล็กเอ่ยรั้งหญิงงาม ราวกับเห็นสิ่งมีค่าที่ตกหล่นและอดไม่ได้ที่จะหยิบฉวย แม่เล้าวัยกลางคนก็รีบตรงรี่เข้ามาหาหญิงสาวทั้งสองทันที ถานเอ๋อร์มองหญิงชั้นต่ำด้วยสายตาไม่พอใจ นางเตรียมจะสั่งสอนคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะแต่เพราะลู่เหลียนห้ามเอาไว้อีกเช่นเคย นางจึงทำให้แค่อดทน “แม่นางผู้นี้ ไม่ทราบว่าท่านชื่อแซ่อะไร” “เจ้าจะรู้ไปทำไม!” ถานเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำเอาแม่เล้าหน้าขาวสะดุ้ง แต่กระนั้นก็ยังคงหน้าหนาตื๊อถามหญิงสาวที่ยืนนิ่งมองด้วยสายตาราบเรียบ ดอกไม้งามเช่นนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร “แม่นาง รู้หรือไม่ว่าหญิงงามที่นี่มีรายได้เท่าใดกันบ้าง” เพียงแค่สตรีตรงหน้ากล่าวออกมาสั้นๆ ลุ่เหลียนก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้ต้องการสิ่งใดจากนาง หญิงสาวรู้สึกไม่ดีนักที่ถูกทาบทามเช่นนี้ แต่กระนั้นก็ไม่แสดงท่าทีโกรธเคืองให้เห็น นางยกยิ้มบางเบาราวคนใจเย็น ก่อนเอ่ยตอบ “ข้าไม่รู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าคงไม่มากพอที่จะไถ่ถอนตัวเองออกไปจากที่นี่ได้” แม่เล้าเจ้าเล่ห์ยิ้มชะงักจืดเจื่อนเมื่อได้ยินคำกล่าวของลู่เหลียน แม้ชีวิตต้องตกระกำลำบากเช่นไร นางก็ไม่ขายเรือนร่างให้บุรุษมากหน้าเชยชมเด็ดขาด ร่างกายของนางมีไว้เพื่อมอบให้แก่บุรุษที่นางรัก แต่ทว่าน่าเสียดายนักที่บุรุษผู้นั้นกลับไม่เห็นค่า เขาลุ่มหลงสตรีอื่นจนลืมเลือนนางในระยะเวลาอันแสนสั้น “โธ่ แม่นาง เพราะอยู่ที่นี่อยู่ดีมีสุข หญิงงามพวกนั้นจึงไม่อยากจากไป” อยู่ดีมีสุขงั้นหรือ? ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงเช่นนั้น ใบหน้าที่เศร้าหมอง แววตาที่แสนข่มขื่น นางมองออกว่าสตรีเหล่านี้หาได้มีความสุข คนกินดีจะผอมบางเช่นนั้นหรือ คนมีสุขจะมีแววตาหมองหม่นเช่นนั้นได้อย่างไร นางหาใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกมองไม่รู้ “ท่านต้องการสิ่งใดจากข้าหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา นางไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานเกินไปเกรงว่าจะดูไม่ดีนัก อีกทั้งยามนี้ยังมีสายตาบุรุษหลากหลายอารมณ์มองจ้องมาที่นาง ทำให้ความรู้สึกอึดอัดเริ่มก่อตัวในใจ ถานเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแม่เล้าอ้ำอึ้ง ไม่กล้ากล่าวตามตรงว่าต้องการหญิงสาวไปเป็นดอกไม้ประดับหอโคมเขียว นางก็ตัดสินใจพาคุณหนูเดินออกมา ตามหลังด้วยเสียงเล็กแหลมที่พยายามเรียกรั้งนางทั้งสอง เมื่อเห็นว่าดอกไม้งามปลิดปลิวลอยหลุดมือไปก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย พักนี้หอโคมเขียวมีลูกค้าเพียงน้อยนิด ทั้งนางโลมที่มีอยู่ก็อายุล่วงเลยวัยออกเรือนเข้าไปทุกที สตรีงามแรกแย้มก็หาได้ยากยิ่ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หอโคมเขียวนี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน คิดแล้วก็เศร้าใจ กว่าจะปลุกปั้นจนกลายเป็นอันดับหนึ่งในเมืองได้ก็ช่างยากเย็น แต่ยามนี้กลับคล้ายจะพังทลายลงอย่างง่ายดาย ด้านลู่เหลียนนางมองท่าทางไม่สบอารมณ์ของถานเอ๋อร์ด้วยสายตาขบขัน หญิงสาวหน้างอง้ำ คิ้วสวยขมวดแน่น สตรีผู้นั้นน่าตายยิ่งนัก การกระทำเมื่อครู่ของแม่เล้าน่าตาย ทำให้ถานเอ๋อร์รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากที่คุณหนูของนางคล้ายถูกเหยียดหยาม ชีวิตหญิงม่ายน่าเศร้ามากพอแล้ว ยังถูกซ้ำเติมความรู้สึกจากคนชั้นต่ำผู้นั้นอีก แต่ทว่าลู่เหลียนกลับหาได้ใส่ใจ แม้นางจะไม่ชอบใจเท่าใดนักที่ถูกทาบทาม แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้เก็บมาคิด “ช่างเถิดถานเอ๋อร์ ข้าว่าเจ้าสงบสติอารมณ์หน่อยเถิด” นางรู้สึกอึดอัดเพราะพลังลมปราณดำมืดที่แผ่ออกมาจากร่างกายบ่าวรับใช้สาว ถานเอ๋อร์เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของคุณหนู นางก็รีบถอยห่างทันที “คุณหนู บ่าวขออภัย” “ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงใยข้า” ที่ผ่านมาก็มีเพียงถานเอ๋อร์ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลไม่ห่าง ทั้งยังปกป้องนางจากอันตรายหลายครั้งหลายครา บุญคุณที่นางมีต่อถานเอ๋อร์ก็ไม่มากพอที่จะหักล้างกับหนี้ชีวิตได้ ถานเอ๋อร์ยามนี้มีบุญคุณกับนางยิ่งนัก ที่ผ่านมานางจึงมองว่าหญิงสาวเป็นสหาย หาใช่บ่าวรับใช้ “ขอบคุณคุณหนูที่เข้าใจ ข้าจะระงับอารมณ์ให้ได้มากกว่านี้นะเจ้าคะ” ลู่เหลียนพยักหน้าหาได้ถือสาไม่ นางเข้าใจเจตนาของหญิงสาวเป็นอย่างดี เมื่ออากาศเริ่มร้อนขึ้น สองนายบ่าวจึงมุ่งหน้ากลับจวนพร้อมข้าวของนิดหน่อยที่ซื้อหามาได้ ลู่เหลียนแง้มผ้าม่านมองออกไปด้านนอก ทำให้นางสังเกตุเห็นว่าข้างทางนั้นมีทั้งพืชพิษและพืชสมุนไพรขึ้นมากมาย แต่หากจะนำไปใช้ก็ควรดูให้ดี เพราะทั้งสองสิ่งเติบโตใกล้กันมากจนแทบแยกไม่ออก “จอดก่อน” ล้อรถม้าหยุดหมุนก่อนที่ร่างบางจะก้าวลงไปตามด้วยถานเอ๋อร์ ลู่เหยียนหยิบถุงผ้าออกมาก่อนจะเด็ดดอกไม้สีแดงใส่ลงไปในนั้นจนเกือบเต็ม “คุณหนูจะนำไปทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ถานเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ลู่เหลียนยกยิ้มบางก่อนกล่าวตอบ “อาจารย์ข้าเคยบอกไว้ว่า ดอกไม้สีแดงที่เจ้าเห็นอยู่นี่ มีพิษร้ายแรงมาก” ดอกไม้สีแดงสวย