สุราเหล่านี้ล้วนมีพิษ
เมื่อหลิวลั่วอี้ลืมตาอีกครั้ง นางพบว่าตนอยู่ในรถม้าที่กำลังมุ่งตรงไปยังอารามนอกเมือง โดยเป็นคำสั่งฮองเฮา ที่ต้องการให้สตรีที่จะรับใช้ปั๋วอ๋องไปสถานที่ดังกล่าว ซึ่งไม่ชอบมาพากลอย่างที่สุด
“เป็นแผนของนางแม่งป่องพิษที่ต้องการกำจัดพวกเรา”
เสียงหนึ่งในสตรีที่ถูกคัดตัวมาดังขึ้น ยามนี้หญิงสาวที่ผ่านการคัดเลือก เหลืออยู่เพียงสี่คนรวมหลิวลั่วอี้ด้วย
“เหตุใดถึงกล่าวเช่นนั้น” หลิวลั่วอี้ถาม
“ฮองเฮา กลัวว่าหนึ่งในพวกเรา จะได้ก้าวขึ้นเป็นสนมคนโปรดของฝ่าบาท ดังนั้นจึงใช้แผนลวง หลอกให้พวกเรามาที่อารามเชิงเขา หวังฆ่าให้ตายเสีย ก่อนจะได้พบกับฮ่องเต้”
“โอ้ มีเรื่องบัดซบเกิดขึ้นเช่นนี้!” หลิวลั่วอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“มิผิด พวกเราต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ มิเช่นนั้น คงกลายเป็นศพ ก่อนจะได้รับใช้ฝ่าบาท”
เมื่อคนหนึ่งเอ่ยจบ รถม้าก็หยุด และมีเสียงเรียกให้สตรีทุกคน ก้าวลงไป
‘โอกาสพบปั๋วอ๋อง 60%
โอกาสเสียชีวิต เริ่มระบบใหม่ 80%
ทางลัด สามารถเลือกใช้ 200 คะแนน เพื่อไปซื้อเกราะไหมทองคำ ป้องกันโจมตี และอาวุธลับ!’
หลิวลั่วอี้ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง แต่เมื่ออยู่ในโลกคู่ขนานนางย่อมเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอ นางเลยจิ้มไปที่จอภาพเบื้องหน้าแล้วโอนคะแนน เพื่อซื้อเกราะไหมทอง และส่วนที่เหลือซื้อ ยาลูกกลอนป้องกันพิษ
พอก้าวไปยืนที่พื้นกงกงหนุ่มคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ พร้อมแจ้งว่า ฮองเฮาประทานเหล้าหมักพิเศษให้สตรีทุกคน !
เสียงหนึ่งดังในโสตประสาท และแจ้งให้หลิวลั่วอี้รู้ว่า แผนตื้นเขินของนางแมงป่องวังหลังเริ่มขึ้นแล้ว
“มันไม่ถูกต้อง ข้าไม่ยอมดื่มเด็ดขาด”
คนที่ยืนใกล้หลิวลั่วอี้เอ่ย แสดงท่าทางหวาดกลัวอย่างที่สุด
“เจ้ากลัวสิ่งใดหรือ” กงกงหนุ่มถาม และยังยิ้มบนใบหน้า
“สุราหมักเหล่านี้ล้วนมีพิษ”
“บังอาจ หากกล้าใช้วาจาเช่นนี้ พวกเจ้าทั้งสี่คน ย่อมไม่ทันได้ตายด้วยสุราหมักแน่นอน”
หลิวลั่วอี้หรี่ตามองกงกงหนุ่ม ก่อนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “เยี่ยงนั้น สุราที่ประทานมาจากฮองเฮา ย่อมมีพิษ!”
กงกงหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและตอบนาง
“กล่าวเช่นนั้น มิผิดนักหรอกคุณหนูหลิว หนึ่งในสี่จอก มีสุราที่ออกฤทธิ์รุนแรง ทำให้ผู้ที่ดื่ม สลบเหมือนตายเป็นเวลาสิบสองชั่วยาม และมากเกินพอ ที่จะให้นางผู้โชคร้าย ไม่ได้เข้าไปรับใช้ฝ่าบาท!”
กงกงหนุ่มว่าจบจึงส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็กแสนน่าเกลียด
หลิวลั่วอี้เห็นว่าทุกคนกำลังลังเล ไม่มีใครกล้ายื่นมือออกไปหยิบจอกสุรา ดังนั้นนางจึงถือโอกาสเลือกเป็นคนแรก แต่มือก็สั่นอยู่สักหน่อย
“คุณหนูหลิว ช่างบ้าบิ่นนัก แล้วมั่นใจหรือว่า ท่านจะไม่ใช่สตรีโชคร้ายคนนั้น!”
กงกงหนุ่มเอ่ย และส่งสายตาชวนหลอนให้แก่หลิวลั่วอี้
แม้จะพบว่า สายตากงกงหนุ่มนั้นที่มองมาสร้างความชวนหลอน และไม่เป็นมิตรอย่างที่สุด แต่หลิวลั่วอี้ ไม่ได้เสียเวลาคิดนาน นางยกจอกสุราขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวหมดจอก ฤทธิ์สุราแรงมิน้อย และบาดคอจนนางไอโขลกๆ อยู่สองสามหน ก่อนจะเกิดความคิดอันแยบยล
“ดูเหมือนว่าสุราจอกนี้ บ่มยังไม่ได้ที่” หญิงสาวเอ่ย และมองไปยังสตรีอีกสามคนที่ต่างเลือกหยิบจอกสุราขึ้นมา เมื่อได้กันครบ พวกนางต่างดื่มอย่างกล้าๆ กลัว ๆ
หนึ่งอึดใจใหญ่ๆ หลิวลั่วอี้จึงแสร้งยกมือขึ้นสัมผัสลำคอระหงของตน และร้องว่า
“ขะ ข้ารู้สึก ผิดปกติเหลือเกิน ร้อนไปหมด เหมือนกลืนถ่านเข้าไป อ๊ะ... ใครก็ได้ช่วยข้าที”
“เอ หรือว่านางจะดื่มสุราพิษ”
ใครบางคนเอ่ย และสตรีที่เหลือ ต่างแสดงสีหน้าโล่งใจ และพวกนางมองไปยังเรือนรับรอง หมายใจจะไปให้ถึงโดยเร็ว เพื่อจับจองพื้นที่ หากฮ่องเต้เสด็จมาถึง คงได้รับใช้ก่อนผู้อื่น
ขณะที่หนึ่งในสามบ่ายหน้าออกไปนั้น ลูกธนูพลันพุ่งออกมา และมันแฉลบที่ต้นขาสตรีซึ่งบ่ายหน้าใกล้ไปถึงจุดหมายก่อนใคร
เสียงหวีดร้อง และความตื่นตระหนกดังชวนให้ประสาทเสีย ในขณะเดียวกัน สตรีอีกสองคน ก็ขวัญหนีดีฝ่อ ก่อนที่จะมีเสียงเอ่ยว่า
“ข้าก็ได้รับสุราพิษเช่นกัน”
เมื่อสตรีสวมอาภรณ์เหลืองกล่าวจบ นางจึงทรุดลงไปบนพื้นช้าๆ ก่อนสลบไป
ฝ่ายหลิวลั่วอี้ ที่เมื่อครู่แสร้งไอ และทำเหมือนถูกพิษ ก็ยืดเส้นยืดสาย แล้วถามกงกงหนุ่ม
“ยังมีใครลอบโจมตี พวกข้าที่เหลืออยู่หรือไม่”
เมื่อถูกถามเช่นนั้น กงกงหนุ่มขี้คร้านจะปิดบัง
“เอ่ยตามความจริง ตอนนี้เหลือเพียงสองคน ดังนั้นคุณหนูหลิว กับคุณหนูชย่า (ชย่าพ่านเอ๋อร์) ต้องใช้ความสามารถตน เพื่อรับใช้ฝ่าบาทอย่างสุดความสามารถ และผู้ที่ถูกเลือก ย่อมได้ก้าวขึ้นเป็นพระสนมคนใหม่”
หลิวลั่วอี้ปรายตามองไปยังชย่าพ่านเอ๋อร์ ก่อนหน้านั้น ต้องยอมรับว่า ไม่เคยมองคนผู้นี้มาก่อน
“สกุลซย่า แม้จะมาจากทางภาคเหนือ และไม่ได้รับใช้แผ่นดินนี้มานานเช่นสกุลหลิว แต่ข้าย่อมไม่ยอมให้ใครชิงตำแหน่งพระสนมไปอย่างแน่นอน”
“โอ้ คุณหนูซย่ามั่นใจถึงเพียงนั้น”
ซย่าพ่านเอ๋อร์ทำเสียงไม่พอใจในลำคอให้แก่หลิวลั่วอี้ ก่อนเอ่ยว่า “ ดูเหมือนสายจะรายงานข้าว่า ฝ่าบาทกำลังเพลินใจอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อน!”
