ไม่ชอบก็ต้องทำ

1069 Words
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ห้องแกรนบอลรูมเริ่มมีแขกทยอยเข้ามาในงาน ทุกคนต่างรอเวลาที่จะให้ประธานมาเปิดงาน ตามหมายกำหนดการที่วางเอาไว้ ทว่ามันยังไม่ถึงเวลา ประธานจึงยังมาไม่ถึง ทำให้ทุกคนเอาแต่ชะเง้อคอ มองไปตรงบริเวณทางเข้างานอยู่ตลอด และแต่ละคนพยายามคุยกันในกลุ่มว่าประธานบริษัทคนใหม่จะหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งนี้เพราะชายหนุ่มไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนตั้งแต่รับตำแหน่ง และน้อยนักที่จะมีคนเคยเห็นหน้า นอกจากเห็นหน้าประธานบริษัทคนก่อนคือเจ้าสัวหัสนัยน์ ฉะนั้นภายในงานจึงมีการซุบซิบเรื่องหน้าตาของประธานคนใหม่ ที่มีเพียงคนในบริษัทระดับผู้บริหารเท่านั้นที่เคยเห็น ระหว่างนั้นฝ่ายที่ถูกนินทามากที่สุดก็อยู่ในช่วงของการเดินทางซึ่งใกล้จะถึงโรงแรมเต็มทีแล้วเช่นกัน “รบกวนป๋าขึ้นไปเปิดงานด้วยได้ไหมครับ ตามแผนที่เราวางเอาไว้” คาเมรอน ประธานบริษัทคนล่าสุด เอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงเรียบ เพราะเขาไม่ต้องการออกสื่อนัก “แผนมันปรับเปลี่ยนได้ แกเป็นประธานบริษัทแล้วนะ จะกลัวอะไรรู้จักออกสื่อเสียบ้าง คนจะได้รู้จักทำตัวลึกลับไปได้” หัสนัยน์เอ่ยด้วยน้ำเสียง “ผมไม่ชอบ ป๋าก็รู้นี่ครับ แล้วอีกอย่างผมเพิ่งจะมาทำงานได้เดือนกว่าๆ นะครับ ผมไม่ชอบที่นักข่าวจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวแทนที่จะเป็นเรื่องงาน ถามนั่นโน่นนี่น่ารำคาญ” คาเมรอนบ่นน้ำเสียงเรียบและขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ “ไม่ชอบก็ต้องทำใจ เพราะงานนี้มันเป็นงานของลูก ลูกเป็นคนจัดขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ แล้วจะให้ป๋าออกหน้ารับแทนทุกครั้งมันไม่ได้ อย่าทำตัวให้คนอื่นเข้าถึงยากนัก” เคียร่า มารดาคนสวยเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาน “ตำหนิผมเพราะว่าผมเข้าถึงตัวยากเหรอครับ แค่นี้เองมันจะเป็นปัญหาอะไรล่ะครับคุณแม่” คาเมรอนบอกอย่างไม่แยแส เพราะมันเป็นนิสัย เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องให้ใครเห็นหน้า แต่ผลงานยอดเยี่ยมก็น่าจะเพียงพอ “แม่แค่บอกว่ามันถึงเวลาแล้วก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ทำใจเถอะเพราะวันนี้ก็เท่ากับว่าเป็นวันเปิดตัวลูกนะคาเมล” “ครับผม จะพยายามทำใจ แต่ถ้าทำให้หงุดหงิดอย่าหาว่าผมเหวี่ยงสื่อก็แล้วกันครับ” “ระดับเจ้าของงานใครจะกล้าว่าเล่า” หัสนัยน์แทรกขึ้นยิ้มๆ พลางเอื้อมมือไปตบที่หัวไหล่ของบุตรชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู คาเมรอน เกรย์ มหัทธนวงศ์สกุล หรือคาเมลที่บิดาและมารดาเรียกสั้นๆ เขาเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปี จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ จากประเทศอังกฤษ ทว่าเมื่อเรียนจบแล้วไม่ยอมกลับเมืองไทยเป็นปี กระทั่งหัสนัยน์อยากจะเกษียณตัวเองพร้อมกับภรรยาคู่ชีวิตจากงานที่เหน็ดเหนื่อยมานาน จึงต้องตามคาเมรอนกลับเมืองไทย เพื่อรับตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่นั่นเอง และคาเมรอนก็ทำงานได้เป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ด้วยนิสัยส่วนตัว คาเมรอนเป็นคนที่มีบุคลิก ดุ น่ากลัว น่าเกรงขาม เย็นชา บางครั้งเอาแต่ใจตัวเองและหยิ่งจองหองถือตัวเอามากๆ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ คนที่คาเมรอนจะเรียกเข้าห้องทำงานเพื่อไปคุยงานด้วยนั้น จะมีแต่ระดับผู้จัดการขึ้นไปเท่านั้น ส่วนพนักงานตัวเล็กๆ นั้นรอรับคำสั่งจากผู้จัดการอีกต่อหนึ่ง แต่เพราะคาเมรอนเป็นคนที่มีเสน่ห์ ยิ่งเก็บตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนทั่วไปอยากจะรู้จักและอยากเข้าถึงตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งได้รู้จากปากต่อปากว่าคาเมรอนหล่อเหลาระดับพระเอกฮอลลีวู้ด ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบด้วยส่วนสูง 189 เซนติเมตร ก็ยิ่งทำให้นักข่าวอยากขอสัมภาษณ์ อยากเห็นหน้า เพราะคาเมรอนคือความลงตัวของสามเชื้อชาติ นั่นคือ ไทย – จีน - อเมริกัน เพราะเจ้าสัวหัสนัยน์เป็นลูกครึ่งไทย - จีน ส่วนมารดานั้นเป็นชาวอเมริกันแท้ๆ แต่มาอยู่เมืองไทยนานนับสามสิบปีทำให้พูดไทยได้คล่องปร๋อ คาเมรอนเป็นทายาทเพียงคนเดียวและมีองค์ประกอบบนใบหน้าครบจนน่าอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่ขาวเหมือนคนจีน ใบหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาแบบหนุ่มอเมริกัน คิ้วหนาเข้ม ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อน แต่เปลือกตาเล็กแบบคนจีน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากรูปกระจับอมชมพูเล็กน้อย ทว่าเวลานี้ความหล่อเหลาหรือความเพอร์เฟคนั้นมันถูกบดบังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะเขากำลังเตรียมรับมือกับกองทัพสื่อมวลมันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเลย และนับจากนี้ไปเขาจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวทันทีที่ก้าวเข้าไปเหยียบโรงแรม และเช่นเดียวกัน ในเวลาต่อมาไม่ถึงสิบห้านาที รถตู้สีขาวคันหรูก็แล่นมาจอดเทียบหน้าทางขึ้นโรงแรม โดยมีเหล่าบอร์ดี้การ์ดส่วนหนึ่งรอรับอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับกองทัพสื่อมวลชนที่รออยู่ตรงบันไดทางขึ้น เมื่อรถจอดสนิทบอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งเดินไปเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่ “เชิญครับท่าน” บอร์ดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเปิดทางให้หัสนัยน์ลงก่อนเพราะนั่งติดประตูพอดี จากนั้นจึงตามด้วยคาเมรอนและเคียร่าตามลำดับ ช่วงเวลานี้เอง แสงแฟรชจากกล้องถ่ายรูปของสื่อมวลชนที่นับจำนวนไม่ได้ก็สาดมาที่ทั้งสามคนพร้อมกันเสียงกดชัตเตอร์กระหน่ำรัว หวังจะเก็บภาพที่ดีที่สุดเอาไว้ ใครอยู่ใกล้ทางขึ้นมากที่สุด คือคนที่ได้ภาพชัดที่สุดไปครอง แต่คาเมรอนไม่ยอมให้ภาพออกไปได้โดยง่าย เขาให้บอร์ดี้การ์ดเกือบยี่สิบคนขวางเอาไว้ ประกบหน้าหลังบิดามารดา เพื่อไม่ให้นักข่าวเบียดเข้ามาอย่างน่าเกลียด ขณะที่นักข่าวพยายามยกกล้องขึ้นถ่ายและซูมไปที่ใบหน้าของคาเมรอนเป็นหลัก งานนี้แสงแฟรชทำให้เขาแทบตาลายเลยทีเดียว แต่ดีหน่อยที่บอร์ดี้การ์ดทำหน้าที่ได้ดีมากจนนักข่าวเข้าถึงตัวไม่ได้เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD