11

1947 Words
และไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก” เขาไม่อยากจะพูดว่าเขาเป็นวิญญาณเร่ร่อนและเห็นพฤติกรรมของหล่อนที่มีปฏิกิริยากับหลานสาวเขาเหมือนกันหล่อนแสร้งเป็นรักเด็กไปแค่นั้นเอง “แต่ว่าณีย์...” เขาโบกมือ “หยุดเสียที ผมมีงานต้องทำมากมายหรือจะต้องให้ผมเรียกยามมาจับตัวคุณโยนออกไปล่ะ” “ฮึไม่อยู่ก็ได้ นึกหรือว่าฉันอยากจะมาเหยียบน่ะ” หล่อนสะบัดหน้าพรีดเดินกระแทกเท้าออกไปชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจถ้าเขาไม่มีเงินจะมีใครหน้าไหนคบกับเขาหรือเปล่านะแต่ยังมีผู้หญิงอีกคนที่เขาเชื่อว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงคู่ควงเก่า ๆของเขาอยากจะพบเธอแต่ยังหาเวลาไม่ได้สักทีคน รั้วประตูอัลลอยสูงใหญ่ของบ้านที่หรูหราราวกับวังทำให้ตุลยานึกถึงคำพูดของเด็กหญิงอาจารีที่เคยเล่าให้เธอฟังว่าเธอเหมือนถูกขังทุกอย่างดูงดงามราคาแพงแต่กลับเต็มไปด้วยความเงียบเหงา หญิงสาวก้าวลงจากรถเธอ อุมาพรจะมาด้วยแต่เธอบอกว่าเธอมาคนเดียวได้หญิงสาวบอกสาวใช้ว่าจะมาดูอาการของน้องจ๋า “คุณหมอเข้าไปก่อนนะคะ หนูจะเอาน้ำมาให้เมื่อกี้น้องจ๋ายังนั่งเล่นอยู่เลยค่ะ” หญิงสาวรับคำ เดินก้าวเข้าไปในห้อง ด้านหน้าแบ่งเป็นห้องรับแขกซึ่งเต็มไปด้วยของเล่นมากมายวางระเกะระกะอยู่บนพื้น ด้านในเป็นห้องนอนของเด็กหญิง เมื่อเดินลึกเข้าไปเธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนแว่วมา “อาโป้งขา พรุ่งนี้จ๋าอยากไปโรงเรียน” “เอาสิ เราหายดีแล้วนี่เกเรมาตั้งนานแล้ว” “จ๋าเปล่าเกเร จ๋าอยากไปโรงเรียน อยากไปหาคุณตา อยากไปหาอาหมอ ทำไมพวกเขาไม่มาเยี่ยมเราเลยคะ” “พวกเขาคงไม่ว่างมั่งโดยเฉพาะอาหมอ เขาคงมีแฟนแล้วเลยไม่มีเวลามายุ่งกับพวกเรา” "ไม่จริงหรอกค่ะ อาหมอบอกว่าคิดถึงอาโป้ง" “จริงหรือ บอกเมื่อไหร่” เขาเผลอซักอย่างลืมตัวนัยน์ตาเป็นประกายแพรวพราวหญิงสาวนิ่งแอบฟังอยู่เงียบๆ “ตอนอยู่บ้านอาหมอ แล้วอาโป๊งไปไหนก็ไม่รู้ อาหมอบอกว่าคิดถึงแล้วยังบอกอีกว่าอาโป้งสัญญาว่าจะมารับจ๋าเรายังเกี่ยวก้อยกันเลย” "ขี้โม้มากกว่าใครสอนคะเนี่ย” “อาโป๊งไง จ๋าขี้โม้เหมือนอาโป้งเพราะเราเป็นอาหลานกัน” ปฏิภาณดึงหลานสาวมากอดกดจมูกที่แก้มแรงๆ “อาขอโทษนะ ที่ผ่านมาอาไม่ค่อยมีเวลาให้จ๋าเลยต่อไปนี้อาจะชดเชยทุกอย่างให้ เราจะไปเที่ยวด้วยกันจะทำกิจกรรมร่วมกัน อาจะรักและดูแลจ๋าให้เหมือนกับพ่อแม่ของจ๋าเลย” “อ้าวคุณหมอ ยังไม่เข้าไปอีกหรือคะ” เสียงสาวใช้ซึ่งเดินเข้ามาและเรียกทำให้หญิงสาวสะดุ้ง ปฏิภาณผละจากหลานสาวเดินออกมาที่ห้องด้านนอก