หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับชี้มือชี้ไม้ไปยังด้านหน้าเพื่อบอกทางให้เตมินทร์ได้ไปส่งเธอถูกที่ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเพราะเขาเป็นคนเสนอเองว่าจะมาส่งเธอถึงที่บ้าน และการที่เธอบอกทางเขาอย่างละเอียดแบบนี้ก็เป็นการดีไม่น้อยเพราะเขาจะได้รู้ว่าควรขับรถไปทาง ไม่ต้องเสียเวลาคลำหาทางให้วุ่นวาย ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี จะไม่ดีก็แต่…
“แล้วก็เลี้ยวซ้ายตรงนี้เจ้า”
ซอยนี้…มันดูคุ้นๆ นะ
“นี่แหละ หมู่บ้านนี้เลยเจ้า”
น้ำเสียงใสดังขึ้นอีกครั้ง เตมินทร์มองป้ายชื่อหมู่บ้านแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
นี่มันหมู่บ้านที่เขาอยู่ไม่ใช่เหรอ…
สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเขาว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว ยิ่งขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้ารั้วบ้านเขาและหญิงสาวข้างกายร้องบอก
“จอดตรงนี้แหละ ถึงแล้วจ้า”
บ้านเธออยู่ข้างๆ บ้านเขาอย่างนั้นหรือ!?
แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น ขณะที่อีกฝ่ายเปิดประตูรถลงมายืน แล้วเปิดประตูทางด้านหลังคว้าเอาข้าวของลงมาวางไว้บนพื้น ก่อนที่จะกลับมาเปิดประตูข้างคนขับเพื่อขอบคุณเขา
“ขอบคุณที่มาส่งบ้านนะเจ้า ถ้าบ่ได้ปี้ น้องคงบ่ได้ปิ๊กบ้านง่ายๆ แบบนี้”
เตมินทร์ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไรดี เขามองเธอสลับกับหน้าบ้านข้างๆ พลันตัดสินใจถามออกไป
“บ้านคุณ…หลังนี้เหรอ”
เธอหันไปมองยังหน้าบ้านของตนเองก่อนจะพยักหน้า
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“เปล่า ผมก็แค่ถาม คุณคงจะเป็นหลานของป้าบ้านนี้สินะ”
สีหน้าของเธอดูประหลาดใจไม่น้อย
“ป้าไหน บ้านนี้ฉันอยู่คนเดียว”
“อยู่คนเดียวเหรอ”
เป็นเขาบ้างแล้วที่มีสีหน้างุนงง แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อเพราะดูท่าทางแล้วถ้าเขาถามออกมาเองแล้วก็ คงจะเป็นเรื่องยาวอย่างแน่นอน
“งั้นก็เข้าบ้านเถอะ วันนี้ก็เริ่มมืดแล้ว เป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวมันอันตราย”
แต่การพูดอย่างนี้กลับทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาน้อยๆ
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันก็มา ไม่มีอะไรอันตรายเท่าพวกมันแล้ว”
คงจะหมายถึงพวกผู้ชายพวกนั้นล่ะสินะ
“โอเคครับ”
ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกันต่ออีก เตมินทร์ตัดสินใจว่ากลับเข้าบ้าน แต่เมื่อเขาทำท่าจะลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูรั้วและถอยรถเข้าบ้าน หญิงสาวก็รั้งเขาเอาไว้
“ว่าแต่ปี้ชื่อหยังเจ้า ป๊ะหน้ากันตึงวัน น้องยังบ่ฮู้ว่าปี้ชื่อหยังเลย”
จู่ๆ ก็พูดภาษาเหนือสลับขึ้นมาเสียงดังนั้น ดีที่เตมินทร์พอจะฟังออกอยู่บ้าง
“ชื่อเตมินทร์ครับ”
เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรในการบอกชื่อจึงได้เอ่ยออกไป เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนถามจนตาหยี
“น้องชื่อนกยูงนะเจ้า อยู่ข้างๆ บ้านกันของฝากมาด้วยนะ”
“ครับ…”
ไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่พูดออกไปเช่นนั้น แผ่นหลังบางผลุบหายเข้าไปในบ้านของตัวเอง ทิ้งให้เตมินทร์มองตามหลังพร้อมกับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาในใจเล็กๆ
รู้สึกเหมือนกับว่าจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาอย่างไรก็ไม่รู้สิ
และความวุ่นวายก็บังเกิดจริงอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ ด้วย เพราะทันทีที่ฟ้าเริ่มมืด พวกเราผู้ชายที่เขาได้เห็นเมื่อตอนเช้าก็มาปรากฏตัวที่ข้างบ้าน เขาไม่เห็นหรอกว่าคนพวกนั้นมาหาผู้หญิงข้างบ้าน แต่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของคนเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงของผู้หญิงที่ชื่อว่านกยูงซึ่งดูจะดังกว่าใครเพื่อน
“แล้วแทนที่มึงจะคอยรอรับกูกลับ ก็ดันกลับไปก่อน กูเกือบจะมีเรื่องพวกคนขับรถส่งของไหมล่ะ”
“ความผิดไอ้เต่าเลย มันเอามึงไปดรอปเอาไว้นี่”
“โห่ ทีอย่างนี้มาโทษกันว่ะพี่ ตอนไปส่งไม่เห็นชมบ้างเลยล่ะ”
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกว่ากลับเองไม่ได้”
“ถ้าไม่วุ่นวายกับการด่าไอ้คนขับรถส่งของแล้วก็ ป่านนี้โทรเรียกพี่โรเบิร์ตให้มารับแล้ว”
“แล้วนี่กลับมายังไง”
“ปี้ข้างบ้านเขาไปเจอพอดีก็เลยมาส่งน่ะสิ”
คุยกันดังมากพอที่จะได้ยินว่าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง เตมินทร์ได้ยินว่าตนแอบโดนพาดพิงก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เพราะไม่ได้ถูกพาดพิงในเชิงไม่ดี อีกอย่างคือหลังจากนั้นพวกนั้นก็คุยเรื่องอื่นแทน ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องครื้นเครงฮาเฮที่เตมินทร์ไม่ใส่ใจจะฟังเท่าไร เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนขี้เผือกอย่างไรก็ไม่รู้ แม้ว่าเสียงพูดคุยของคนข้างบ้านจะค่อยๆ ดังขึ้น…ดังขึ้น…ไม่หยุดหย่อนเลยก็ตามที ผ่านไปร่วมหลายชั่วโมงแล้ว เกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่หยุดหย่อนจนเขาชักจะเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาอย่างไรไม่รู้สิ
ต้องมาอยู่ข้างบ้านพวกแว้นบอยสก๊อยเกิร์ล แถมยังมีมนุษย์ป้าขี้โวยวายอีก เขาจะอยู่รอดได้เกินอาทิตย์นึงหรือเปล่านะ
แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาสามารถไปหาที่อยู่อื่นอยู่ได้อยู่แล้ว
เตมินทร์ไม่อยากเอาเรื่องนี้มาใส่ใจ เขาตั้งท่าเตรียมจะเข้านอนเมื่อเห็นว่าเสียงของคนข้างบ้านเริ่มเงียบลงไปแล้ว ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่บ่งบอกให้รู้ว่าสมาชิกแก๊งคนอื่นๆ ได้พากันแยกย้ายกลับบ้านไปหมดแล้ว
ค่อยโล่งหูหน่อย นึกว่าจะไม่ได้นอนหลับอย่างสบายใจเสียแล้ว
แต่มันคงจะเป็นเพียงความคาดหวังของเขาเท่านั้นละมั้ง เพราะทันทีที่เขากำลังจะเดินเข้าห้องนอน ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงนี้…เหมือนกับเสียงวันแรกที่เขาได้ยินเลยอย่างนี้ไม่รู้แฮะ
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงยังคงดังไม่หยุดหย่อนจนเขาทนไม่ไหว ต้องเดินออกมาแง้มผ้าม่านดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทางหน้าบ้านของเขา ก่อนจะพบว่า ณ ประตูรั้วบ้านมีร่างของใครคนหนึ่งกำลังพยายามปีนเข้ามาในบ้านพักตากอากาศของเพื่อนเขาอีกแล้ว
“ไอ้พวกเวรเอ๊ย! มาล็อคบ้านกูทำไมวะ!”
มนุษย์ป้าข้างบ้านอีกแล้ว!
กำลังปีนยงโย่ยงหยกเข้ามาเลยทีเดียว ทำเอาเตมินทร์รีบไปเปิดไฟหน้าบ้านเสียงแทบไม่ทัน แล้วก็พบว่าคนที่กำลังปีนบ้านเขาไม่ใช่มนุษย์ป้าอย่างที่เขาเข้าใจในตอนแรก หากแต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อว่านกยูงกำลังไปปีนข้ามรั้วบ้านเขามาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
“ทำอะไรของคุณน่ะ”
เขาเปิดประตูออกไปร้องถามในทันที เสียงของเขาทำเอาหญิงสาวชะงักได้เล็กน้อย เหลือบมองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ดูเมาได้ที่
“นั่นใครอะ เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง”
มันเป็นแบบนี้ตลอดเลยไหมนะแต่การที่เมาแล้วเข้าบ้านผิดเนี่ย?
พอจะรู้แล้วว่ามนุษย์ป้าข้างบ้านที่พวกผู้ชายเรียกกันก็คงจะหมายถึงเธอนี่แหละ อาจจะเป็นสมญานามหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าคนที่มาเป็นตัวบ้านเขาเมื่อวันก่อนก็คือเธออย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดการคนเมาให้ไปให้พ้นหน้าบ้านเขามากกว่า
“บ้านคุณอะไรกันล่ะ บ้านคุณอยู่ข้างๆ ต่างหาก”
พูดพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปยังบ้านข้างๆ แต่ดูจะไม่ได้ผลสักเท่าไรนักเมื่อเธอสวนกลับมา
“บ้านข้างๆ อะไร บ้านหลังนี้ต่างหากที่เป็นบ้านของฉัน คุณน่ะเข้ามาได้ยังไง หรือว่า…แอบชอบฉันล่ะสิถึงได้ลอบเข้าบ้านฉัน ช่วยด้วย! มีผู้ชายปีนเข้าบ้านฉันค่ะ!”
พูดไปเรื่อย! ใครมันจะไปชอบผู้หญิงแบบนี้! ที่สำคัญ คนที่ปีนเข้าบ้านน่ะคือเธอต่างหาก!
“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย! มีผู้ชายแอบเข้าบ้านฉันค่า!”
เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนเตมินทร์รู้สึกว่าถ้าไม่ลงมือทำอะไรบางอย่าง ชาวบ้านละแวกนี้คงได้เข้าใจผิดไปกันหมดแน่
เข้าใจเขาก็รีบเดินมาที่ประตูรั้ว ร้องบอกกับหญิงสาวที่ยังคงค้างเติมอยู่บนประตูรั้วบ้านเขาอย่างเร็วๆ
“จะลงมาดีๆ หรือจะต้องให้ผมลากลงมา”
น้ำเสียงบ่งบอกว่าเอาจริงเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาเป็นฟังชะงักไปเล็กน้อย
“คุณก็ออกมาจากบ้านของฉันก่อนสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะปีนเข้าไปลากคุณออกมา!”
“แต่นี่มันไม่ใช่บ้านคุณ บ้านคุณอยู่ข้างๆ”
“ทำไมจะไม่ใช่บ้านฉัน ดูยังไงก็บ้านฉันชัดๆ!”
