บทที่2.ทศกัณฐ์ปรากฏตัว
ผมหยิกหยักศกหล่นลงมาปรกหน้าผาก เมื่อสายลมพัดโชยปะทะใบหน้าของชายหนุ่มเข้าเต็มๆ ผู้ชายร่างสูงใหญ่เขาเปิดประตูรถก้าวลงมาจากยานพาหนะนะรูปทรงโฉบเฉี่ยว รถสปอร์ตนำเข้ารุ่นอัลลิมิเต็ดเอดิชั่น รถยนต์รุ่นนี้นับจำนวนรถยนต์ได้ในทั่วโลก น่าจะมีไม่เกิน10 คัน และ1 ใน10คันนั้นมีทศกัณฐ์ เบอร์นาร์ดเป็นเจ้าของ รถเปิดประทุนสีดำสนิทเหมือนม่านราตรีที่ไร้แสงจันทร์ แต่กลับมันวาววับสะท้อนแสงพระอาทิตย์ประหนึ่งกระจกเงาตั้งกลางแสงแดด ชายหนุ่มยกมือขึ้นปัดคราบฝุ่นที่เกาะเหนือบ่ากว้าง เขาขับรถยนต์ชมวิวสวยๆ เรียบชายทะเล มีทั้งลมและฝุ่น แต่อยากเห็นสาวใส่บิกินนี่แนบเนื้อเลยลงทุนยอมให้ละอองฝุ่นโดนตัว เพื่อจะได้มีไอเดียใหม่ๆ เมื่อ เบอร์นาร์ดเป็นเจ้าครองตลาดโลก *หากถามหาชุดชั้นในผู้หญิง ต้องมองหาเบอร์นาร์ด* สินค้าแบรนด์เบอร์นาร์ดตัดเย็บอย่างดีทุกขั้นตอนการผลิต หากไม่ดีจริง เบอร์นาร์ดจะไม่ยอมปล่อยสินค้าชิ้นนั้นออกมาวางขายในตลาดอย่างแน่นอน เพราะถ้าของไม่ดีจริง...เขายินดีทำลายทิ้งมากกว่าปล่อยออกมาวางจำหน่ายให้เสียชื่อเสียง
หนุ่มเจ้าเสน่ห์ รูปโฉมยิ่งกว่าเทพบุตรกรีกบวกกับเทพเจ้าซุส อย่าว่าแต่เดวิทที่ถูกยกย่องว่ารูปงามที่สุดในหมู่ชายเมื่อครั้งอดีต หากมาเจอกับทศกัณฐ์จังๆ ตอนนี้ คงต้องถอยหลังหลบชิดซ้าย เพราะออร่าความหล่อของชายหนุ่มเปล่งประกายไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร
“สวัสดีครับท่าน” พนักงานเปิดประตูโค้งให้ทศกัณฐ์ จนศีรษะของเขาแทบจะติดพื้น
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาเหวี่ยงกุญแจรถยนต์ตัวเองให้ พร้อมกับกำชับเสียงขรึม “หาที่จอดรถให้ด้วยล่ะ ส่วนกุญแจฝากไว้ที่ล็อบบีนะ” พนักงานเปิดประตูแทบจะกระโดดโห่ร้อง รถยนต์สุดหรูคันนั้น เป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่มๆ ทุกคน มันไม่ได้มีโอกาสง่ายๆ ที่คนระดับล่างจะได้ขับขี่ เพราะฉะนั้นมันจึงเหมือนโชคหล่นทับ เขาเอาไปคุยฟุ้งได้เลย...ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสขับรถยนต์ราคาแพงหูฉี่คันนั้น
“ครับท่าน!!” เสียงรับคำหนักๆ พร้อมกับยิ้มแป้น
ทศกัณฐ์เดินเลยไปยังลิฟต์ส่วนตัว เขากดรหัสก่อนจะเดินเข้าไปเมื่อประตูลิฟต์เปิด ชายหนุ่มทอดสายตามองอาณาจักรของตัวเอง มุมปากได้รูปมีรอยยิ้ม มันเป็นความภาคภูมิใจที่สร้างมันขึ้นมาจากสองมือเป็นความสำเร็จที่ใครๆ ก็ไม่คาดคิด เมื่อหนุ่มเสเพลอย่างทศกัณฐ์จะมีดีเหมือนกับคนอื่นบ้างเหมือนกัน
“ท่านคะ...” เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานของเลขานุการสาวสวย หญิงสาวรีบร้องเรียก พร้อมทั้งถลาเข้ามายืนชิดใกล้ หากไม่กลัวถูกตำหนิหล่อนคงกระโจนเข้าใส่เขาเลยทีเดียว
“ว่า...” หนุ่มหล่อเสน่ห์แรงเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“ผู้บริหารรอท่านอยู่ในห้องประชุมค่ะ” หญิงสาวรีบบอกเสียงแผ่วหวิว พร้อมทั้งเสก้มหน้าหลบ เมื่อชายหนุ่มตวัดสายตาคมกริบใส่
“ผู้บริหาร! ใครนัดประชุม? มันไม่มีอยู่ในตารางการทำงานของวันนี้นี่ ใช่ไหม? พราวพรรณนาราย” นางชื่อยาวเป็นวา แต่ครั้งใดก็ตามที่ชายหนุ่มเรียกเสียเต็มยศ แสดงว่าเขากำลังไม่พอใจสุดขีด!!