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที
ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา
และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้
‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’
แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ
ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง
“หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่งเห็นว่า หลังหินก้อนใหญ่ มีมามาโจว นางกำนัลอีกสอง แล้วก็ชายชราท่าทางตุ้งติ้ง
ฝ่ายซย่าพ่านเอ๋อร์ ย่อมต้องการเป็นพระสนมคนใหม่ ดังนั้นจึงขวัญกล้าเทียมฟ้าอยู่มาก ด้วยการเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อู๋เหยากวนอีกนิด กระทั่งเห็นว่าเขาส่งเสียงเข้มๆ เตือนให้นางรักษาท่าที
“นางผู้นี้ ถูกส่งมาจากต่างแคว้นพ่ะย่ะค่ะ... นามว่าพ่านเอ๋อร์ อายุสิบเจ็ดปีเต็ม สกุลดี บิดารับตำแหน่งดูแลหัวเมืองทางเหนือ มารดาเป็นท่านหญิงในราชวงศ์เก่า”
กงกงชรารายงาน ยามนั้นดวงตาคมกริบลูกสีดำสนิท ค่อยๆ ลืมขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่หลิวลั่วอี้ แทบจะลืมหายใจ
บุรุษผู้นี้ รูปงามยังไม่พอ สายตาเขายังทำให้หัวใจและร่างกายหญิงสาวสั่นระริก ทั้งรู้สึกร้อนอบอ้าวในส่วนเร้นลับ
“อ๊ะ ฝ่าบาทหม่อมฉัน ลื่น...” หลังจากที่เสียงหวานจัดร้องอย่างตกอกตกใจ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ก็หมุนตัวแล้วแสร้งเซเสียหลักไปซุกซบอกเปลือยเปล่าของอู่เหยาอ๋อง และนางใจกล้าใช้ได้ มือเรียวแปะต้นขาเขา อีกมือบีบแขนกำยำ พร้อมเผยอปากทำท่าทางราวกับกินของเผ็ดร้อน
“ขอบพระทัยที่ฝ่าบาทเมตตาช่วยหม่อมฉัน...” หน้าอกเป็นทรงสวยเบียดกายแกร่ง และบั้นท้ายนางก็เช่นกัน จงใจกระตุ้นให้ขาที่สามของปั๋วอ๋อง ซึ่งไร้สิ่งใดปกคลุมไว้ให้ตื่นตัว
“เจ้าไม่คิดว่ากระทำเช่นนี้ เราจะสั่งให้คนลากตัวออกไปตัดหัวหรอกหรือ”
ซย่าพ่านเอ๋อร์ ช้อนสายตามองมังกรแห่งแผ่นดินปั๋วคัง และเอ่ยเสียงสั่นๆ แสดงความยำเกรง ทั้งมากด้วยความเคารพ
“หม่อมฉันกลัวจับใจ เพียงแต่นี้คือโอกาสเดียวที่จะอยู่ในสายตาของฝ่าบาท”
อู๋เหยากวนยกยิ้มตรงมุมปาก แล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้น ข้าอยากรู้นักว่าเจ้ามีความสามารถอันใดบ้าง เขาเอ่ยจบจึงวางมือแปะที่เนินเนื้อสาว สำรวจอย่างรวดเร็ว จนร่างกายของซย่าพ่านเอ๋อร์สั่นสะท้าน นางเม้มปากชิด กลั้นเสียงครางตนเอาไว้ ทว่านิ้วยาวใหญ่นั้น แทรกเข้าไปในกลีบเนื้อนางอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
“อืม... ดูเหมือน เจ้ายังไม่พร้อมดี...”
เขากล่าวเช่นนั้น เพราะซย่าพ่านเอ๋อร์ไม่ได้มีความฉ่ำชื้นในกลีบงามๆ อันอวมอูม น่าเสียดายที่มันชวนให้เขาคลั่งไคล้ได้ไม่ยาก แต่ยามนี้ อู๋เหยากวนไม่พึงใจสักเท่าไหร่ เขาปรารถนาให้สตรีที่ร่วมเตียงด้วย มีความหวานฉ่ำในกลีบเนื้องาม
“ฝ่าบาท แต่หม่อมฉันมีตัวช่วย ขอเพียงแต่ให้สตรีผู้นี้ได้แสดงฝีมือ”
อู๋เหยากวนพ่นลมหายใจร้อนๆ และเอ่ยว่า
“เราขอท้าทาย ระหว่างเจ้ากับนาง จงผลัดกันเล่นเนื้อตัวอีกฝ่าย หากผู้ใด เยิ้มและทำให้เราอยากส่งความแข็งแกร่งเข้าไปฝังในร่างกายได้เป็นคนแรก จะได้เป็นพระสนมคนใหม่ !”
และเมื่อหลิวลั่วอี้ ซึ่งยืนห่างออกไป ได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้ได้เลยว่า ตนย่อมได้คะแนนจากสนามประลองรักครั้งนี้อย่างท่วมท้นแน่นอน