ดูท่าทางจะคุยไม่รู้เรื่อง เตมินทร์ตัดสินใจในเสี้ยววินาทีว่าจะปล่อยให้แม่นี่ปีนรั้วจนหนำใจ ส่วนเขาก็จะเข้าไปหลบอยู่ด้านใน ถ้าเธอจะปีนเข้ามาได้ก็ไม่เป็นไร ไว้รอให้เธอสร่างเมาเมื่อไร เขาค่อยตามเช็คบิลทีหลังก็ได้
“งั้นก็แล้วแต่คุณแล้วกัน ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
พูดจบก็หันหลังให้ทันที ไม่สนใจเสียงร้องโหวกเหวกที่ดังไล่หลังตามมา
“ห้ามเข้าไปในบ้านฉันนะ! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เคร้ง! เคร้ง!
“เปิดบ้าน! บอกให้บอกไง! เอิ๊ก!”
เปิดก็แย่แล้ว ใครมันจะกล้าให้เขามา
“คุณเมามากแล้ว บ้านของคุณอยู่ข้างๆ ต่างหาก”
อุตส่าห์บอกไปดีๆ ก็แล้วยังจะไม่ฟัง แถมยังมีหน้ามาชี้หน้าเขา เถียงคอเป็นเอ็น
“บ้านของนายต่างหากที่อยู่ข้างๆ ตรงนี้มันบ้านของฉัน! มันคือรังนกยูง! เข้าใจไหมว่าเป็นรังนกยูงน่ะ!”
พร้อมกับรำแพนให้ดูเป็นการใหญ่
นกยูงอะไร นกแสกสิไม่ว่า!
ไม่พูดเปล่า ยังจะพยายามปีนเข้ามาอย่างสุดกำลัง เตมินทร์เกือบจะไม่สนใจอะไรอีกแล้วถ้าหากไม่ฉุกใจอะไรบางอย่าง หันไปมองยังต้มเสียก่อนจะรีบเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าร่างเขามีสาวที่ปีนรั้วเข้ามาทำท่าจะร่วงลงมาที่พื้น
“เฮ้ย! ระวัง!”
“ว้าย!”
เขารีบพุ่งพูดไปรองรับบ้างเธอเอาไว้ เคราะห์ดีที่เธอร่วงลงมาในอ้อมแขนของเขาพอดี
“คุณนี่นะ…”
เขาค่อนข้างหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องมาเป็นเบาะรองรับร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังมองหน้าเขาด้วยดวงตาปรือแทบจะปิด มิหนำซ้ำ ยังเหม็นกลิ่นละมุดไปทั่วทั้งตัวอีกด้วย
“ออกไปจากบ้านฉัน…เลยนะ…”
น้ำเสียงยานคางและอ้อแอ้ทำให้เตมินทร์สังหรณ์ใจขึ้นมาแปลกๆ แล้วการสังหรณ์ใจของเขาก็เป็นจริงเสียด้วยเมื่อจู่ๆ เธอก็ชัตดาวน์ตัวเองไปเสียดื้อๆ
“นี่คุณ อย่ามาหลับเอาตอนนี้นะ!
“คร่อก…”
ไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย นกยูงผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว เตมินทร์ได้แต่มองใบหน้าพริ้มเพราที่กำลังส่งเสียงกรนออกมาให้ได้ยินด้วยความระอาใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรง
“เอาไงต่อดีละเนี่ย…”
เขาพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็ตัดสินใจอุ้มเธอเข้าไปวางไว้บนโซฟาในบ้านก่อน พลันยืนกอดอกมองร่างเล็กที่นอนหลับอุตุ ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับสิ่งที่ตนกระทำเลยแม้แต่น้อย
ชื่อนกยูงเหรอ สำหรับเขาแล้วเธอน่าจะเหมาะกับชื่อนกแสกเสียมากกว่าอีก!