ข่าวการประกาศหมั้นหมายระหว่าง นางเอกสาวชื่อดังและนักธุรกิจหนุ่มทายาทเจ้าของโรงแรมในเครือ อมราวดี แกรนด์ ถูกพูดถึงในหลายสื่อ แม้ว่าที่เจ้าสาวคนสวยจะห่างหายจากหน้าจอไปพักใหญ่แล้วแต่ผลงานที่ผ่านมาก็ทำให้ชื่อเสียงเธอยังคงอยู่ในระดับนางเอกแถวหน้า
นีนนีรามองบนเล็กน้อยเมื่อเลื่อนฟีดบนหน้าจอเพื่อจะดูข่าวอื่นๆ ในโซเชียลมีเดียแล้วก็เจอแต่ข่าวของ 'ผัวเก่า'
ใช่แล้ว อัครวัตร อมรเทพ ผู้ชายที่มีข่าวหมั้นกับนางเอก ‘ใบบัว สุภิสรา’ คืออดีตสามีที่แยกกันอยู่กับเธอได้ห้าปีเต็มแล้ว
เธอไม่ได้พบเจอเขานานจนเกือบจะลืมว่าหัวใจของตัวเองเคยตกหลุมรักใครคนหนึ่ง มานึกขึ้นได้ก็ตอนที่ได้ยินข่าวคราวของเขาผ่านเข้าหู
แม้เห็นรอยยิ้มของทั้งคู่ในภาพถ่ายแล้วจะรู้สึกว่าอกหักอีกครั้งแต่นีนนีราก็ยินดีให้กับรักที่สดใสของพวกเขาเพราะเธอมีน้ำใจนักกีฬามากพอ
หญิงสาวเหยียดยิ้มเหมือนสมเพชตัวเองขณะเดียวกันอีกมือก็กรีดน้ำตาออกจากหางตา
เธอคว่ำหน้าจอโทรศัพท์แล้วลุกไปเปิดตู้เก็บไวน์ในห้องนั่งเล่น นีนนีราหัวเสียเล็กน้อยที่พบว่าโรเซ่ไวน์ของโปรดตัวเองหมดตู้เหลือเพียงแต่ไวน์แดงที่ได้มาฟรีขวดเดียว เธอรินใส่แก้วแล้วเดินผ่านเด็กชายวัยอนุบาลที่นั่งทำการบ้านบนโต๊ะเขียนหนังสือเด็กอย่างขะมักเขม้น
เด็กชายหันมามองแก้วในมือเธอ
"แม่ฉลองอะไรเหรอฮะ"
นีนนีรามองแก้วไวน์แล้วก็ยิ้มให้ลูกชายแห้งๆ
"ฉลองที่ลูกได้ย้ายโรงเรียนใหม่ไง" เธอโกหกลูกชายอีกครั้งโดยที่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเพราะที่ผ่านมาก็พูดโป้ปดกับเจ้าตัวน้อยหลายครั้งอย่างเช่นตอนที่บอกเขาว่าพ่อของเขาตายไปแล้วเป็นต้น เรื่องแค่นี้เธอจึงหลอกลูกชายที่ชอบจับผิดนักหนาได้แบบไม่กะพริบตาเลย
"งั้นเราก็ต้องฉลองด้วยกันสิครับ"
เด็กชายวางดินสอแล้วมองแก้วไวน์ของเธอ นีนนีรายิ้มให้เจ้าก้อนผู้อยากมีส่วนร่วมแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำองุ่นสีม่วงเข้มหอมหวานรินใส่แก้วไวน์มายื่นให้ลูกชาย
"ชนแก้ว"
เสียงแก้วกระทบกันดังกริ๊ง สองแม่ลูกต่างยกแก้วขึ้นมาจิบ เด็กชายตัวน้อยแต่แววตาดูเติบโตเกินวัยมองมารดาแล้วจิบไวน์ด้วยท่าทางเดียวกันเปี๊ยบ
สักพักแม่นมของนีนนีราที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นแม่นมของลูกชายเธอก็ถือถาดอาหารเดินออกมา นางเห็นพวกเธอชนแก้วกันก็เลยเอ่ยถาม
"วันนี้วันดีอะไรกันคะคุณๆ ฉลองกันแต่หัวค่ำเลย"
"ฉลองที่ไนน์ได้ย้ายโรงเรียนใหม่ครับแม่อุ้ย" เด็กชายหันไปบอกแม่นม
ไวน์ที่ยังอยู่ในอุ้งปากนีนนีราขมขึ้นมาทันที นี่สินะที่เขาบอกว่าโกหกครั้งหนึ่งแล้วก็ต้องโกหกไปอีกเจ็ดครั้ง
"คุณนีราแน่ใจนะคะว่าจะไม่รับข้าวเย็น"
"แน่ใจค่ะ ตอนนี้จะลดพวกแป้งๆ ในมื้อเย็น แล้วก็เริ่มอดอาหารเพราะชุดทำงานเริ่มคับแล้ว"
"ไม่กินข้าวเย็นแต่ดื่มไวน์ จะไม่อ้วนเหรอคะ"
"ในไวน์แดงมีน้ำตาลน้อยมากเพราะโดนหมักแล้วเรียบร้อยค่ะ ถึงจะเป็นแอลกอฮอล์ก็ไม่อ้วน ถ้าไม่กินเยอะไป" เธอขยิบตาให้แม่นมเหมือนเป็นเด็กน้อยจอมแก่นคนหนึ่ง
ครืดดดด
เสียงโทรศัพท์ของนีนนีราสั่น เธอเลิกคิ้วน้อยๆ วันนี้เป็นวันหยุดของเธอแต่ด้วยความเป็นผู้จัดการแผนกห้องอาหารเละเครื่องดื่มของโรงแรมห้าดาวถ้ามีเรื่องยากเกินกว่าที่หัวหน้าแผนกต่างๆ จะแก้ไข พวกเขาก็มีสิทธิ์โทรหาเธอได้
หญิงสาวกลับด้านโทรศัพท์ที่คว่ำไว้ขึ้นมาดู แต่ชื่อคนบนหน้าจอก็ทำให้มือไม้เธออ่อนแรงอีกครั้งหนึ่ง
'พี่อัยย์'
หญิงสาวคอแห้งผากเมื่อคนที่หายเหมือนตายจากโทรเข้ามา ร้อยวันพันปีไม่มีเรื่องติดต่อ แต่พอจะแต่งงานใหม่ก็นึกได้ว่ามีเรื่องอยากคุยกับเธอ คนแบบเขาไม่ได้โทรมาคุยเรื่องดีหรอก เขาต้องโทรมาอวดเธอแน่ว่าหาเมียใหม่ได้
แววตาอ่อนไหวของเธอเปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าว... หญิงสาวกดรับสายของอัครวัตรทันที ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหนเธอก็พร้อมสู้กลับ!
นีนนีราเดินออกมาหาที่คุยโทรศัพท์แล้วกดรับสายทันที
"โทรมาทำไมคะ"
เขาไม่น่าจะโทรมาถามว่าสบายดีไหมหรอก เพราะประโยคสุดท้ายที่นีนนีราได้ยินจากปากเขาเมื่อห้าปีก่อนก็คือ
'พี่ว่าเราไปกันไม่รอดหรอก มาหย่ากันให้มันจบๆ เถอะ'
หลังจากนั้นคนที่คุยกับเธอก็เป็นตัวแทนของเขา ดังนั้นห้าปีถัดมาประโยคแรกที่เธอจะพูดกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดดีนัก
[มีข่าวว่าพี่จะแต่งงาน]
นั่นไงล่ะ เธอเดาไว้ผิดเสียที่ไหน
"เห็นแล้วค่ะ ยินดีด้วย"
[พี่ยังไม่ได้หมั้น หรือแต่งงานตามที่เป็นข่าว]
"..."
[...ยังอยู่ในสายหรือเปล่า]
"อยู่ค่ะ แล้วสรุปพี่อัยย์จะโทรมาบอกอะไรก็ว่ามาสิคะ" เสียงของเธอสะดุดเล็กน้อย โลกที่สงบนิ่งมาเนิ่นนานเหมือนสั่นไหวอยู่ภายในใจ
[เรายังไม่ได้เซ็นใบหย่ากัน ก่อนที่พี่จะมีคนใหม่ต้องหย่ากับเราให้เรียบร้อยก่อน]
แววตาของนีนนีราไหวระริก สมเพชตัวเองเหลือทนที่ความหวังโผล่ขึ้นมาวูบหนึ่ง หญิงสาวด่าตัวเองที่กล้าหวังทั้งๆ ที่การหวังว่าเขาจะรักเธอเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้
"ถ้าอย่างนั้นก็นัดวันเวลาและสถานที่มาเลยค่ะ"
[วันพุธนี้ได้ไหม]
"ได้ค่ะ"
[ส่งที่อยู่มาแล้วกัน เดี๋ยวพี่ให้คนไปรับ]
"ไม่เป็นไรค่ะ นัดเจอที่ไหนก็แค่บอกพิกัด เดี๋ยวนีราไปเอง ไม่ต้องกลัวว่านีราจะเบี้ยวหรอกค่ะ"
[ก็หวังว่าเราจะไม่เบี้ยวก็แล้วกัน]
เขาพูดแล้วก็วางสายไปโดยที่ไม่เคยเอ่ยคำลาหรือว่าซักถามอะไรต่อ
หญิงสาวทรุดนั่งลงที่ปลายเตียง แววตาไหวระริกกล้ำกลืนความรู้สึกหลากหลายที่ท่วมท้นในอก หลังจากที่เขาขอแยกกันอยู่ พวกเธอยังไม่ได้หย่ากัน แต่นีนนีราแยกออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังนับตั้งแต่นั้นแล้วบอกผ่านผู้ช่วยเขาไปอย่างห้าวหาญว่าลองแยกกันอยู่ก็ดีเหมือนกัน
ตอนที่เธอก้าวออกมานั้นในใจลึกๆ ก็แอบคิดว่าต่อให้พวกเธอมีปัญหากันแค่ไหนก็อาจจะไม่ต้องจบที่การแยกทางก็ได้ เธอเดินออกมาและรอให้เขาเปลี่ยนใจ
แต่วันนี้เธอก็ได้รู้แล้วว่า เขายังคงต้องการแบบเดิม
สุดมือจะยื้อแล้ว ในเมื่อเขาอยากหย่า เธอก็จะหย่า