ตอนที่ 2 ผู้ไม่หวังดี
ถานเอ๋อร์….. สาวใช้ผู้เติบโตและติดตามดูแลลู่เหลียนมาโดยตลอด นางสำนึกได้ว่าชีวิตนี้นางจะมอบมันให้แก่คุณหนูผู้เคยช่วยชีวิตน้องชายนางให้รอดพ้นความตาย ถานเอ๋อร์ นางร่ำเรียนวรยุทธตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี ยามนั้นนางต้องเลี้ยงดูน้องชายอายุห้าปีที่ร่างกายอ่อนแอเพราะโดนพิษร้ายโดยไม่ตั้งใจ
โชคดีนักที่นางได้มาเจอคุณหนู
คุณหนูยามนั้นอายุสิบสาม แต่ทว่าช่างชำนาญเรื่องพิษยิ่งนัก ในวันที่น้องชายนางอาเจียนเป็นเลือดจนแทบหมดลม สตรีจากชนชั้นสูงก็ก้าวลงจากรถม้าเข้ามาช้อนร่างน้อยกลับไปที่จวนราชครู
วันนั้นฝนตกหนัก หลังคุณหนูช่วยรักษาน้องชายนางจนหาย สุดท้ายก็ต้องเป็นไข้และเป็นหวัดไปอีกหลายวัน เป็นเหตุให้นางและน้องชายถูกอดีตฮูหยิน มารดาของคุณหนูตำหนิติเตียน แต่ถึงกระนั้นอดีตฮูหยินก็มีน้ำใจ รับนางสองพี่น้องไว้เป็นบ่าวในเรือน
น่าเสียดายที่อดีตฮูหยินจากไปได้หลายปีแล้ว
นับแต่วันที่คุณหนูออกเรือน นางจึงขอติดตามคุณหนูมายังจวนตระกูลจ้าวด้วย นางตั้งใจไว้แล้วว่าชีวิตนี้นางจะมอบมันไว้รับใช้คุณหนูลู่เหลียนเพียงผู้เดียว
“ใจเย็นก่อนเถิด ถานเอ๋อร์”
ลู่เหลียนกล่าวขึ้นเพื่อหยุดการกระทำของบ่าวคนสนิท ถานเอ๋อร์ใจร้อนแตกต่างจากนางมากนัก แต่กระนั้นนางก็รู้ว่าที่หญิงสาววู่วามเช่นนี้ก็เป็นเพราะโกรธแค้นแทนนาง
ดาบยาวถูกเก็บเข้าฝักก่อนถูกซ่อนในอาภรณ์เช่นเดิม
บ่าวผู้ซื่อสัตย์ใบหน้าเคร่งเครียด นางอยากฉีกอกนังจิ้งจอกอิงหยวนให้กระจายเป็นชิ้น ให้มันแดดิ้นตายเสียให้สมกับความผิดที่มันโยนให้แก่คุณหนูของตน
“คุณหนู ข้าคับแค้นใจยิ่งนัก”
“ข้ารู้ แต่นิ่งไว้ก่อน”
อิงหยวนหาใช่สตรีธรรมดา คราแรกที่พบหน้า นางก็รู้ว่าสตรีเล่ห์เหลี่ยมผู้นั้นคงไม่ใช่เพียงนางโลมที่ขายเรือนร่างให้บุรุษเพียงอย่างเดียว สตรีผู้นั้นเจ้าแผนการยิ่งนัก มิเช่นนั้นนางคงไม่พลาดท่าเสียทีต้องถูกต้อนจนมุม ทั้งสตรีผู้นั้นยังเปลี่ยนใจอันมั่นคงของจ้าวเยว่ฉินได้
นับว่าไม่ธรรมดา
ลู่เหลียนคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่ แต่นางจะทำเช่นไรได้ ในเมื่อสามีลุ่มหลงสตรีผู้นั้นออกหน้าออกตา ผู้ใดก็ย่อมรู้ว่าอิงหยวนมีน้ำหนักในใจจ้าวเยว่ฉินเพียงใด
คิดแล้วใจนางก็ห่อเหี่ยว ราวดอกไม้ที่ไร้วาสนาจะได้เติบโตอีกต่อไป สุดท้ายก็ต้องร่วงโรยรากลับกลายไปเป็นปุ๋ยให้แก่ดิน
ลู่เหลียนปลง นางลูบท้องนูนภายใต้อาภรณ์ที่ปกปิดความลับนี้ไว้ นางยังไม่ได้บอกผู้ใดให้รับรู้ แต่เหมือนว่าแม่สามีจะระแคะระคายเรื่องนี้ ทั้งยังเปรยอยู่บ่อยครั้งว่าอาการนางในแต่ละวันช่างคล้ายคนมีครรภ์ แต่นางก็ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดออกไป
นางไม่อยากให้แม่สามีที่หวังดีกับนางมาโดยตลอด ต้องมาห่วงนางและลูก
ถานเอ๋อร์ช่วยลู่เหลียนเก็บข้าวของลงหีบเพื่อเตรียมเดินทางไปยังจวนนอกเมือง หนังสือหย่าถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะภายในเรือนของหญิงสาว ลู่เหลียนเก็บมันลงหีบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนที่จะนั่งลงหน้ากระจกและแต่งหน้าบางๆ เพื่อขจัดแววหม่นหมอง
นางกำลังจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
เช่นนั้นนางควรทำตัวให้สดใส น้ำตาสักหยดก็ไม่ควรเสียให้กับบุรุษน่าตายนามว่า…จ้าวเยว่ฉิน!
หน้าจวน จ้าวฮูหยินร่ำราลูกสะใภ้ทั้งน้ำตา นางมอบเงินทองของมีค่ามากมายแก่หญิงสาว และนั่นทำให้อิงหยวนที่แอบมองอยู่มีสายตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง หญิงสาวแอบมองอยู่หลังต้นไม้พักใหญ่ก่อนเดินหายลับไป
“เหลียนเอ๋อร์ แม่คนนี้ผิดเองที่ไม่สั่งสอนบุตรชายให้ดี”
เห็นผู้มีเมตตารู้สึกผิดต่อนาง ลู่เหลียนก็ไม่สบายใจยิ่งนัก หญิงสาวจับมือแม่สามีก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านแม่ อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องนี้หาใช่ความผิดท่านไม่”
เป็นความผิดนางเอง ที่หลงเชื่อคำลวงของจ้าวเยว่ฉิน เชื่อว่าเขารักนาง เชื่อว่าเขาจะอยู่เคียงข้างนางไปตราบชั่วลมหายใจ หากไม่เพราะนางเดินตามแรงจูงเขา มีหรือที่นางต้องพบสภาพเช่นนี้
หญิงม่ายลูกติด นางจำต้องหาที่อยู่ห่างไกลสายตาผู้คน
ในวันที่ท้องนางโตขึ้น จะได้ไม่ต้องคอยทนกับสายตาดูแคลนและคำครหา นางไม่อาจกลับไปที่จวนสกุลเดิมได้อีก จากนี้ชีวิตนางต้องเดินก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
สองสตรีต่างวัยกอดร่ำลากัน ทั้งจ้าวฮูหยินและลู่เหลียนต่างใจหายที่ต้องจากกันไกล แต่ในเมื่อบุตรชายของท่านแม่ไม่ต้องการมีนาทงในชีวิตอีก นางก็ไม่อาจดันทุรัง
ร่างบางก้าวขึ้นรถม้า น้ำตาหนึ่งหยดร่วงหล่นหลังฝ่ามือขาว นางหาได้เสียใจที่ถูกจ้าวเยว่ฉินทอดทิ้ง แต่ที่นางร้องไห้นั้น เป็นเพราะว่านางจำใจต้องไปจากแม่สามีที่รักและเอ็นดูนางราวกับลูกแท้ๆ นางคงไร้วาสนาที่จะได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้แม่สามีอีกต่อไป
“คุณหนู นอนพักเถิดเจ้าค่ะ”
