เช้าอีกวันของมลชนก หญิงสาวชาวไทย ที่ใช้ชีวิตอยู่ในอิตาลี ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา เฟอร์ดาโร่ อันเดรีย แม้เวลาจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่เรื่องส่วนตัวของเขา เธอไม่เคยได้ล่วงรู้อะไรมากมาย ว่าเขาทำธุรกิจอะไรบ้าง หรือแม้แต่เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของเขาก็เช่นกัน
เมื่อเธอได้มาสัมผัสกับโลกของเขาที่นี่ รับรู้แค่ว่า อันเดรียเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลที่ไม่ธรรมดาแน่นอน มีบริวารนับร้อยที่เหน็บปืนเอาไว้ข้างกาย ชอบทำตัวแข็งทื่อเงียบขรึมอยู่ตลอดเวลา จนเธอรู้สึกอึดอัดแทน แม้แต่เวลาไปไหนมาไหนจะมีคนคอยอารักขาตามติดไปทุกที่ ไหนจะคฤหาสน์หลังใหญ่โต ที่เธอกำลังยืนอยู่นี่อีก มันช่างหรูหราอลังการเกินจะบรรยาย เกิดมาไม่เคยได้พบเจอบ้านที่ใหญ่โตแบบนี้มาก่อน หาเงินสิบชาติมากองรวมกัน ก็ไม่รู้ว่าเธอจะสร้างคฤหาสน์ได้สักเสี้ยวหนึ่งของเขาหรือไม่
หญิงสาวร่างบางในชุดเดรสยาวเกือบถึงตาตุ่ม ผมสั้นรับใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตา ริมฝีปากบางกระจับเม้มเบาๆเมื่อหยุดยืนมองดูรูปครอบครัวของเขา เป็นรูปพ่อแม่และอันเดรียอายุราวเจ็ดขวบในชุดสูทซึ่งนั่งคั่นกลางระหว่างพ่อที่ตีสีหน้าเคร่งขรึม ดูน่าเกรงขาม เพียงแค่เธอยืนจ้องตาก็รู้สึกขนลุกซู่แล้ว และแม่ของเขา ดวงตาสวยคมกับใบหน้าเรียวได้รูป เพียงแค่ท่านนั่งตัวตรงทำหน้านิ่งๆแต่ทำไมช่างงดงามดุจดั่งนางพญายิ่งนัก ไม่อยากจะนึกไปถึงใบหน้าตอนยิ้มแย้มเลย คงสวยน่าดู รูปขนาดใหญ่ในกรอบหลุยส์อันหรูหรา สามารถดึงดูดสายตาของเธอทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน เพราะมันติดอยู่ผนังโซนห้องโถงชั้นสอง
หากเปรียบเทียบเวลาและการทำความรู้จักนั้น เธอไม่ต่างจากคนที่มาอาศัยได้เพียงสองสัปดาห์แค่นั้นแหละ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าแม่บ้านของเขาก็ตามเถอะ แม้เธอพยายามจะคุยด้วย แต่พวกหล่อนกลับพยายามถอยห่าง เหมือนเธอเป็นตัวน่ารังเกียจออกเสียอย่างนั้น อย่างเช้าวันนี้ ก็เช่นเคย
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”
มลชนกยื่นหน้าเข้าไปในครัว มีแม่ครัวราว5คนกำลังแบ่งหน้าที่กันทำอาหาร พร้อมพูดคุยกันออกรส แต่เมื่อได้ยินเสียงเธอ ทุกคนต่างเงียบกริบ ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
“เอ่อ ใกล้เสร็จแล้วค่ะ..
