"พี่อ่านนิยายของน้องทุกเรื่องแล้ว ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยสักนิด นี่น้องเขียนได้แค่นี้เหรอครับ? ไปแก้!" น้ำเสียงสบประมาทของบรรณาธิการหนุ่มคนใหม่ หน้าขาวราวกับดาราเกาหลี ริมฝีปากสีเชอรี่น่าจุ๊บแถมหล่อล่ำ กล้ามฟิตเปรี๊ยะ น่าเจี๊ยะ ตั้งแต่บนลงล่าง เสียอย่างคือปากไม่น่าพิสมัย! และไอ้ประโยคเมื่อกี้ของเขานั่นแหละทำให้ฉันถึงกับเบ้ปากอย่างหงุดหงิด
ฉัน คือ 'น้ำพลอย' นักเขียนนิยายวาบหวิวผู้เป็นที่โจษจัณฑ์ที่สุดในศตวรรษ (ละเมอและเพ้อเอง) ฉันเขียนมาหมดตั้งแต่ท่าเบสิกยันท่ายาก ร้อยแปดท่า แต่มีปัญหาแค่ว่า…
"ขอโทษแล้วกันนะคะที่เขียนแล้วเข้าไม่ถึงอารมณ์ พอดีว่าพลอยไม่เคยลองของจริง" ฉันตีหน้ามึนก่อนจะเบะปากอย่างไม่พอใจเมื่อเขาชักสีหน้าใส่
ชิ! คิดว่าใหญ่แล้วจะด่าอะไรฉันก็ได้หรือไง ถึงหน้าฉันจะเรียวสวยเหมาะกับการมีแฟนมาครบร้อยแปดคนยังไงก็ตามแต่ เรื่องจริงคือตั้งแต่เกิดมายี่สิบกว่าปี คนสวยคนนี้ไม่มีแฟนเลยสักคนเดียว!!
ย้ำ… ไม่มีแฟนเลยซักคน T^T
เข้าใจที่ฉันจะสื่อมั้ย? ไม่มีแฟน = ฉันซิง!! ซิงจริงๆ ไม่ได้โม้ แล้วมันจะผิดตรงไหนถ้าฉันจะพลาดบ้างอะไรบ้าง T^T ฉันจะไปเข้าใจความรู้สึกฟรุ้งฟริ้งของคนที่เคยปั่มปั๊มกันได้ไงอ่ะ!
เขาเงียบก่อนจะมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้จู่ๆ รอยยิ้มปีศาจนั่นก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก
"จะบอกว่าถ้าได้ลองแล้วเขียนได้...?"
เอ๊ะ... ฉันชะงักไปครู่นึง
"งั้นก็ลองเลยมั้ย พี่จัดให้เลย!!" น้ำเสียงจริงจังกับร่างสูงที่ลุกพรวดจากเก้าอี้พลางกระโดดข้ามโต๊ะแล้วย่างสามขุมมาทางฉันทำให้เส้นเลือดทุกเส้นบนร่างกายไหลเวียนรุนแรงจนหน้าฉันแดงร้อนไปหมด คนตัวสูงกระตุกยิ้มก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเผยให้เห็นสัดส่วนกล้ามเนื้อที่สวยงามจากการออกกำลังกายของเขา ฉันตกใจถอยหลังกรูดจนชนเข้ากับกำแพงสีขาวสะอาด กำแพงที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันหมดทางหนีจากปีศาจที่หิวกระหายตนหน้าแล้ว…
“พะ พี่จะทำอะไรพลอยคะ…” ฉันพูดตะกุกตะกักพร้อมกับหัวใจเต้นรัว “อย่านะ…” น้ำเสียงฉันขาดหายไปเมื่อเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาถูกทิ้งกองลงกับพื้นดังแหมะ เหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดระที่หน้าผากของฉันเมื่อคนตรงหน้าทำท่าจะกระโจนเข้ามา
“ก็จะให้ลองไง จะได้เขียนฉากอย่างว่าออกมาให้เข้าถึงอารมณ์หน่อย”
และประโยคนั้นของเขาทำให้ฉัน…
กะ กรี๊ดดดดดด!!!!!
โครม!!!!
“เป็นบ้าอะไรแต่เช้าวะ ก๊อย!” น้ำเสียงทุ้มแสนคุ้นเคยกับความรู้สึกเจ็บแปล๊บบริเวณศรีษะแล่นพล่านเข้ามาตามเส้นประสาท นัยน์ตาสีเฮเซลจ้องลงมามองฉันอย่างไม่สบอารมณ์ เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์สีแดงเลือดหมูเก่าๆ ในมือถือไอศกรีมแม็กนั่มที่...
แหมะ
ตกใส่หัวข้าพเจ้า ‘น้ำพลอย’ ว่าที่นักเขียนหมื่นล้านล้านในอนาคต ความเย็นของมันทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลของฉันเบิกกว้างรับรู้สภาพรอบข้าง บ้านเดี่ยวขนาดสี่ห้องนอน สองห้องน้ำหลังนี้เป็นแชร์เฮ้าส์ที่พวกเราอยู่ร่วมกันหลายคน และคนที่เป็นเจ้าของบ้านคอยดูแลเก็บกวาดก็คือแม่ฉันเอง ซึ่งตอนนี้แม่ฉันป่วยกระเสาะกระแสะเลยกลายเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องดูแลบ้าน เมื่อวานฉันก็เลยต้องเก็บกวาดเช็ดถูและเผลอหลับไป...
หลังของฉันสัมผัสพื้นกระเบื้องสีฟ้าก่อนจะชาไปทุกส่วนเพราะฉันตกลงจากโซฟาเพราะไอ้ความฝันบ้าๆ เมื่อกี้แน่ๆ ฮือ เนื่องจากสำนักพิมพ์ที่ฉันสังกัดเปลี่ยนแนวจากสดใสมุ้งมิ้งกลายเป็นสุดแซ่บ ฉันเลยถูกสั่งให้เร่งเขียนฉากชายหญิงปั่มปั๊มกันโดยพลัน นั่นแหละงานยากเลย T^T
“ฉันก็แค่ฝัน ผิดอะไรเล่า ฮึ่ย!” ฉันบ่นอุบแล้วรีบพยุงตัวลุกขึ้นเร็วเกินไปทำให้ภาพตรงหน้ามืดตึ๊บเพราะเลือดไหลเวียนไม่ทัน
ให้ตายนี่ฉันเก็บเอาเรื่องบรรณาธิการคนใหม่มาฝันเป็นตุเป็นตะอีกแล้ว อีตานั่นด่านิยายฉันจนอยากจะสาปแช่งให้ตายๆ กลายเป็นหมาจรจัดไปซะ แต่ฉันดันเอามาฝันว่ากำลังจะปั่มปั๊มกับเขาเนี่ยนะ! ฮือ หนังหน้าก็ไม่เคยเห็น แต่ฝันซะหล่อเอ็กซ์เซ็กแอพพีลลิ่งมากเลยอ่า (*หมายเหตุเนื่องจากอยากดัดจริตใช้ภาษาอังกฤษจึงต้องแปล เซ็กแอลพีลคือมนต์สเน่ห์อาคันตุกะแห่งสรีระร่างกายที่ดึงดูดเพศตรงข้าม หันซ้ายก็อ๊าส์ มันใช่ หันขวาก็โอ๊ย มันช่างโดน)
เฮอะ! ฟินเป็นบ้า -.,- เอ้ย! ไม่ใช่
โอ๊ยๆๆๆ พอ เมื่อไหร่ฉันจะเลิกมโนถึงอีตาบรรณาธิการคนใหม่ที่มิเคยเห็นหน้าค่าตาสักที พวกเราติดต่อกันผ่านอีเมล์และโทรศัพท์เท่านั้น เขาคือผู้ชายนิสัยแย่อันดับสองรองจากไอ้บ้าตรงหน้าฉัน ผู้ชายใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์เน่าๆ เดินร่อนไปร่อนมาด้วยท่าทีไม่แยแสกับใครในโลก อีตานี่คือ ‘นาคิน โชติโภคิน’ หนึ่งในสมาชิกบ้านแชร์เฮ้าดีเรนเจอร์
อ้อ แล้วจะบอกอะไรให้ อีบ้านหลังนี้น่ะมีกันอยู่สี่คน หนึ่ง คือฉัน สอง คือ นาคิน หรือพี่แว๊นซ์ เพราะอีตานี่บ้ามอเตอร์ไซค์ขั้นปรมาจารย์ขนาดที่ว่าถ้ามีเมียเป็นมอเตอร์ไซค์ได้ เขาคงทำอย่างไม่ลังเล สามคือ อัศวิน ผู้ชายที่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านสักเท่าไหร่ แถมเอาใจยากเป็นที่สุด
ส่วนคนสุดท้าย ผู้ชายต้องห้าม คุณท่าน หรือ เฮียจ๋อเขาพึ่งเข้ามาอยู่ใหม่เพราะรูมเมทเก่ามีแฟนเลยโดนเนรเทศออกมาอย่างน่าสงสาร เขาต้องห้ามยังไงน่ะเหรอ? ก็แตะเป็นตบ จับเป็นถีบ ฉันจึงต้องหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้เขาในระยะหนึ่งเมตร
“ก็ผิดหมดอ่ะ เกิดมาหน้าตาผิดผีแล้วยังมีนิสัยขี้มโนอีก โคตรน่าสงสาร อยู่มาได้ไงตั้งยี่สิบปีวะ ก๊อย ถามจริง?” คนร่างสูงโพล่งขึ้นพร้อมกับงับไอศกรีมต่อด้วยใบหน้ายียวนกวนส่วนล่าง
ดูดู๊ อีตานี่หาเรื่องทะเลาะแต่เช้าตรู่ แถมยังเรียกฉันสก๊อยไม่เลิก ทั้งที่ฉันไม่ใช่สักหน่อย นายก็หัดแหกตาดูการจราจรในกรุงเทพมหานครบ้างสิ มีกี่แยก! กี่ไฟแดง! แล้วรถกี่คัน! ติดยาวเป็นกิโลขนาดนั้นถ้าฉันไม่เหาะก็ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปสิ ถึงจะทัน ฮึ่ย!