บทที่ 3: แก๊งป่วนก๊วนสวนสัตว์ 2

1067 Words
“เอาเป็นว่าไม่มีอะไรแล้ว คุณก็กลับไปที่บ้านเถอะ แล้วที่เหลือก็ระวังอย่างที่ผมบอกแล้วกัน จะกินเหล้ายาปลาปิ้งอะไร ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามคุณหรอกนะ แต่ผมขอแค่อย่างเดียว” “อะหยังเจ้า” “อย่าเมามาปีนรั้วบ้านผมอีกก็พอ” ฟังแล้วนกยูงก็อดอายจนหน้าม้านไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนดี ได้แต่คว้าผ้าห่มขึ้นมาปิดบังใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ “สุมาเน้อเจ้า” เตมินทร์พยักหน้ารับ เขาไม่ได้ถือสาหาความอะไร เว้นเสียแต่บุคคลภายนอกที่กำลังพูดคุยเอะอะเสียงดังมาให้ได้ยิน “ประตูมันล็อคจากทางด้านนอกนี่หว่า เมื่อคืนนี้อีป้ามันกลับบ้านหรือเปล่าวะ” “กลับบ้านบ้าอะไรล่ะ เมื่อคืนนั่งกินที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหนสักหน่อย” “ป้ามันคงจะออกไปซื้อของหรือเปล่า” “ไม่น่าใช่นะ มันขับรถเป็นซะที่ไหน แล้วอีกอย่าง เมาซะขนาดนั้นจะมีแรงตื่นเช้าไปซื้อของมาเหรอ ปกติต้องโทรหากู ไม่ก็โทรหามึง ใช้ให้ไปซื้อของแทนแล้ว” “แบบนี้มันผิดปกติว่ะ” “ใช่ไหม หรือว่า…จะเกิดเรื่องไม่ดีกับอีกป้าขึ้นวะ” “ไม่ใช่ว่าเมาแล้วเดินออกจากบ้านจนโดนฉุดไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วเหรอวะ” “ปากมึงเหรอไอ้เต่า เดี๋ยวกูก็ทุบซะหรอก” พูดคุยกันล้งเล้ง เตมินทร์เขาจะจับใจความได้ เราคิดว่าถ้ายังให้นกยูงนั่งอยู่ในบ้านเขาอย่างนี้ พวกหนุ่มๆ คงจะใจคอไม่ดีกันยกใหญ่ที่ไม่เห็นมีสาวเจ้าของบ้านอยู่ในบ้านอย่างที่ควรจะเป็น “ผมว่าเราออกไปข้างนอกเถอะ พวกเพื่อนคุณมาตามหากันใหญ่แล้ว ไป เดี๋ยวผมไปส่ง” นกยูงเห็นดีเห็นงามด้วย เธอลุกขึ้นยืน เดินออกไปที่ประตูรั้วบ้านโดยมีชายหนุ่มเดินตามหลังมาติดๆ “มาโวยวายอะไรกันหน้าบ้านคนอื่นเขา กูอยู่นี่” น้ำเสียงแจ๋วๆ ของเธอเรียกให้ทั้งสองหนุ่มหันมามองเป็นตาเดียว ก่อนจะพากันโล่งใจเป็นทิวแถว ขณะที่เตมินทร์ไขกุญแจเปิดประตูรั้วบ้านออกให้ “อ้าวป้า นึกว่าโดนฉุดไปทำอะไรซะแล้ว ที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง” ไอ้เต่าเลยทักเป็นคนแรก สีหน้าท่าทางของมันดูโล่งใจไม่ใช่น้อย “ปากมึงเนี่ยนะ ใช่ซะที่ไหนล่ะ” นกยูงสวนกลับ ชูกำปั้นขึ้นในอากาศ ทำท่าเหมือนกับว่าจะทุบกบาลคนตรงหน้าให้หายหมั่นไส้สักทีสองที “แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้เข้ามาอยู่ในบ้านของคุณเขา” คราวนี้โรเบิร์ตเป็นคนถาม “ก็…” นกยูงอึกอักไปในฉับพลัน ไม่กล้าตอบว่าเมื่อคืนนี้เธอก็เป็นรั้วบ้านของเตมินทร์อีกแล้ว โดยไม่ทันคิดเลยว่าท่าทางของเธอที่มองไปยังผู้ชายคนข้างๆ ด้วยสายตาหลุกหลิกอย่างคนมีพิรุธจะทำให้เพื่อนพี่น้องทั้งสองสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้อย่างง่ายดาย “ก็อะไรวะ” ในที่สุด พี่ใหญ่อย่างโรเบิร์ตก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา “ก็…” นกยูงยังคงอึกๆ อักๆ อยู่ ก้มหน้างุดลงไปเหมือนคนมีความผิด “ก็อะไร รีบๆ พูดมาดิ” ไอ้เต่าชักทนไม่ไหว เร่งรัดมาด้วยอีกคน นกยูงเหลือบไปมองหน้าชายหนุ่มข้างๆ ขณะที่เขาพยักหน้ารับน้อยๆ เป็นเชิงบอกให้เธอพูดความจริงไป “แน่ใจนะเจ้า?” อยู่ดีๆ ก็เอ่ยออกมา สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้กับหนุ่มๆ อีกสองคนเป็นอย่างมาก จะมีก็แต่เตมินทร์เท่านั้นละที่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบรับไปเป็นเชิงให้เธอบอกไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก นกยูงสูดหายใจเข้าปอดลึก ตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด “คือเมื่อคืนกูเมาใช่ปะ” “เออ แล้ว?” “แล้วก็…” เหลือบมองหน้าเตมินทร์อีกครั้ง ก่อนจะยอมบอกความจริง “จำอะไรไม่ได้อีกเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นปี้คนนี้…ในบ้านของเขา” …แต่ไม่หมด “หา!?” และการที่พูดไม่หมด ลงรายละเอียดไม่เต็มที่นี่ละที่สร้างความเข้าใจผิดให้กับคนฟังเต็มเปา ส่วนเตมินทร์พอได้ยินชายหนุ่มทั้งสองพากันร้องลั่นด้วยความตกใจ สัญชาตญาณก็บอกเขาทันทีว่างานกำลังเข้าเขาให้แล้ว พูดแบบนั้น ใครๆ ก็ต้องเข้าใจว่าพาเธอเข้ามาทำมิดีมิร้ายในบ้านเขาน่ะสิวะ! “เดี๋ยว ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณเข้าใจนะครับ” ปากรีบแย้ง หาข้อแก้ตัวให้ตัวเองออกไปทันที มือทั้งสองข้างยกขึ้นในอากาศเป็นการบอกโดยนัยว่าให้หนุ่มๆ ใจเย็นก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว เพราะไอ้เต่าซึ่งเป็นตัวแทนหมู่บ้านเข้าใจผิดไม่พอ ของขึ้นนำชาวบ้านไปก่อนแล้ว เพียงเท่านั้น เขาก็โพล่งออกมาเสียงดัง “มึงทำป้ากูเหรอ!?” พลั่ก! “เฮ้ย! ไอ้เชี่ยเต่า!” กำปั้นหลุนๆ พุ่งเข้ามาปะทะที่ข้างแก้มของเตมินทร์เข้าอย่างจังจนเขาทรุดตัวล้มลงไปกับพื้น ความมึนงงปะทะเข้ามาจนตาลายไปหมด ตอนนี้เขาไม่รู้เสียงใครต่อใครบ้างดังขึ้นรอบกาย รู้แต่ว่าทุกคนล้วนพูดประโยคเดียวกัน ซึ่งเป็นประโยคสบถด่าไอ้เต่าเป็นพัลวัน ตามมาด้วยเสียงของนกยูงที่หวีดร้องลั่น พลันเข้ามาประคองเขาขึ้นมานอนหนุนตัก “ทำกูบ้าอะไรล่ะ เดี๋ยวก็พากันติดคุกหัวโตหรอก เป็นบ้าเหรอ!?” “อ้าว ก็ป้าบอกว่าไอ้นี่มันปู้ยี่ปู้ยำป้าอะ” “ทำเชี่ยอะไรล่ะ กูแค่บอกว่ากูจำอะไรไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็มาตื่นในบ้านปี้เขาแล้วเฉยๆ เว้ย!” “งั้นก็…แสดงว่าป้า…” “ไม่ได้โดนทำอะไรเว้ย!” “เฮ้ย!” จากนั้นความชุลมุนพลันบังเกิด เตมินทร์แทบจะไม่รับรู้อะไรแล้ว ในหูดังวิ้งๆ ไปหมด มิหนำซ้ำ ภาพดวงหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวที่กำลังประคองหัวเขาอยู่ก็เลือนรางเต็มที ก่อนจะดับไปโดยมีเสียงของเจ้าหล่อนดังมาเขย่าประสาทเป็นการส่งท้าย “ตายห่าแล้ว! ติดคุกหัวโตแล้วกู!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD