“ความจริงแล้วสิทธิ์ขาดอยู่ที่ลูกว่าจะให้เครื่องประดับชุดไหนชนะนะคาเมล” เคียร่าถามยิ้มๆ
“ผมทราบครับ แล้วผลออกมาใกล้เคียงกันหรือเปล่า” คาเมรอนตอบเสียงเรียบ
“ก็ใกล้เคียงกันมาก มีชุดเดียวที่โดดเด่นออกมา แต่อยากรู้ใจลูกว่าจะตรงกับที่พวกแม่คิดเอาไว้หรือเปล่า”
“มีอยู่ชุดหนึ่ง ที่ผมบอกคุณแม่ตั้งแต่แรกว่าชอบมากที่สุด เรียบง่ายไม่ต้องคิดเยอะ”
“ชุดนั้นเหรอ คิดเหมือนกันเลย แม่ว่าสวย ดูดี เรียบๆ แต่หรูดูเป็นธรรมชาติมากๆ เอ๊ะหรือว่าชอบคนดีไซด์ด้วย”
“เอ่อ... เปล่าครับ... คือก็... อาจจะมีบ้าง แต่ผมชอบนางแบบมากกว่า” คาเมรอนตอบเลี่ยงๆ ราวกับไม่สนใจสักเท่าไหร่
“โรคเจ้าชู้รักษาไม่หาย แม่ไปละจะเอาผลคะแนนไปรวม”
“ครับผม” คาเมรอนตื่นเต้นไม่น้อยที่ผลคะแนนจะออกมาเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากว่าทุกคนชอบไปในทิศทางเดียวกันหมด เมื่อรวบรวมคะแนนได้แล้ว ตอนนี้เป็นวินาทีที่ผู้เข้าแข่งขันต้องถูกเรียกตัวขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งพร้อมกับนางแบบที่สวมใส่เครื่องประดับของตัวเอง
“ขอเสียงปรบมือให้กับผู้เข้าประกวดทั้งสิบคนอีกครั้งหนึ่งครับ” พิธีกรกล่าวอีกครั้ง เมื่อทุกคนมาพร้อมกันบนเวทีและยืนเรียงแถวหน้ากระดาน จากนั้นเสียงปรบมือจึงดังสนั่นห้องแกรนด์บอลรูม
“วินาทีต่อจากนี้ไปคงเป็นความตื่นเต้นของดีไซเนอร์มือพระกาฬทั้งสิบคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผม ซึ่งก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ แต่ก่อนอื่นผมจะแจ้งรายละเอียดของรางวัลทั้งหมดเสียก่อนนะครับ สำหรับชนะเลิศอันดับหนึ่งรับเงินสดห้าแสนบาทพร้อมกับเซ็นสัญญาเป็นดีไซเนอร์ของบริษัท Grey&M Jewelry เป็นเวลาสี่ปี เพียงคนเดียวเท่านั้น รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สอง รับเงินสดสามแสนบาทและรองชนะเลิศอันดับที่สามรับเงินสดไปหนึ่งแสนบาท แน่นอนครับหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้เซ็นสัญญา ผมอยากให้นางแบบเดินโชว์ตัวอีกครั้งหนึ่งนะครับ ลงไปให้กรรมการและแขกของเราเห็นใกล้ๆ” เมื่อพิธีกรพูดจบนางแบบจึงเดินเรียงแถวโชว์เครื่องประดับทีละคน เพื่อให้กรรมการและคนในงานเห็นอีกรอบ
ขณะเดียวกันคาเมรอนไม่ได้จับจ้องที่เครื่องประดับอีกแล้ว เพราะเขาหมายมุ่งไปที่เจ้าของคอลเล็คชั่นต่างหาก ทำเอาคนที่ถูกมองถึงกับต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น เพราะสายตาของคาเมรอนที่มองมานั่นราวกับจะกลืนกิน แม้จะมองจากระยะไกลแต่ก็รู้สึกได้ ไม่ต่างอะไรกับถูกลวนลามทางสายตาชอบกล
“เอาล่ะครับ วินาทีสำคัญมาถึงแล้วนะครับ รายชื่อผู้ชนะเลิศและรองทั้งสองอยู่ในมือผมแล้ว หวังว่าจะตรงใจท่านผู้ชมนะครับ ผมขอประกาศรองอันดับสองก่อน รางวัลรองชนะเลิศอันดับสองได้แก่...” พิธีกรในงานเริ่มประกาศอันดับสามทุกคนก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมกับเสียงเพลงกระหึ่มหัวใจ
“ได้แก่นายจักราวุธ เหลืองอร่ามครับผม” เมื่อขานชื่อเสร็จเจ้าของชื่อก้มศีรษะลงพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ขณะที่เสียงปรบมือดังกึกก้อง แม้จะไม่ได้ที่หนึ่งแต่เขาก็ดีใจ จากนั้นจึงได้เคียรร่ามอบรางวัลให้
“ลำดับต่อไปนะครับผม รองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ได้แก่...” พอพิธีกรพูดจบเสียงดนตรีก็ดังขึ้นอีกครั้งเพื่อบีบคั้นหัวใจและทันทีที่เสียงดนตรีจบพิธีกรก็ประกาศชื่อ
“ได้แก่นางสาวนริศรา ประเสริฐสกุล” เมื่อพิธีกรหนุ่มประกาศชื่อออกไปแล้ว เจ้าของชื่อจึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ทว่าเวียงพิงค์กลับมีอาการเหมือนคนจะเป็นลม เพราะสองคนที่ได้อันดับรองนั้นดีไซน์ออกมาสวยพอๆ กันเมื่ออันดับสองรับรางวัลเสร็จก็ถึงวินาทีที่บีบคั้นหัวใจมากที่สุด
“ต่อไปเป็นรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง เจ้าของเงินสดห้าแสนพร้อมกับเซ็นสัญญาเข้าทำงานในบริษัทอัญมณียักษ์ใหญ่ของเมืองไทย น่าตื่นเต้นแทนผู้เข้าประกวดจริงๆ เลยครับ และรางวัลชนะเลิศอันดับที่หนึ่งได้แก่...” เป็นอีกครั้งที่เสียงดนตรีจะบีบคั้นหัวใจของผู้เข้าประกวดอีกแปดคน แต่ละคนก็แทบจะเป็นลมเลยทีเดียว
“ได้แก่! นางสาวเวียงพิงค์ ขวัญคำ เจ้าของชุดฤดูผลิรัก!!! ครับผม” เมื่อสิ้นสุดการประกาศเวียงพิงค์ถึงกับอึ้งและช็อก ทั้งดีใจและตื้นตันจนทำอะไรไม่ถูกขณะที่เสียงปรบมือดังลั่นอีกครั้ง แทบจะไม่ค้านสายตาคนดูเลยเพราะทุกคนมองว่าฤดูผลิรักสวย และเรียบหรูมาก ไม่เยอะและไม่น้อยจนเกินไป แต่เวียงพิงค์ก็ยังช็อกอยู่ จนสุดท้ายผู้เข้าประกวดคนอื่นเข้ามาแสดงความยินดีเธอจึงได้สติกลับมาและยกมือไหว้พร้อมกับน้ำตาหลอเบ้าด้วยความตื่นตัน
“ขออนุญาตเรียนเชิญอดีตประธานบริษัท Grey&M เจ้าสัวหัสนัยน์ขึ้นมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศด้วยครับท่าน” ความจริงแล้วคนที่ต้องขึ้นมองคือคาเมรอน แต่เพราะเขาวางแผนกับบิดาไว้ตั้งแต่แรกว่าไม่อยากเปิดตัวในตอนนี้ จึงให้บิดาเป็นคนจัดการทั้งหมด หัสนัยน์จึงลุกขึ้นยืนและหันมาค้อมศีรษะให้กับทุกคนในงาน ก่อนจะเดินขึ้นเวที พร้อมกับมอบป้ายเงินรางวัลห้าแสนบาทให้กับเวียงพิงค์ และมอบโล่รางวัลให้ทั้งสามคน จากนั้นผู้เข้าแข่งขันที่เหลือก็ยังได้รางวัลปลอบใจซึ่งเป็นค่าสมองค่าความคิด คนละหนึ่งหมื่นบาทและใบประกาศ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเคยเข้าร่วมการแข่งขันและเป็นหนึ่งในสิบคนมาก่อน
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นทุกคนกลับลงสู่หลังเวที เมษาซึ่งรอแสดงความยินดีกับเวียงพิงค์ก็วิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนรักด้วยความดีใจระคนด้วยน้ำตาที่ปริ่มพร้อมจะไหลเอ่อ