แต่ทว่ากับเต็มไปด้วยอันตราย พิษของมันร้ายกาจ เพียงกลืนกินเข้าไปชั่วพริบตา อวัยวะก็จะคล้ายถูกไฟร้อนแผดเผาจากด้านใน หลังจากนั้นก็จะสิ้นใจทันที ดอกไม้ชนิดนี้หาได้ยากยิ่ง มักขึ้นอยู่ตามซอกหินบนเขาสูง โชคดีนักที่นางได้มีโอกาสได้สัมผัสมันอีกครั้ง โดยปกติแล้วดอกไม้นี้จะถูกนำไปสกัดและบรรจุขวดเล็ก สมัยก่อนในวังหลวงนิยมไว้ใช้เพื่อปลิดชีพผู้กระทำผิด ด้วยการพระราชทานยาพิษ มักใช้กับพระสนมและสตรีที่สูงศักดิ์กว่านั้น เรื่องนี้บิดาเป็นคนเล่าให้นางฟัง บิดาเล่าว่า เมื่อสมัยฮ่องเต้พระองค์ก่อน มีพระสนมปลายแถวแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับองค์รักษ์จนตั้งครรภ์ ทั้งนางยังสวมรอยว่าบุตรในครรภ์เป็นโอรสของฮ่องเต้ ทำให้นางได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่านางกับองค์รักษ์ผู้นั้นก็ยังคงลักลอบพบเจอกัน ทำให้คืนหนึ่งถูกจับได้และถูกลงโทษประหารด้วยการประทานยาพิษแก่คนทั้งคู่ แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงนั้น ยาพิษถูกนำมาใช้งานอีกครั้ง เพราะพระสนมขั้นสูงได้ลักลอบวางยาองค์รัชทายาทหรือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่ทว่ากลับผิดพลาดเพราะมีคนในทรยศนำความไปทูลฟ้องฮ่องเต้ นางจึงต้องโทษประหารเช่นเดียวกับพระสนมปลายแถวผู้นั้น นับแต่วันนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้ากระทำผิดอีก หากจะมี ก็คงไม่ลงมือกระทำด้วยตัวเองให้เสี่ยงต่อการถูกจับได้ อย่างไรเสียก็ต้องมีคนคิดคดทรยศ อยากตั้งตัวเป็นกบฏเพราะฝักใฝ่ในอำนาจ และหาทางปล้นชิงมาอย่างไม่ชอบธรรม กษัตริย์ที่ปล้นอำนาจมาจากผู้ที่สมควรได้รับ ย่อมขึ้นชื่อว่าเป็นทรราช เมื่อกลับมาถึงจวน ลู่เหลียนก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในห้อง ส่วนถานเอ๋อร์ก็ออกไปตรวจตราดูความเรียบร้อยภายในจวนเช่นทุกวัน หญิงสาวนำหีบที่บรรจุขวดยาออกมา ยาพิษสีต่างๆ วางเรียงรายอยู่ในนั้น ก่อนที่จะทดสอบพิษ หญิงสาวจำเป็นต้องใช้ผ้าปิดจมูกเอาไว้เพราะยาพิษบางขวด เพียงสูดดมก็อาจเป็นอันตรายได้ ตำรายาที่นางจดเอาไว้ตั้งแต่เยาว์วัยถูกนำมาเปิดอ่าน ในนี้มีข้อมูลของพืชทุกชนิด ทั้งพืชที่มีสรรพคุณดีและพืชที่เป็นอันตราย หญิงสาวใช้เวลาศึกษายาพิษนานหลายชั่วยาม หลังหาคำตอบได้แล้วนางก็รีบเก็บทุกอย่างลงหีบเหมือนเดิม ก่อนจะแนบกระดาษแผ่นเล็กลงไปด้วย หญิงสาวลุกขึ้นแต่นางกลับซวนเซเพราะหน้ามืด ร่างบางโอนเอนไปมา สายตาพร่าเลือนก่อนที่ร่างจะร่วงลงพื้นและสลบไสลไปในที่สุด ขอโทษด้วยนะคะที่เมื่อวานไม่ได้อัพ เดี๋ยววันนี้อัพสองตอนไปเลย เดี๋ยวกลางคืนไรท์จะมาอัพอีกตอนนะจ๊ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD