เสียงหวานแสนซ่านทรวง
เมื่อลิ่วอี้ต้องเป็นหลิวลั่วอี้ในโลกคู่ขนาน หญิงสาวกลับไม่ได้แตกตื่น ประสาทเสีย แม้กระทั่งกรีดร้องด้วยความกลัว หรือทำสิ่งที่พิลึกพิลั่น อย่างตัวละครอื่นที่นางเคยอ่านผ่านตา หรือได้ดูผ่านสื่อต่างๆ มักจะเป็น
นั่นเป็นเพราะแต่เดิม นางคือนักเขียน ใช้อาชีพนี้เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่ปี ซึ่งเขียนนิยายเกินวัยไปมากโข ใครๆ ต่างบอกว่าแก่แดดและแรด แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่ทำส่งผลให้ปากท้องไม่หิว ไม่ต้องแบมือขอเงินใคร
กระทั่งหลิวลั่วอี้ พบแฟนคนแรก เขาบอกว่า นอกจากเป็นอัจฉริยะทางด้านตัวอักษร และสร้างสรรค์เรื่องราวได้ดี นางยังครบเครื่องเรื่องบนเตียง มีทรวดทรงแสนมหัศจรรย์ ให้เขาได้ลูบๆ คลำๆ เล่นอย่างไม่รู้เบื่อ
“ความสาวไม่ได้อยู่กับเรานาน เธอต้องหัดใช้ให้มันเป็นประโยชน์” เสียงผู้ชายในอดีตบอก และเขายังอยู่ในความทรงจำตลอดมา
เขามอบจูบแรกอันร้อนแรงให้ สอนหญิงสาวใช้ปาก ลิ้น และสองมือ ทั้งยังหมั่นกระแทกกระทั้นความใหญ่โต อัดใส่ร่างกายนุ่มนิ่มนี้ จนลิ่วอี้เป็นผู้หญิงที่หมกมุ่นกับความสัมพันธ์อันหวานล้ำระหว่างชายหญิง
“แต่ ฉันไม่อยากทำตัว ร่านๆ ให้ใครเห็นนี่นา อยากเป็นของเฮียแค่คนเดียว”
“โถ เธอยังเด็ก สักวัน อาจทิ้งเฮียไปก็ได้”
“ไม่มีทาง ฉันจะเป็นของเฮียคนเดียว”
และคำพูดของลิ่วอี้ในวันนั้น เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อได้รู้ว่า ผู้ชายคนแรก คือแมงดาดีๆ นี่เอง ทั้งยังส่ำส่อนไปทั่ว เขาพรากความบริสุทธิ์ของเด็กสาวไปยังไม่พอ กลับสาระเลวพยายามจีบลูกพี่ ลูกน้องของเธอด้วย
และนั่นจึงทำให้หญิงสาวได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาเขียนนิยาย และมันขายดี ชนิดที่เปิดประสบการณ์ให้นางได้กลายเป็นนักเขียนดาวรุ่งแนวสามีชั่วและผู้หญิงแสนโชคร้ายต้องอุ้มท้องหนี ไปใช้ชีวิตด้วยลำแข้งของตน ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้ลิ่วอี้ ดังขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืน
ฝ่ายมามาโจวมองมาที่หลิวลั่วอี้ซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปผิดปกติ ทั้งที่ยามนั้นหญิงนางอื่น กำลังเริ่มฝึกฝน โดยการใช้กัวซาหยกเขียว เปิดกลีบงามๆ ที่ถูกปลุกเร้าให้ตอบรับความสุขอันแสนรัญจวนใจอย่างดุเดือด
และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่หลิวลั่วอี้ ต้องดึงสติตนให้มาอยู่ในโลกคู่ขนาน ด้วยสายตามามาโจวดูแล้ว เหมือนซ่อนบางสิ่งไว้
ซึ่งอึดใจต่อมา หลิวลั่วอี้ได้เห็นว่า ภาพเบื้องหน้า วูบไหว ราวกลับจะพร่าหายไป พลอยให้หญิงสาวตกใจกระทั่งมีเสียงดังปิ๊บๆ ในหัว
คำเตือน เวลาทำภารกิจกำลังจะหมด มิเช่นนั้นต้องเริ่มระบบใหม่!
เชี่ย หลิวลั่วอี้ ไม่ได้มาอยู่แค่ในโลกนิยาย แต่นี่คือ ระบบโลกคู่ขนาน ที่ต้องทำคะแนนสะสมแต้มเพื่อเอาชีวิตให้อยู่รอด
ด้วยไม่ต้องการเริ่มระบบใหม่ หรือต้องเผชิญปัญหาที่ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ แม้กระทั่งทำให้เหล่าตัวละครที่เขียนขึ้น รู้ว่ามีผู้อื่นย้อนเวลามาอยู่ในนิยายร่างกายนี้ หลิวลั่วอี้ จึงต้องแสดงให้สมบทบาทอย่างที่สุด แต่ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านั้น นิยายเรื่องซ่านรักตำหนักรัญจวน นางเก็บไว้ในลิ้นชักหลายปี ด้วยเรื่องราวมันค่อนข้างอ่อน นางเอกไร้สมอง เป็นคนเจ้าน้ำตา ส่วนพระเอกเป็นแนวขึ้นอย่างเสือลงอย่างหมา เกือบเก้าในสิบของนิยาย เน้นขายแต่เนื้อหนัง และฉากอุ่นเตียง หลิวลั่วอี้จึงมองข้าม กระทั่งในภายหลัง ได้เล็งเห็นว่า รสนิยมคนอ่าน ลึกๆ ชอบเรื่องราวที่ความจั๊กจี้หัวใจ ดังนั้นจึงปัดฝุ่นนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ กระทั่งสามารถทำเงินมหาศาล รวมถึงถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์สุดอื้อฉาวแห่งปี
มือเรียวสวยจับกัวซาหยกที่แกะสลักเป็นรูปหัวเห็ด (กัวซาใช้บำบัด และผ่อนคลายในการนวด ในกรณีนี้ถูกนำมาแทนเครื่องเครา ของบุรุษให้สตรีในโรงบุปผาสีทอง เพื่อฝึกฝนกับน้องสาวตน) ขณะเดียวกันหูก็ได้ยินเสียงครวญครางด้วยความกระสันของหญิงสาวนางอื่น ยามนี้บางคนแทงหัวกัวซาบานใหญ่ราวดอกเห็ดเข้าสู่กลีบดอกไม้แรกแย้มแล้ว
“คงใหญ่เกินไปสำหรับคุณหนูหลิว...”
ริมฝีปากมามาโจวขยับอีกหน ก่อนยิ้มให้นางอย่างเอ็นดู
หลิวลั่วอี้สั่งตนเองให้แสดงสีหน้า เยี่ยงสาวน้อยแสนไร้เดียงสา ยามนี้ สมองประมวณผลและบอกให้รู้ว่า นางย้อนเวลามาอยู่ในช่วงตัวละครอายุเพียงสิบหกปี และยังไม่เคยถูกบุรุษใดเจาะไข่แดง
“จริงด้วย ข้าไม่รู้ว่า มันจะหายเข้าไปใน ‘น้องสาว’ ได้อย่างไร” คำพูดหลิวลั่วอี้ แปลกประหลาดอยู่สักหน่อย แต่ใครเล่าจะถือสา นิยายที่นางเขียนไว้ แทรกทั้งคำด่าทอ หยาบคาย รวมถึงภาษาสมัยใหม่ ตีกันยุ่งเหยิงไปหมด
“คุณหนูหลิว นอกจากต้องชโลมขี้ผึ้งที่กลีบงามๆ ของท่าน ย่อมต้องดื่ม ยาคลายเครียด และปลุกอารมณ์ด้วย หนังสือภาพ ดนตรี แล้วยังมี...หนุ่มน้อย ให้ช่วยเร้ากำหนัด เพื่อจะได้เรียนรู้ว่า บุรุษยามมีอารมณ์ เกิดความต้องการเช่นไรบ้าง!”
หลิวลั่วอี้ ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม นิยายที่นางแต่งในโลกปัจจุบัน มีเรื่องสัปดนถึงเพียงนี้
และหลังจากมามาโจว ขุนนางหญิงที่ดูแล โรงบุปผาทองคำกล่าวจบ สิ่งที่เอ่ยถึงก็พร้อมเสร็จสรรพ อยู่ตรงหน้าหลิวลั่วอี้
ส่วนรอบกายหลิวลั่วอี้ มีสตรีต้องเรียนรู้ การสร้างความสุขให้ตนด้วยกัวซา โดยผู้ผ่านการคัดเลือกจากสามพันคน ยามนี้เหลือเพียงสามสิบชีวิตเท่านั้น และในชั้นเรียนจะคัดให้เหลือเพียงห้าคน และส่งตัวเข้าไปปรนนิบัติปั่วอ๋อง ที่กำลังจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง !
เมื่อทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป และยามนี้ เบื้องหน้า ปรากฏหน้าจอคำสั่ง
‘สะสมคะแนนให้ครบ 100 แต้ม ปลดล็อกจากสำนักโรงบุปผาทองคำ’
หลิ่วลั่วอี้ ไม่ใช่คนชอบเล่นเกม และเบื่อผู้ชายติดเกมที่สุด กระนั้นดูเหมือนระบบที่นางโผล่เข้ามา ไม่ได้มีอะไรยากเย็น
‘เสียงอันไพเราะสิบแต้ม สามารถแลกเสื้อผ้า และเครื่องประดับขั้นพื้นฐาน’
แน่นอนหลิวลั่วอี้ ต้องการเสื้อผ้า ด้วยตอนนี้ร่างกายนางเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าสามเหลี่ยมผืนบางๆ วางแปะ กลีบงามฉ่ำแฉะเอาไว้อย่างหมิ่นแหม่