ถานเอ๋อร์เตรียมที่นอนบนรถม้าหลังใหญ่ให้แก่คุณหนูของตน รถม้านี้เป็นอดีตแม่ทัพจ้าวที่สั่งทำเป็นพิเศษเพื่ออดีตสะใภ้ การเดินทางไปยังจุดหมายจึงนับว่าไม่ได้ลำบากรันทดนัก
“ข้าไม่ง่วงหรอก ข้าอยากดูทิวทัศน์ข้างทาง”
หญิงสาวกล่าวกับบ่าวรับใช้คนสนิทก่อนแง้มม่านออกเพียงนิดเพื่อให้สายตาลอดผ่านไปได้ จากเมืองหลวงสู่เมืองชนบทคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองวัน การเดินทางที่แสนยาวนานครั้งแรกในชีวิต ทำให้หญิงสาวไม่อาจข่มตาลง
เมื่อรถม้าออกจากเมืองหลวง ผ่านเข้าป่าไผ่ที่เงียบสงบ ถานเอ๋อร์ที่นั่งหลับตาอยู่ก็เปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก หญิงสาวทั้งสองสบตากันก่อนที่ลู่เหลียนจะถอนลมหายใจยาว
“คุณหนู!หลบเจ้าค่ะ”
ธนูปลายแหลมหวังปลิดชีพผู้ที่อยู่บนรถม้าเฉียดใบหน้าลู่เหลียนไปเพียงนิด หญิงสาวถูกบ่าวรับใช้ดันให้นอนลงได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นธนูดอกนี้อาจปักอยู่บนร่างไร้วิญญาณไปแล้ว
ลู่เหลียนหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง มือนางวางอยู่บนหน้าท้องนูน ร่างกายนิ่งเกร็งไม่กล้าขยับเขยื้อน สายตาได้แต่มองถานเอ๋อร์ที่หยิบธนูขึ้นผลุบออกไปทางหน้าต่าง นางห่วงบ่าวรับใช้คนสนิทกลัวว่าจะได้รับอันตราย แต่กระนั้นก็เชือ่มั่นในฝีมือของถานเอ๋อร์
เสียงลูกธนูแหวกอากาศดังเข้ามาใกล้จนนางขนลุก ก่อนที่เสียงโลหะกระทบกันจะดังขึ้น รถม้าหยุดชะงักลงโดยที่ลู่เหลียนได้แต่นอนนิ่งไม่กล้าขยับ ตัวนางหาได้มีวรยุทธ แต่ก็ยังพอมีวิชาไว้ปกป้องตัวเอง เกสรพิษที่ไม่เคยใช้สังหานผู้ใด ยามนี้ถูกล้วงออกมาจากสาปเสื้อ นางกำมันไว้ในมือ หากมีผู้บุกรุกเข้ามาเมื่อใด นางคงจะได้ใช้มันเพื่อสังหารคนเป็นครั้งแรก
เสียงคล้ายดาบฟาดฟันกันด้านนอกค่อยๆ เบาลง ลู่เหลียนเป็นห่วงถานเอ๋อร์จนอดรนทนต่อไปไม่ไหว หญิงสาวแง้มม่านออกก่อนมองลอดออกไป เห็นถานเอ๋อร์ยืนมองกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดน้ำเงินที่ล่าถอยกลับเข้าป่าไผ่ไป
“ถานเอ๋อร์”
แค่นางกระซิบเรียกเพียงแผ่วเบาเท่านั้น ผู้มีวรยุทธเช่นถานเอ๋อร์ก็ได้ยินทันที หญิงสาวรีบตรงเข้ามาหาคุณหนูของตนที่มีสีหน้ากังวลใจ ก่อนประคองลู่เหลียนให้ลงจากรถม้า รอบด้านเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่ทว่ากลับไร้ซึ่งซากศพไร้วิญญาณ
“เกิดอะไรขึ้น ถานเอ๋อร์”
นางถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