“เออ...คุณรามค่ะ เธอนัดผู้บริหารทุกคนมาพร้อมกัน...เพื่อเปิดประชุมครั้งนี้”
ชายหนุ่มเบ้ปาก ไอ้น้องชายต่างแม่ น้องชายที่วิ่งไล่ตามเงาเขามาตลอดเพราะแรงยุจากมารดาของมัน นารีที่เป็นเพียงภรรยาคนที่สองของบิดาเขา ทศกัณฐ์พยายามไม่ใส่ใจ...เพราะเห็นว่าเป็นน้อง...แต่ดูเหมือนว่าพระรามไม่คิดแบบนั้น บ่อยครั้งที่ทศกัณฐ์รู้สึกว่าน้องชายจงใจที่จะถล่มเขาให้ยับ ไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
“คราวนี้เรื่องอะไรพอรู้ไหม? พราว” เสียงอ่อนลงของเจ้านายหนุ่ม แต่ตามมาด้วยคำถามเหมือนกำลังตรึกตรองการตั้งรับ
“เหมือนเดิมค่ะ คุณรามเธอไม่เห็นด้วยกับโปรเจกต์ใหม่ที่ท่านกำลังจะเริ่มทำ”
หน้าที่เลขานุการที่ดีควรรอบรู้ทุกเรื่อง และพราวพรรณนารายเป็นเช่นนั้น เธอมีเวลาว่างจากการทำงานในหน้าที่ตัวเองก็จะไปสืบเสาะเลาะเล็ม ล้วงควักข้อมูลเกี่ยวกับทุกคนในบริษัท เป็นเจ้ากรมข่าวลือตัวแม่ แต่ครั้งนี้นับว่าเป็นประโยชน์กับทศกัณฐ์เป็นอย่างมาก
“วานรอยู่ไหน? เขารู้เรื่องนี้หรือยัง” เลขานุการตัวจริงของทศกัณฐ์เป็นผู้ชาย รูปหล่อไม่แพ้เจ้านาย และเก่งกาจหาคนจับอยาก ชายหนุ่มถามหาพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปภายในห้อง เขาอยากยื้อเวลาให้เวลามันทอดนานขึ้นอีกนิด ให้ห้องประชุมร้อนระอุแล้วถึงจะเข้าไป เมื่อไม่เห็นหัวว่าเขาใหญ่สุด...คิดจะเปิดประชุมโดยไม่คิดจะบอกล่วงหน้า...ก็สมควรรอไปเถอะ!!
“อยู่ในห้องประชุมแล้วค่ะ คุณนรมาก่อนท่าน10 นาที”
ชายหนุ่มพยักใบหน้ารับรู้ เขาเดินเข้าห้องทำงานหน้าตาเฉย จนพราวพรรณนารายหน้าซีดเผือด เมื่อเจ้านายใหญ่หาได้สนใจการประชุมที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยตัวทศกัณฐ์เป็นเป้าถูกโจมตี
“ขอกาแฟร้อนแก้วนะ ฉันกำลังง่วง ขอพักตาสักงีบ”
“เออ...แล้วการประชุมล่ะคะ?”
“ช่างมันสิ! ไอ้รามมันเริ่มก็ให้มันโชว์พราวไปสิ...สงสัยมันจะลืมว่าที่นี่คือถิ่นของฉัน...ที่นี่ฉันสร้างมาเองกับมือไม่ใช่สมบัติของแด๊ด!!”
ใครๆ ก็รู้ว่าพี่น้องสองศรีเขม่นกัน ทศกัณฐ์เป็นพี่ชายใหญ่ เป็นลูกภรรยาแต่งของอาร์มันโด้ เบอร์นาร์ดที่เกิดจากคุณกัณฑ์มัทรี ด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือ ประกอบกับฐานะที่ร่ำรวยทำให้บิดาชักจูงผู้หญิงอีกหนึ่งคนเข้ามามีบทบาทในชีวิต คุณนารีกับ พระราม คือสองคนที่ทำให้ทศกัณฐ์เกิดความเบื่อหน่ายครอบครัว ชายหนุ่มไม่คิดจะแลกิจการของบิดาสักนิด เมื่อน้องชายตัวดีจ้องตาเป็นมัน พระรามคิดที่จะรวบทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด ในฐานะลูกชายคนโปรด ชายหนุ่มเชื่อฟังมารดามาตลอด ท่านสอนให้รู้จักการให้อภัย ให้มองทั้งสองแม่ลูกเป็นญาติสนิท เมื่อพระรามก็คือสายเลือดเดียวกันกับตัวเอง
แม่ปล่อยวางได้... เพราะท่านเป็นคนมองโลกในแง่ดี ยอมแม้กระทั่งให้สามีที่รักไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ทศกัณฐ์ ยอมฟังมารดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมทุกเรื่อง! การฟาดฟันกันระหว่างพี่น้อง จึงดำเนินมาเรื่อยๆ ชายหนุ่มไม่แคร์หากบิดาจะให้พระรามเป็นตัวแทนของท่าน ในการดูแลกิจการของท่านทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายถึง... เบอร์นาร์ดที่เขาสร้างขึ้นมาจากสองมือ หากมันแหลมเข้ามา... มันจะรู้จักเขาดีขึ้น เขาไม่ใช่ยักษ์หน้าโง่ในนิทาน ที่จะได้หลงเล่ห์ของพระรามรูปหล่อ
อาร์มันโด้อินเตอร์เทรต เป็นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ ครอบคลุมเกือบทั่วโลก มีกำไรปีปีหนึ่งหลายพันล้านแต่...นั่นเป็นของบิดาไม่ใช่ของเขา... การที่เขาให้คนในครอบครัวมีสิทธิ์ในเบอร์นาร์ดด้วย เพราะเขาอยากให้เกียรติและอยากให้ทุกคนรู้ศักยภาพแท้จริงของเขา ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ใครก็ได้เข้ามาก่อกวน
กาแฟร้อนถูกยกขึ้นจิบ ทศกัณฐ์หมุนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง ทอดสายตาผ่านกระจกเงาใสแจ๋ว มองอาณาจักรของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
ห้องประชุมใหญ่...
พระรามนั่งหน้าตึง เวลาผ่านจาก10 นาทีเป็น1 ชั่วโมง ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของหัวหอกใหญ่ ไอ้พี่ชายจอมเสเพลไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? เวลานี้ทศกัณฐ์น่าจะมาทำงานได้แล้วนี่ แต่...คนไร้ระเบียบวินัยอย่างพี่ชายเขา มันไม่แปลกหรอกที่ป่านนี้มันจะยังซุกตัวอยู่บนที่นอนนุ่มๆ เมื่อกลางคืนชายหนุ่มทำตัวเป็นเหยี่ยวราตรี ซอกแซกตามสถานเริงรมย์
“วานร เจ้านายคุณป่านนี้ยังไม่มาทำงานอีกหรือไง?” เสียงเย็นชากับแววตาลุกโพลง เมื่อยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด ดูเหมือนคนที่เห็นด้วยกับเขาเริ่มลดน้อยลง
“ผมไม่ทราบครับคุณราม ก็ผมอยู่ที่นี่กับคุณ...จะรู้ได้ยังไงว่าเจ้านายมาหรือยัง... ไม่มา”
คำตอบแสนเรียบง่าย แต่พระรามรู้ว่ามันจงใจยวน ไม่ว่าจะพี่ชายหรือคนติดตาม แต่ละคนล้วนกวนประสาทเขาได้ดีมาตลอด แม้แค่นั่งอยู่เฉยๆ เขาก็ยังรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ
วานรเสก้มหน้าลง ซ่อนรอยยิ้มหยันๆ ไว้ เขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับเจ้านายเลยสักนิด