คฤหาสน์ตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเพียงแค่
“ทะมึนจัง” ผมบ่นอุบอิบ ก็มันจริงหนิมืดทะมึนแบบนี้ไม่น่าเชื่อว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ด้วย ถ้าทำความสะอาดอีกนิดล่ะก็ ต้องสวยมากแน่ ๆ
“เร็วพวก! ขนของขึ้นข้างบนกัน” เอร่อนตะโกนเรียกทุกคนที่กระจัดกระจายสำรวจรอบตัวคฤหาสน์หลังจากมาถึงที่หมาย
“ใหญ่แบบนี้ไม่มีคนอยู่จริงเหรอ” ฟาคัลมองไม่เชื่อสายตาว่าคฤหาสน์ที่เว่อร์วัง ที่ตกแต่งอีกหน่อยจะเรียกว่าปราสาทหลังจะเงียบเชียบขนาดนี้
“เอาน่า มันถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปีไม่สิอาจร้อยปีเลยก็ได้” เอร่อนยกกระเป๋าของเขากับทีเรียน่าขึ้นพาดบ่า เดินดุ่ม ๆ นำไปที่ประตูทางเข้า
ผมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองขึ้นบ้างก่อนไปยืนข้างบิลลี่
“พูดเองเออเอง เบื่อชะมัด”
“นายอยู่กับเขาแค่ไม่กี่วันกับฉันที่เจอตั้งแต่เกิด คิดว่าอย่างไหนน่าเบื่อกว่ากัน”
บิลลี่ยักไหล่ก่อนเราทั้งคู่จะเดินเข้าไปด้านในบ้าง
“โครตสุดยอดไปเลย!” เอร่อนโหวกเหวกคนแรก ต้องเป็นทุกครั้งเล้ยให้ตายสิ
แต่เอร่อนไม่ได้พูดเล่นเพราะถ้าดูแค่ด้านนอกมันดูมืดมนมาก เทียบกับด้านในแล้วแตกต่างกันลิบลับ ข้างในนี่สะอาดสะอ้านกว่าที่คิด ของทุกอย่างดูแพง มีราคา กรอบรูปภาพเป็นทองแท้ที่รูปไม่ว่าจะติดผนังหรือวางบนชั้น ข้าวของเครื่องใช้ประดับด้วยเพชรพลอยนา ๆ ชนิด
“สวยจัง” ทีเรียน่าบรรจงหยิบแก้วแชมเปนจากชั้นวางของมาดู แม้แต่ชั้นวางของที่เป็นไม้ก็ยังดูสวยสะดุดตา
“สะอาดแบบนี้ไม่มีคนจริงเหร้อ” ผมพูดขึ้น
“จริงด้วย ถ้ามีคนขึ้นมาจริง ๆ เราจะบอกเขาว่าไง”
“บอกอะไรหรือครับ”
เสียงปริศนาดังจากชั้นสอง ผมกับคนอื่นหันขวับพร้อมกันและเห็น คนยืนตรงบันได้ทางขึ้นชั้นสอง เป็นบันไดที่ใหญ่กว้างปูด้วยพรมแดงอยู่เกือบกลางห้อง ที่น่าสะกิดใจมากกว่า
‘ไหนว่าไม่มีคนอยู่ไง!’
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คนตรงหน้าพวกเราดูเหมือนจะเป็นเจ้าของบ้านนี้เดินลงมาเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่มีคนแอบเข้ามา นี่บ้านเขานะ...ไม่คิดอะไรเลยเหรอ
คุณพี่ชายตัวดีหันมองผมด้วยสายตาเว้าวอน
‘ดีแต่ก่อเรื่องไอบรรลัยเอ้ย’
“ขอโทษด้วยครับ พวกเราได้ยินว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ช่วงนี้เราปิดเทมอฤดูร้อนกันเลยอยากหาที่พักค้างแรมน่ะครับ”
“อ๋อ ออกท่องเที่ยววันหยุดกันสินะ”
“ครับ...เอ่อ...แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่...”
“ชั่งเถอะ ๆ ไม่ได้มีคนมาพักที่นี่นานแล้วเหมือนกัน ผมเกือบจะขายมันอยู่แล้วล่ะ ไหน ๆ” เจ้าของบ้านมองพวกผมแต่ละคนพร้อมมองกระเป๋าเสื้อผ้า “พวกคุณก็เข้ามาแล้ว เป็นอันว่าก็พักที่นี่เถอะ จากนี่ไปมีหวังได้ตั้งแคมป์กลางป่าแน่ เชิญตามสบายนะครับ” ว่าจบเขาก็เดินกลับขึ้นไปเข้าห้องของเขา
ฟาคัลทำปากว้าวแต่ไม่มีเสียง
“พึ่งเคยเจอเจ้าของบ้านใจดีแบบนี้นะเนี่ย” บิลลี่มองงง ๆ
“เอาน่าอย่าสนใจเลย เลือกห้องของใครของมันกัน”
“จะบอกว่าฉันอยู่ห้องเดียวกับนายไม่ได้เหรอ” ทีเรียน่าทำแก้มป่อง
เอร่อนเอาแขนพาดไหล่หล่อนก่อนจะหยอดคำหวานใส่ ทุกคนพากันขำแต่ผมอยากอ้วก
คฤหาสน์นี่มีให้เลือกหลายห้อง พวกผมตกลงกันว่าจะไม่พักไกลกันเกินไป เผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้วิ่งไปหากันได้ ผมเลือกห้องที่อยู่ริมสุด...ทำไมน่ะเหรอเพราะไม่มีสิทธิ์เลือกไง จำที่ผมบอกได้ใช่ไหมล่ะว่าลูแอลจะดูใหญ่สุดเพราะไม่มีใครกล้าขัดใจ แต่คนที่เจ้ากี้เจ้าการคือเอร่อน เขาให้คนอื่นเลือกหมดแต่กับผมเขาไม่สนใจด้วยซ้ำ หลังทุกคนเลือกเสร็จไม่ว่าจะยังไงผมก็ได้แต่ห้องริม ๆ แล้ว เลือกไปก็เท่านั้นแหละ
ผมยกกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ในห้องของตัวเอง
“เจ๋ง” โครตเจ๋งเลยต่างหาก! แน่ใจเหรอว่านี่เป็นห้องนอน เป็นห้องนอนที่กว้างมากขนาดห้องริมสุดนะเนี่ย ไม่อยากนึกถึงห้องตรงกลางที่เจ้าของคฤหาสน์อยู่เลย ภายในห้อง ผนังห้อง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เหมือนกับข้างล่างเลย สีทองคงเป็นที่เจ้าของชอบสินะ
ผนังห้องเป็นสีทองสบายตา เตียงประดับด้วยสีทองนิด ๆ เนื้อไม้ชั้นดีแน่เลย ผ้าปูที่นอนสีดำเข้ากับสีทอง ผ้าม่านสีฟ้าครามไม่เข้มนักผสมกับสีขาวสะอาดตา มีมุมนั่งพักผ่อนด้วย ของทุกอย่างในห้องลงตัวไปหมด รสนิยมดีเหมือนกันนะเนี่ย
เสียงเคาะประตูเรียกสติผม ผมรีบวิ่งไปเปิด
“เข้าไปได้ไหม”
ผมหลีกให้บิลลี่เดินเข้ามาข้างใน บิลลี่ถึงกับร้องว้าว
“ถ้าฉันมีบ้านของตัวเองอยากได้อย่างนี้มั่งจัง” ผมลูบตู้เสื้อผ้าไม้แต้มสีทอง
“สวยกว่าห้องฉันอีก แต่...ทุกห้องเหมือนจะแต้มสีทองทั้งนั้นเลยนะ เจ้าของคนเก่าคงรวยน่าดู”
“คนเก่าเหรอ”
“อา ฉันกะจะไปถามเจ้าของพอดีเจอเจ้าตัวเลยถามเกี่ยวกับคฤหาสน์ เขาบอกว่าตัวเขาไม่ใช่เจ้าของที่นี่มาก่อน เขาเป็นหลานชายของเจ้าของคฤหาสน์ ลูก ๆ ของเจ้าของคนก่อนตายหมด เหลือเขาที่เป็นแค่หลานเลยได้กองมรดกและคฤหาสน์นี้มา แต่ก็เกินเยียวยาแล้วแหละ”
“ภาษีสินะ”
“เฮ้อ...ฉันเองก็ฝันอยากมีบ้านอย่างนี้นะแต่พอนึกถึงเงินที่ต้องจ่าย” บิลลี่ส่ายหน้า
ผมเข้าใจและเพราะแบบนี้แหละผมถึงโดนพ่อแม่ค้านอยู่บ่อยเรื่องที่ผมอยากจะซื้อบ้านของตัวเอง ไม่ใช่กลัวผมจะอยู่คนเดียวไม่ได้แต่กลัวไม่มีใครเลี้ยงมากกว่า เอร่อนที่เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเห็นอย่างนี้มันก็โดนไล่ออกจากงานถึงสี่ที่ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
“แล้วคนอื่นล่ะ”
“อ้อลงไปข้างล่างหมดแล้วมั้ง เห็นบอกว่าจะเล่นเกมกันน่ะ”
“เกมท้าความกล้าเหรอ” แอนนามองเอร่อนขุ่นเคือง
“ใช่ ฉันขออนุญาตเจ้าของแล้วว่าอยากจะทำกิจกรรมไว้เผื่อจะช่วยเรียกให้คนเข้ามาพักได้บ้าง เขาก็อนุญาตแล้ว”
“นายจะบอกว่ามีบางจุดสินะที่ไม่ให้เข้าไปวุ่นวาย” ลูแอลถามแต่ตามองโทรศัพท์
“ในกลุ่มเรานายฉลาดที่สุดเพื่อน ใช่...เขาอนุญาตแต่บางห้องเขาขอไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่งเพราะมันเป็นห้องที่เขาเก็บของล้ำค่าของบรรพบุรุษในตระกูลไว้ ซึ่งฉันคิดว่ามันน่าเสี่ยงที่จะลองเข้าไป”
“เกิดเจ้าของรู้ขึ้นมาล่ะ ไม่โดนไล่ออกจากที่นี่เหรอ” ฟาคัลพูดแบบเบื่อหน่ายกับความคิดของเพื่อนตัวเอง
“เฮ้! เขาบอกว่าได้ก็ได้สิ นายไม่อยากก็ไม่ต้องเล่นฟาคัลไม่มีใครบังคับ” ทีเรียน่ากระฟัดกระเฟียด
“แล้วฉันด่ามันหรือยัง แค่พูดแค่นี่ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ฟาคัลยืนประจันหน้ากับทีเรียน่า
“นาย...” เอร่อนกะจะผสมโลงแต่ลูแอลดันลุกขึ้นซะก่อน
“ฉันเห็นด้วยกับฟาคัล คืนนี้เราได้ที่พักสบายแต่ถ้านายทำเสียเรื่องจนโดนไล่ออกจากที่นี่ ฉันจะกลับบ้านและทริปเที่ยวนี้จะจบทันที อย่าคิดเพียงแค่พวกนายนอนด้วยกัน รวมหัวกันแล้วพวกฉันจะต้องเห็นพ้องกับนายหรือนังนี่ด้วยเสมอไปนะ” เขาจ้องเอร่อนเขม็ง “นายอาจเป็นใหญ่แต่ความคิดไม่ใช่ของนายคนเดียว ถ้านายยังดึงดัน ก็แล้วแต่สะดวกเถอะ”
พระเจ้า...เพิ่งได้ยินลูแอลพูดยาวเป็นกับเขาด้วยแถมตอกหน้าเอร่อนกับทีเรียน่าได้เฉียบสุด ๆ มิน่าทำไมทุกคนดูเกรงใจคุณท่านกันนัก เห็นนิ่ง ๆ แต่ด่าคมแบบนี้ ใครจะอยากกวนบาทาจริงไหม ผมแอบสะใจอยู่ลึก ๆ เดาว่าบิลลี่เองก็เหมือนกัน ในบรรดาผมกับบิลเราออกความเห็นแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ได้ยินอย่างนี้แล้วค่อยยังชั่ว
“มีอะไรกันหรือเปล่า ทะเลาะกันเสียงดังมากเลย” เจ้าของโผล่ออกมาจากห้องเขา
“ขอโทษด้วยครับ พอดีเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะครับ” ฟาคัลตอบ
“มีอะไรก็ค่อย ๆ คุยกันไป” เขาเดินลงมาพร้อมดูนาฬิกาข้อมือ “เอ่อพวกคุณจะอยู่นี่กี่วันครับ” สีหน้ากระวนกระวายแปลก ๆ
“ประมาณสี่ถึงห้าวันน่ะครับ” เอร่อนเป็นคนตอบ
“พอดีเลยผมได้รับข้อความจากเพื่อนที่ทำงานให้ไปที่ทำงานด่วน พวกคุณช่วยอยู่ดูที่นี่หน่อยได้ไหม ผมจะรีบกลับมาให้ทันตอนพวกคุณกลับ” เขายกมือไหว้ขอร้อง
“ไม่มีปัญหาครับ” เอร่อนยิ้มกริ่ม เสนอตัวอย่างยินดี
‘ซวยแน่งานนี้’
“ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ! ผมจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดเลย ขอบคุณจริง ๆ นะ อ้อ...ส่วนห้องครัวอยู่ทางขวาเดินสุดทางนะครับ” ว่าจบเจ้าของรีบวิ่งออกไปทันที
“ยินดีที่ได้ช่วยครับ” เอร่อนตอบพอดีกับที่ประตูปิดลง มองหน้าพวกผมแต่ละคน “ไงล่ะ เจ้าของบ้านก็ไม่อยู่แล้ว มาเล่นเกมกันเลยดีมะ”