ถานเอ๋อร์เองก็ไม่ได้ตอบคำถามของคุณหนู นางกำลังคิดถึงเรื่องราวเมื่อครู่ ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งมีจุดประสงค์คือต้องการสังหารคุณหนูของนาง แต่ระหว่างที่นางเกือบเพลี้ยงพล้ำกลุ่มชายชุดน้ำเงินก็โผล่มาสังหารชายชุดดำจนหมดสิ้น ทั้งยังเก็บกวาดซาก หลงเหลือแต่เพียงคราบเลือดที่กระจายเต็มพื้น
กลุ่มคนชุดน้ำเงินเหล่านั้นมีวรยุทธสูงส่ง
แต่เหตุใดถึงต้องมาช่วยชีวิตคุณหนูของนางเอาไว้ เรื่องนี้นางคลางแคลงใจยิ่งนัก
“คงเป็นพวกโจรที่คอยดักปล้น คุณหนูอย่าได้ใส่ใจเลยเจ้าค่ะ”
ถานเอ๋อร์เบี่ยงเบนประเด็นด้วยไม่อยากให้คุณหนูไม่สบายใจ หลังจากพาคุณหนูไปถึงจุดหมายเมื่อใด นางจะต้องสืบรู้ให้ได้ว่าผู้ใดที่กล้ากระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้
หลังผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาได้ ลู่เหลียนและถานเอ๋อร์ก็เดินทางต่อ ก่อนจะหยุดพักที่โรงเตี๊ยมซอมซ่อแห่งหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวกลางหุบเขา หลงจู๊ชราออกมาต้อนรับคนทั้งสองก่อนจะพายังห้องพักที่สภาพดูดีต่างจากด้านนอกยิ่งนัก ถานเอ๋อร์เตรียมน้ำอุ่นให้คุณหนูของตนได้แช่ในอ่างไม้ใบใหญ่ ก่อนที่นางจะลงไปสั่งหลงจู๊ให้เตรียมอาหารบำรุงครรภ์
ลู่เหลียนถอนหายใจยาวด้วยความเหน็ดเหนื่อย นางเมื่อยล้าไปทั้งร่าง หลังได้แช่น้ำอุ่นนางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจนเกือบเผลอหลับไป แต่เพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นหน้าห้อง ทำให้นางลืมตาตื่นขึ้นมา
“ข้าน้อยนำอาหารมาวางไว้ให้แล้วนะเจ้าคะ”
สิ้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย กลิ่นอาหารที่โชยแตะจมูก ทำให้คิ้วสวยขมวดคล้ายคนกำลังครุ่นคิดสงสัย ลู่เหลียนแต่งกายด้วยชุดสบายก่อนจะออกมานั่งที่โต๊ะกลางห้อง พลางมองอาหารที่ถูกนำมาวางไว้อย่างพินิจพิจารณา
เป็ดตุ๋นสมุนไพร
ซาลาเปาไส้ถั่วทอง
รวมทั้งผลผิงกั่วที่นางชื่นชอบ
เหตุใด ณ ที่แห่งนี้ ถึงได้มีอาหารอันโอชะทั้งยังเป็นของที่นางโปรดปรานทั้งสิ้น?
คิดไปคิดมาก็น่าปวดหัวเสียเปล่าๆ ความหิวทำให้นางรีบล้วงเข็มพิษออกมาเพื่อทดสอบอาหารทุกจานเสียก่อน ยามนี้นางต้องรอบคอบและระวังตัวให้มากที่สุด เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้นางตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้ตัวเข้ามาทุกที
มาช้าแต่ก็มานะ ฝากติดตามด้วยจ้า อัพทุกวัน ช่วงเวลาอาจไม่แน่นอน ทวงได้ทวงเลย เผื่อไรท์ลืม 55555555