“คุณไปนั่งรอทานข้าวจะดีกว่า.” มลชนกต่อประโยคแทนอย่างรู้ทัน ก่อนเดินไปยังสวนด้านหลังคฤหาสน์ พร้อมฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ผู้หญิงอย่างมลชนกไม่ค่อยจะเก็บเอามาคิดสักเท่าไหร่ เธอเป็นคนง่ายๆ แม้จะถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องมาอยู่ที่นี่ แต่คนอย่างเธอ ร้องไห้แค่วันแรกที่มาถึงเท่านั้นแหละ
และวันแรกเป็นอย่างไร วันนี้พวกแม่บ้านก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายกับเธออย่างนั้น เธอเดินเข้าไปถามไถ่แทบจะทุกวัน และได้คำตอบแบบนั้นทุกครั้งเช่นกัน บางทีก็นึกขันจนเธออดสงสัยไม่ได้ ว่าเธอไปเหยียบตาปลาใครหรือเปล่านะ ทำไมถึงได้ดูมีอคติกับเธอเสียจริงแต่คนอย่างมลชนกกลับรู้สึกสนุกกับมันเสียด้วยสิ จะว่าเธอแกล้งถามรอดูอาการคนพวกนั้นก็ได้นะ แต่ก็ยังแอบหวังอยู่ในใจลึกๆ หากมีเพื่อนคุยคงจะดีกว่าไม่น้อย<
“เพี้ยนกันทั้งบ้านจริงจริ๊ง” มลชนกแอบบ่นเบาๆเพียงลำพัง หากแต่ยังรู้สึกดีอยู่บ้างที่แม่บ้านยังมีพริกน้ำปลาในถ้วยเล็กๆตั้งโต๊ะทุกวันตามความต้องการของเธอ ก็อาหารที่นี่จืดชืดต่างจากเมืองไทยเสียเหลือเกิน
มลชนกนั่งรอทานข้าวพร้อมอันเดรียที่กำลังเดินลงมาหาเธอที่สวนหลังบ้าน ทั้งสองมักทานมื้อเช้ากันที่นี่ มลชนกชอบบรรยากาศธรรมชาติมากกว่าข้างในเป็นไหนๆ เธอนั่งรออันเดรียที่กำลังเดินมาทางเธอพอดี กับน้ำหอมกลิ่นประจำกายของเขา ที่มันลอยมาเตะจมูกเธอตั้งแต่เขายังไม่ประชิดถึงตัวเธอด้วยซ้ำ
เหล่าแม่บ้านต่างรีบเดินมาเสิร์ฟอาหารมื้อเช้าให้ทันก่อนที่เจ้าของบ้านจะนั่งลงบนเก้าอี้ มลชนกนั่งมองความเป็นระเบียบของแม่บ้านที่นี่อย่างชื่นชม ในขณะที่บอดี้การ์ดสองคนยืนนิ่งในระยะห่างประมาณ10ก้าว และมือขวาอย่างมาร์โล่ที่ทำหน้าที่ยืนขนาบข้างแบบนี้ทุกวันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอกวาดสายตามองรอบๆที่เหมือนหนังฉายวนซ้ำมันทุกวัน แล้วนึกขำขึ้นมาเพียงลำพัง หากแต่ยังรีบใช้มือปิดปากตัวเองกลั้นเสียงเอาไว้
มลชนกพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่คนอย่างเธอจะนิ่งได้ มันเป็นข้อตกลงที่เขาเคยกำชับกับเธอเอาไว้ตั้งแต่เธอเหยียบย่างกรายมาที่นี่ ว่าหากอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอสามารถเป็นตัวของตัวเอง พูดคุย หยอกล้อกับเขาได้เต็มที่ แต่เมื่อใด ที่มีมากกว่าสองคน เธอจะต้องทำตัวให้นิ่งเข้าไว้ ไม่อยากให้ลูกน้องได้ยินสิ่งที่มลชนกพูดจาหยอกล้อเขาจนไม่เป็นที่เกรงใจของเหล่าบรรดาลูกน้อง ซึ่งข้อตกลงนี้มันไม่ได้เหนือบ่าไปกว่าแรงเลยสักนิด หากแลกกับข้อเสนอที่เธอจะรอวันที่เขาปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากหนี้สินราว10ล้านนั่น
“ช่างเสมอต้นเสมอปลายดีแฮะ” เธอนั่งเท้าคางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนอันเดรียเอื้อมมือโบกไปมาจ่อหน้าเธออย่างสงสัย
“เหม่ออะไร?”
“เปล่า”
“แล้วนี่ มีแรงอ้าปากทานข้าวมั้ยนั่น” อันเดรียโน้มศีรษะลงกระซิบข้างใบหูเธอ จนมลชนกหน้าบึ้งตึง เหตุเกิดเพราะเมื่อเช้า อันเดรียรังแกปากเธอไปสองรอบรับอรุณ เขาจึงอดที่จะแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่เธอไม่ได้
“นี่”
“ฮ่าๆ เอาล่ะ จะทานมั้ย ไข่เจียวหมูสับน่ะ” อันเดรียตักกับข้าวใส่จานให้กับเธอ ปกติมื้อเช้าของที่นี่จะเสิร์ฟแค่ไส้กรอก ขนมปังและกาแฟเท่านั้น แต่มลชนกชอบบ่นว่าทานไม่อยู่ท้อง จึงปรับเปลี่ยนใหม่เป็นข้าวสวยและอาหารไทยเพิ่มเข้ามาด้วย
อันเดรียช้อนสายตามองมลชนกที่นั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยราวกับเด็ก และรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่เธอตักเจ้าพริกหั่นบางๆที่ลอยในน้ำปลา มาราดในจานข้าว ..แม่นี่ช่างกินอาหารรสจัดเสียจริง ซึ่งต่างจากเขาสุดขั้วที่แค่ชิมมันก็แทบจะเขวี้ยงไอ้ถ้วยเล็กๆนั่นทิ้งแล้ว
“เป็นอะไร” อันเดรียตัดสินใจเอ่ยปากถามเธอในที่สุด เมื่อเห็นเธอทำสีหน้าเหมือนไม่สบายใจอะไรบางอย่าง
“เปล่า”
“มลชนก”
“โอเคๆ ...นี่ฉันพูดประโยคยาวๆได้แล้วใช่มั้ย?” เธอโพล่งถามเขาออกไปตามความจริง เมื่อรู้สึกไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ เพราะเธอรู้ดีว่าเขาเคยกำชับกับเธอเรื่องคำพูดเมื่ออยู่ท่ามกลางลูกน้อง
“อืม”
.... แค่เคยห้าม ใช่ว่าเขาจะเคร่งมากมายเสียเมื่อไหร่กัน ??
มาร์โล่และลูกน้องอีกสองคนแอบขำในความตรงไปตรงมาของสาวเอเชีย นางบำเรอคนโปรดของเจ้านายหนุ่ม รู้สึกว่าเธอเป็นเสมือนตุ๊กตาเริงระบำที่อยู่ท่ามกลางก้อนหินที่แข็งทื่อ คฤหาสน์แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนมากตั้งแต่มีเธอเข้ามา
“ฉันแค่คิดอะไรเพลินๆ แค่คิดว่า เหมือนฉันกำลังนั่งอยู่ในคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์คอยปรนนิบัติ ฮ่าๆ” เธอหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี แม้เธอจะเป็นผู้หญิงแก่นเซี้ยว ชอบพูดตรงๆ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีคนนึงเลยแหละ จะให้มัวแต่มานั่งนอยด์กับสิ่งแวดล้อมที่ดูอึดอัดที่นี่ คงได้เป็นบ้าตายพอดี
“ยังไง? เรื่องแม่บ้านที่นี่สินะ พวกนั้นทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า?”
“เปล๊า แค่คิดว่าพวกเค้ามีวินัยมาก น่าชื่นชมๆ ฉันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอกน่า แค่ปล่อยผ่านไปอีกวัน ไม่เก็บเอามาคิด ใช้ชีวิตเหมือนตอนที่ฉันทำงานที่ไทย ผ่านไปแต่ละวัน ไม่เอาเรื่องที่ทำงานเก็บมานอนคิดเมื่อถึงห้องหรอก รกสมอง”
เกร๊งงง
เสียงแก้วกาแฟกระทบพื้นโดยแรงขว้างของอันเดรีย ที่ทำลงไปเพราะความโมโห
..เธอคิดว่า ที่เธออยู่กับเขาคือการทำงานอย่างนั้นหรือ ทุกครั้งที่มีอะไรกัน มันคืองานเนี่ยนะ? บ้าชะมัด
“เป็นบ้าอะไร?.....โอ๊ย เสียดายๆ”
มลชนกยังไม่รู้ว่าอารมณ์ที่แปรปรวนของเขามันเกิดจากคำพูดของเจ้าตัว แถมเธอยังรีบวิ่งไปเก็บแก้วสุดหรูขึ้นมาโดยใช้ชายกระโปรงเช็ดมันอย่างเสียดาย
“เธอทำบ้าอะไร?”
“ว้าว ดูสิหรั่งไม่แตกจริงด้วย ของแพงก็อย่างนี้ล่ะเน้อ”
“.........??" สายตาคมมองเธออย่างโมโห ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ทำไมยัยคนนี้ถึงได้เห็นอะไรเป็นเงินไปเสียหมด ไหนจะชอบหอบเสื้อผ้าที่พิมรภาให้ และเสื้อผ้าของเขาที่ซื้อให้เธอนึกว่าเธออยากจะได้ชุดใหม่จนต้องขอเพื่อน แต่ไม่เลย เธอเก็บเอาไว้อย่างดีเตรียมจะนำไปขายต่อเมื่อกลับเมืองไทย เธอรับงานรีวิวสินค้าทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมป้า ผู้หญิงคนนี้ช่างมีความพยายามสูงเสียจริง คิดจะหาทางใช้หนี้ให้เร็ววันเพื่อจะได้ออกจากชีวิตเขาน่ะหรือ หึ เธอรู้จักเฟอร์ดาโร่ อันเดรีย มาเฟียจอมเจ้าเล่ห์คนนี้น้อยไปเสียแล้ว มลชนก
“ทำไมถึงได้โยนมันทิ้งล่ะ? คุณไม่เอาแล้วใช่มั้ย...งั้นฉันขอนะ ว้าว เอาไปขายได้หลายบาทเชียวนะ” มลชนกใช้มือทั้งสองกุมแก้วกาแฟเอาไว้อย่างหวงแหน เธอจะเก็บเอาไว้นำไปขายต่อที่เมืองไทยได้ราคางามแน่นอน
“ไอ้มาร์โล่ เตรียมรถ กูไม่กงไม่กินมันละ"
“ครับ”
“อ้าว ไม่ทานข้าวแล้วหรือคะ ...??” มลชนกตะโกนไล่หลัง แล้วรีบปิดปากตัวเองเอาไว้
“นี่ฉันพูดอะไรผิดไปเนี่ย ...ออ หรั่ง ที่ฉันเรียกหรั่งสินะ” เธอยืนทบทวนตัวเองจนกระทั่งจำได้ว่า เธอเผลอหลุดปากเรียกเขาว่าหรั่งออกมา
“เรื่องมากจริง ชิ”
"เอ่อ ฉันไม่ได้ชวนคุยหรอกน่า ไม่ต้องกังวล.. อ่ะ ฝากเก็บไอ้นี่ให้ด้วยนะ เดี๋ยวกลับมาเอา" มลชนกยัดถ้วยกาแฟใส่มือแม่บ้านสาวที่ตีสีหน้าบึ้งตึงให้กับเธอ ก่อนจะตบไหล่แม่บ้านเบาๆอย่างอารมณ์ดี แล้วรีบวิ่งตามอันเดรียไป
=br=
=br=
“ดะ เดี่ยวค่ะ เอ่อ คุณอันเดรีย” มลชนกรีบวิ่งลงบันไดมาหาเขาซึ่งกำลังนั่งบนรถเตรียมจะเคลื่อนตัวออกไปทำงาน
อันเดรียเป็นต้องใช้มือกุมขมับเอาไว้อย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อมองเธอที่วิ่งปร๋อลงบันไดมาหาเขาราวกับม้าดีดกะโหลก ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด
“อย่าดื้อ อย่าก่อเรื่อง และก็..
“อย่าออกไปข้างนอก ถ้าฉันไม่ได้อนุญาต” มลชนกชิงพูดก่อนพร้อมดัดเสียงเข้มล้อเลียนเขา
“ทำให้ได้ล่ะ” อันเดรียชี้หน้าเธอขณะนั่งบนรถหรูและมันค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆพร้อมๆกับกระจกดำที่เลื่อนขึ้นบดบังใบหน้าหล่อเข้มของเขา โดยมีรถลูกน้องอีกสองคันขับตามไปติด คอยดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายไม่ห่าง
..................
“บี้ ...บาร์บี้”
อันเดรียควานหาร่างบางที่ตอนนี้เธอกำลังนอนคว่ำหน้าตรงขอบเตียงจนเกือบจะตก อันเดรียคว้าเธอเข้ามากอดแนบชิดกายอย่างหวงแหน อากาศในยามเช้าตรู่อย่างนี้ยิ่งต้องการความอบอุ่นจากร่างบาง ในขณะที่มลชนกเองก็เบียดกายเข้าแนบชิดร่างใหญ่อันแสนอบอุ่นของเขาเช่นกัน ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักพยายามปรับท่านอนให้สบายที่สุด
แต่มีมารคอยขัดความสุขในการนอนของเธอโดยการใช้มือตะปบหนั่นเนื้อโหนกนูนภายใต้ชุดนอนที่ไร้ชุดชั้นในห่อหุ้ม จึงสะดวกแก่การลูบคลำก่อกวนนัก
“อื้อ อื้ม”
ใบหน้าหล่อเหล่าเลื่อนลงต่ำพร้อมแหวกขาเรียวยาวออกกว้าง เพ่งมองกลางกายเธออย่างละเอียดยิบ เพื่อดูให้แน่ใจว่าประจำเดือนเธอคงหมดแล้วจริงๆ เมื่อคืนเขาอุตส่าห์ยอมอดเพราะเธอปดกับเขาว่ามันยังไม่หายดี และไม่สะดวกที่จะใช้ปากช่วยเขา เพราะเมื่อตอนกลางวันไลฟ์สดรีวิวสินค้าไปหลายตัวจนเพลีย
เช้านี้แหละ เขาจะคิดบัญชีกับเธอเสียให้เข็ด เพราะวันนี้ไม่มีงานเร่งด่วน ตั้งใจจะนอนกกมลชนกและชวนกันดูหนังทั้งวันคงจะดีไม่น้อย
ปลายนิ้วมือใหญ่เริ่มกรีดไปตามรอยแยกอย่างแผ่วเบาอย่างเชื่องช้า เมื่อไปสะดุดกับเม็ดติ่งสีแดงสด ส่งผลให้เจ้าของกลีบกุกลาบสะดุ้งเล็กน้อย หากแต่ยังนอนต่อราวกับเด็กขี้เซา
ปลายนิ้วมือกดเม็ดติ่งลงแผ่วเบาจนช่องคลอดเกิดปฏิกิริยาตอบรับ โดยการกระตุกหนึ่งครั้ง สักพักเขาเขาบดบี้มันวุนวนไปมาจนน้ำหวานจากภายในเริ่มซึมออกมาตีอนรับนิ้วมือหนาของมาเฟียจอมหื่น
อันเดรียแหวกกลีบออกกว้าง มองหลืบลึกภายในอันซับซ้อน ทว่าน่าใช้ชิวหาแตะทักทายปาดเลียมันยิ่งนัก ในที่สุดลิ้นร้ายยื่นไปทักทายปาดเลียอย่างหื่นกระหายจนเจ้าตัวแยกขาออกกว้างสูดปากครวญครางอย่างรัญจวนใจ เธอกำลังขยุ้มผมของเขาโดยไม่รู้ตัว
“อื้อ ซี้ดดด”
“บี้ บี้จ๋า อืม หวาน น้ำหวานของเธอ อื้ม”
อันเดรียละเลงลิ้นสลับกับการพร่ำพรรณากับภาพเบื้องหน้าอย่างหลงใหล น้ำหวานไหลเอ่อออกมาจนต้องห่อปากดูดดื่มอย่างเอร็ดอร่อย
“อื้อ อ๊า ระหรั่ง หรั่งเลียมลอยู่ใช่มั้ย อื้ม”
อันเดรียยิ้มพรายออกมาอย่างพอใจเมื่อเธอกำลังละเมอชื่อเขา พร้อมขยำบั้นท้ายทั้งสองข้างของเธอและยกมันขึ้น