เห็นดุลยายืนหน้าซีดมองเขาราวกับตัวประหลาด หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าเขาคืนร่างแล้วบทสนทนาของอาหลานเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดี แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยเล่าความจริงให้เธอฟังแม้แต่น้อย เขาปล่อยเธอต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความไม่สบายใจ “ตุ๊ก” ร่างสูงก้าวเร็ว ๆ ไปคว้ามือเธอไว้ “อาหมอมาแล้วเย่ ๆ ๆ ๆ” เด็กหญิงเดินตามออกมาและมองผู้ใหญ่สองคนที่ยืนจ้องหน้ากันแบบไม่เข้าใจ “ปล่อยฉัน” “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “ก็ตั้งแต่คุณพูดกับน้องจ๋าขอโทษนะคะที่ฉันมาแอบฟัง แต่ถ้าฉันไม่ฟังก็คงไม่รู้เรื่องว่าคุณสองคนคืนร่างเรียบร้อยแล้ว ดีใจด้วยนะคะ ฉันอุตส่าห์เป็นห่วงแต่คุณกลับมีแต่คำหลอกหลวง” “ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะผมกำลังหาเวลาจะบอกคุณ” “สองเดือนแล้วนะคะที่ฉันเป็นห่วงคุณ แต่ทำอะไรไม่ได้ เวลาของนักธุรกิจใหญ่อย่างคุณคงหายากมากสินะคะ”น้ำตารินอาบสองแก้ม เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่เท่านี้มาก่อน เธอน่าจะคิดตั้งแต่ตอนที่เห็นแววตาของวิโรจน์แปลก ไปขณะที่ปฏิภาณตัวจริงเอาแต่นิ่งเงียบ “ผม...” “อาหมอร้องไห้ทำไม อาโป้งทำอะไรอาหมอคะ"ชายหนุ่มทรุดตัวลงตรงหน้าหลานรัก “จ๋ากลับไปอยู่ในห้องกับพี่นวลก่อนนะ อามีเรื่องจะคุยกับอาหมอ” เมื่อหันมาอีกที่หญิงสาวก็วิ่งออกไปแล้วร่างสูงก้าวเร็วๆ ก่อนจะคว้ามือเธอดึงเข้าไปในห้องนอนอีกห้องซึ่งอยู่ติดกัน หญิงสาวดิ้นและทุบที่อกเขาพัลวัน “ปล่อยนะ ไม่ปล่อยฉันจะร้อง” “ร้องสิร้องไปเลย นี่บ้านผม อยากร้องก็เชิญเลย” “นี่คุณ” อ้อมแขนนั้นกลับรัดแน่น คุณหมอสาวทั้งดิ้นและทุบอกเขาแต่ปลายจมูกโด่งกลับกดลงมาที่แก้มนวลคุณหมอสาวเบิกตากว้างและพยายามยันอกเขาไว้ “นี่อย่ามาทำอะไรบ้าๆ กับฉันนะคนหลอกลวง คนบ้า ฉันจะแช่ง...” ริมฝีปากบางฉกวูบลงมาจูบอันแสนเร่าร้อนเรียกร้องจนเธอต้องโอนอ่อนเมื่อเห็นหญิงสาวไม่มีท่าทีขัดขืนขึ้นเขาก็แทรกลิ้นเรียวเข้าไปชิมความหวานจากเธออย่างไม่รู้เบื่อเมื่อหญิงสาวแทบไม่รู้ตัวเลยว่าปล่อยให้เขาตักตวงความหวานไปมากมายแค่ไหน สมองมันเบลอ ๆ เท้าสองข้างก็แทบยืนไม่ติดพื้นความโกรธละลายหายไปเพียงเพราะจูบ “ว่าไง จะแช่งผมอีกไหม คุณนี่เป็นหมอใจร้ายจริงๆ เอะอะก็จะแช่งผมอยู่เรื่อย ที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะคุณหรือ ผมถึงต้องทนเป็นใครก็ไม่รู้” “อย่ามาด่านะ คุณเองต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ไม่เกี่ยวกับตุ๊กสักหน่อย” “แต่คุณต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหลงรักแล้วกลับทิ้งไปหาคนอื่นหน้าตาเฉย “ตุ๊กไม่มีใคร" “แล้วไอ้พี่หมอนั่นล่ะ ผมเป็นผู้ชายรู้หรอกว่าเขาคิดยังไงกับคุณ” “แล้วที่คุณล่ะคืนร่างตั้งนานแล้วแต่ไม่บอกตุ๊กข่าวคราวก็ไม่ส่งมาคุณเป็นคนใจร้ายใจดำที่สุดไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลยว่าเขาจะเป็นห่วงแค่ไหน” หญิงสาวพูดไปก็น้ำตาซึม “ตุ๊กจ๋าผมขอโทษ ผมไม่กล้าคิดไปเองหรอกนะว่าคุณคิดถึงผม” “เปล่าสักหน่อย” ริมฝีปากเขาฉกวูบลงมาอีกครั้ง บดเคล้าหาความหวานอย่างอ้อยอิ่งหญิงสาวดิ้นและยันแผ่นอกไว้ “ปล่อยนะคะโป้ง” “ไม่ปล่อย บอกมาดีๆ ตุ๊กรักผมอย่างที่ผมหลงรักตุ๊กใช่ไหม” นิ้วเรียวเชยคางนั้นขึ้น จ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาคู่สวยเขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขล้นในหัวใจตอนนี้เลยรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตเพียงเพราะรอคำตอบ ซึ่งก็แค่คำพูดธรรมดาๆ ที่เคยได้ยินมานับไม่ถ้วนแต่ต่างกันตรงที่มันมาจากดุลยาผู้หญิงที่เขารัก "ว่าไง" “เอ่อ.. ตุ๊กรักคุณ” “งั้นผมจะบอกอีกครั้งว่าผมก็รักคุณ ผมรักคุณได้ยินไหม” “นี่คุณ” “แต่งงานกับผมนะ ผมรอวันนี้มานานแล้วตั้งแต่เป็นวิญญาณอย่าปฏิเสธผมเลยถ้าต้องรอต่อไปผมต้องขาดใจแน่” “ตกลงค่ะ” “เยส” ร่างสูงกระโดดตัวลอยโผเข้าอุ้มหญิงสาวหมุนไปมาด้วยความดีใจเสียงตะโกนลันด้วยข้อความซ้ำ ๆ ทำให้นวลที่เข็นรถเข็นของเด็กหญิงเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มกำลังอุ้มคุณหมอสาว เด็กหญิงใช้นิ้วจุปาก แล้วหันไปกระซิบสาวใช้ “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าไปกวนผู้ใหญ่” นวลกลั้นหัวเราะรีบถอยออกจากห้อง บรรยากาศในบ้านอบอวลไปด้วยความสุขกามเทพตัวน้อยซึ่งแฝงตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งคลี่ยิ้มแม้การพบกันจะพิลึกอยู่แต่ความรักของเขาก็สุกงอม เมื่อเขาเข้าไปสู่ขอหญิงสาวด้วยตัวเองกับบิดาของหล่อนตรัยไม่ได้ขัดข้องเพราะลูกสาวโตพอที่จะตัดสินใจอะไรได้แล้ว...หลังจากที่แต่งงานกันทั้งสองก็พยายามจัดเวลาเพื่อเป็นวันของครอบครัว หลังเลิกงานเขาก็จะกลับบ้านมา คลุกอยู่กับหญิงสาวและพูดคุยกับหลานสาว เด็กหญิงดีใจที่มีอาหมอใจดีอยู่ในบ้านด้วย เมื่ออยู่ตามลำพังตุลยาก็บอกเขาว่า “ตุ๊กจะรับน้องจ๋าเป็นบุตรบุญธรรม คุณเห็นด้วยหรือเปล่าคะ” “ผมไม่มีปัญหาหรอกนะ ผมดีใจที่คุณรักน้องจำอย่างจริงใจ ตัวแกเองก็รักคุณมากเหมือนกัน” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน ดึงร่างเธอเข้ามากอดริมฝีปากบางระมาตามรอยแยกของเสื้อพร้อมกับจุมพิตอันดูดดื่มจนเธอแทบละลาย “กะ กินข้าวก่อนไม่ดีหรือคะ” เขาถึงมือบาง ๆคอยปัดป้องลงบนเตียงเขาจูบเธอที่ริมฝีปากอีกครั้งและใช้ชั้นเชิงที่มากกว่าหลอกล่อให้เธอตอบรับจูบนั้น “ไว้ที่หลัง ตามใจผมหน่อยนะตุ๊ก” เขาโน้มตัวคลุกเคล้ากับเรือนร่างของตุลยา เธอมีรูปร่างงดงามราวสลักเอวคอดเล็ก สะโพกกลมกลึงอกคู่งามเขาเชยชมทรวงอกข้างหนึ่งด้วยริมฝีปากจงใจทำให้ร่างของหญิงสาวร้อนรุ่มด้วยความปรารถนา เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจถูกสูบไปหมด มือเรียวแตะต้องส่วนอ่อนนุ่มของเธออีกครั้งทุกสัมผัสช่างเร่าร้อนและวาบหวาม เขาเฝ้าปรนเปรอภรรยาสาวอย่างไม่รู้เบื่อลดตัวลงขจัดอุปสรรคชิ้นสุดท้ายออกไปจากเรือนร่างสายตาคู่นั้นจ้องมองเธออย่างหิวกระหาย "คุณสวยมาก" เขาจูบเธออย่างดูดดื่มก่อนขยับกายรุกล้ำเข้าไป ร่างบางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่เพี่ยงไม่นานความเจ็บก็สลายไปเหลือเพียงความเร่าร้อนเนื้อแนบเนื้อกระตุ้นอารมณ์สาวให้ลุกโชนเมื่อความรักของทั้งคู่ผสานเป็นหนึ่งเดียวหญิงสาวก็พร่ำเรียกแต่ชื่อเขา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการเสพสมของหญิงชายจะสามารถมอบความสุขได้มากถึงเพียงนี้ ความวาบหวามซาบซ่านถาโถมเข้าใส่เธอหญิงสาวกอดสามีทางพฤตินัยแนบแน่น “ผมรักคุณ” เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง เขาตระกองกอดภรรยาด้วยความรักเขาจุมพิตอย่างอ่อนหวานที่หน้าผากนวล “ขอบคุณนะตุ๊กที่มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้ผมผมรักคุณ” “ตุ๊กก็รักคุณค่ะ"อ้อมแขนนั้นรัดแน่นเขาประทับจูบที่เรียวปากอิ่มอีก ครั้งอย่างดูดดื่มนัยน์ตาพราวด้วยความรัก “ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้ผมเริ่มจะคิดถึงเด็กบ้างแล้ว” “เด็กหรือคะ?? “ใช่ ผมหมายถึงลูกของเรายังไงล่ะ น้องจ๋าจะมีน้องๆ อีกสองสามคนแกจะได้ไม่เหงา” มือบางยันแผ่นอกเขาไว้สุดแรง เธอเบี่ยงตัวหลบเมื่อลมหายใจร้อนผ่าวก้มต่ำลงมา “ไม่เอาค่ะ ตุ๊กเหนื่อยแล้ว” “ก็ผมอยากให้ลูกของเรามาเกิดเร็วๆไง”หญิงสาวค้านที่จะตอบ เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีทางขัดขืนผู้ชายเจ้าอารมณ์คนนี้ได้หญิงสาวปล่อยให้ความรักนำทางลอยละอ่องไปสู่ดินแดนแห่งความสุขอีกครั้ง.... * * * * * * * * * * จบบริบูรณ์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD