เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 5
“ยังไงเล่า” แม่ถามเสียงเข้ม ก่อนจะโบกมือให้พนักงานไปจัดการเคลียร์ของโต๊ะนั้น เป็นอันรู้กันว่ากลุ่มคนพวกนั้นจะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร้านเราอีกรวมถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ซื้อขายห้องพักหรือบ้านกับครอบครัวฉัน
“มันว่าน้อง ผมไม่ชอบ”
“เยี่ยม! แม่จัดการต่อเอง” เอ่ยจบแม่ก็หยิบโทรศัพท์ติดต่อหาใครสักคนก่อนจะโบกมือไล่พี่ว่านกับเพื่อน ๆ ของเขาให้ไปนั่งที่เก้าอี้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเจ้าของเงาที่ยืนล้อมรอบฉันไว้คือกลุ่มเพื่อนที่มหา’ลัยของพี่ว่านที่ฉันจำได้ว่ามีพี่กุมภา พี่เก้า พี่เทพ และมีพี่ ๆ สองสาวอย่างพี่ผัดไทยกับพี่นินนี่ที่เป็นชายใจสาวเหมือนกับคิมมี่
“นั่งเลย ๆ เดี๋ยวกูให้พี่ ๆ เขามาตั้งเตาให้” พี่ว่านบอกเพื่อน ๆ
“หงุดหงิดมันว่ะแม่ง”
“เออ ปากหมาฉิบหายตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้วนะ”
“ไอ้กุมปล่อยมือน้องกูได้แล้วไอ้สัตว์” แต่เสียงพี่ว่านดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้ทั้งฉันและเจ้าของมือที่จับข้อมือฉันอยู่เริ่มรู้สึกตัว เราทั้งสองคนมองไปยังจุดที่ได้สัมผัสกันและกันก่อนที่เจ้าของมือจะเอ่ยขอโทษและค่อย ๆ ปล่อยข้อมือฉันให้เป็นอิสระ
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ครับ” พี่กุมภาขานรับเสียงเบา ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปก่อนจะเดินไปเตรียมแก้วน้ำและน้ำแข็งมาให้พี่ ๆ ทุกคน ส่วนพี่ว่านเดินไปบอกพี่คนงานมาตั้งเตา
“เอาน้ำอะไรดีคะ?”
“น้ำอัดลมสองขวด”
“ได้ค่ะ ของหยิบได้จากชั้นวางเลยนะคะ” ฉันบอกพี่ ๆ อีกครั้งก่อนจะเดินไปหยิบน้ำที่พี่ ๆ ต้องการไปวางไว้ให้บนโต๊ะจากนั้นก็เดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้เคียงข้างแม่ ที่ยังทำหน้าขมึงทึงอยู่ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้
“แม่คะ”
“หนูเจอคนพูดแบบนี้ตลอดเลยเหรอลูก” แม่มองหน้าฉันอย่างเห็นใจ ทั้งยังยกมือลูบที่เรือนผมนุ่มไปมาอย่างอ่อนโยน ฉันเองเมื่อแม่ถามด้วยความเป็นห่วงก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหก เลือกที่จะพยักหน้าตอบรับคำถามนั้นก่อนจะขยับเข้าใกล้ซบไหล่แม่อย่างออดอ้อน
“ทำไมไม่เคยเล่าให้แม่ฟังบ้างลูก ทำไมหนูต้องทนเจอกับคำพูดพวกนั้น ทำไมถึงไม่เป็นแม่ที่หนูเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง...” คนสวยของฉันเอ่ยถามอย่างตัดพ้อ แต่ก็เข้าใจได้ว่าท่านเป็นห่วงฉันถึงได้เอ่ยถามถึงเรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
“หนูไหวค่ะแม่”
“ในตอนนี้หนูไหว แล้วในวันข้างหน้าที่หนูต้องเจอกับผู้คนที่เอาแต่พูดจาไม่น่าฟังให้หนูได้ยิน ลูกสาวของแม่จะยังทนไหวเหรอลูก”
“...” นั่นสินะ เพราะได้รับฟังประโยคแบบนี้มานานหลายปี ฉันที่รู้สึกคล้ายกับจะชาชินไปกับสิ่งเหล่านั้น แต่ลึก ๆ แล้วฉันเองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิดที่ทุกคนเอาแต่ตัดสินฉันจากรูปลักษณ์ภายนอก
“หากหนูไม่ไหว หนูก็แค่บอกแม่ ที่หนูเป็นแบบนี้พี่หวาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอลูกว่ามันเป็นเพราะระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง” จริงอยู่ที่พี่หวาบอกว่าสิวที่ขึ้นเกิดจากฮอร์โมนของฉันที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่อายุสิบสี่ ส่วนความอ้วน หากพูดจริง ๆ พอเครียดก็จะกินของที่ชอบ พอสะสมมาเรื่อย ๆ เลยเป็นความอ้วนที่เกิดจากการกระทำของฉันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับฮอร์โมนเลยสักนิดเดียว
ดังนั้นหากจะโทษสิ่งที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ก็คงจะต้องโทษตัวฉันเอง
เพราะทุกการกระทำเกิดจากฉันทั้งนั้นไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย