ตอนที่8
“มึงจะอารมณ์เสียใส่กูทำไมไอ้โชน”
“กูไม่ได้อารมณ์เสีย” เชนทร์หรี่ตามองน้องชายที่พูดกับเขาเสียงแข็งแต่มียังหน้าบอกว่าตัวเองปกติดี
“กูแค่จะบอกให้มึงอย่าแสดงออกว่าไม่ชอบณิชาได้มั้ย สงสารณิชา เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายมึงนะ”
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้น”
“ปล่อยวางเถอะเรื่องมันนานมากแล้วไอ้โชน แล้วก็หยุดอคติกับคนอื่นที่นิสัยแบบผู้หญิงคนนั้นซะ”
“มึงกำลังหลงกลยัยนั่นอยู่หรือเปล่า” เชนทร์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย สรุปว่ามันยังมีความคิดแบบเดิม
“มึงไม่ต้องคิดแทนกูหรอกว่ากูจะโดนณิชาหรือใครหลอก มึงใช้ชีวิตของมึงไปเถอะ” ชายหนุ่มเพียงเข้าใจว่าพี่ชายหลงณิชาหัวปักหัวปลำ เขาก็เผลอมองเชนทร์แววตาแข็งกร้าวโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมมองกูแบบนั้น”
“เปล่า กูเป็นของกูแบบนี้แหละ”
“เอาแต่ใจเหลือเกินนะมึง คงมีแค่ณิชาคนเดียวที่ไม่ด่ามึงน่ะ”
“กล้าก็ลองดูสิ” คนอารมณ์ร้ายเผลอมองไปที่เต็นท์นอนของณิชาก่อนจะชะงักกึกเพราะเขาก็กำลังถูกพี่ชายมองอยู่เช่นกัน
“กูไปนอนแล้วรำคาญมึงพูดมากว่ะ”
“เต็นท์มึงอยู่ติดกับของกูนะ ระวังจะเข้าผิด”
“เชี่ยอะไรของมึงวะเชนทร์”
.....
เช้าวันต่อมา...
ในขณะที่กำลังรวมตัวกันเพื่อเตรียมเดินทางกลับ ณิชาที่ปกติพูดน้อยอยู่แล้วยิ่งไม่พูดไปกันใหญ่ เธอเอาแต่ก้มหน้าเพราะกลัวเผลอสบตากับคนที่มุดเต็นท์เข้ามาเมื่อคืน และได้เกินเลยกันไปมาก เธอน่าจะจำมันไม่ได้ซะ
“ณิชา ไปขึ้นรถเร็ว” กวินนาดึงมอเธอให้ไปขึ้นรถที่โชนขับแต่หญิงสาวขืนตัวไว้ไม่ยอมไปตามแรงดึง
“แก้ม เราว่าจะไปนั่งกับเชนทร์อ่ะ” คำพูดของเธอทำให้อีกคนถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“เขาอยากจะไปนั่งกับคนของเขาก็ปล่อย ขึ้นรถได้แล้วแก้ม”
“โอเค” กวินนาลืมนึกเอะใจที่พูดประชดประชันใส่ณิชา เพราะปกติเขาก็ไม่ได้พูดดีด้วยอยู่แล้ว
.....
“ไอ้โชนมันนิสัยเสียเพราะตอนเด็กมันป่วยบ่อย ใครๆ ก็เลยพากันตามใจมันกันหมด” จู่ๆ เชนทร์ก็พูดขึ้นทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยอะไรกันมาก่อน
“ตอนเกิดมันก็เกือบไม่รอด”
“แสดงว่าเชนทร์แข็งแรงกว่าใช่มั้ย”
“ใช่ มันป่วยแต่ละครั้งก็จะเอาแต่ใจแล้วไม่มีใครกล้าขัด เลยติดเป็นสันดาน”
“ถึงว่าเป็นฝาแฝดกันแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันสุดขั้วเลย”
“แล้วชอบแบบเราหรือแบบโชนล่ะ” คนถามแกล้งถามอย่างไม่ใส่ใจแต่ลอบสังเกตว่าคนที่นั่งข้างๆ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจนถึงใบหู
“ร้อนหรอ ปรับแอร์ได้นะ”
“ป..เปล่า ไม่ได้ร้อน”
“หรอ เห็นหน้าแดงนึกว่าร้อน” เชนทร์แอบยกยิ้มเล็กๆ ทั้งเธอทั้งน้องชายของเขาก็มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
.....
“โชนปากนายเป็นอะไรทำไมมันเหมือนบวมๆ เลย” กวินนาที่นั่งข้างเขาหรี่ตามองมาที่เรียวปากของเขา จะไม่บวมได้ไงเมื่อคืนเขาจูบณิชาอย่างแรงทั้งที่แผลเก่ายังไม่หาย
“แปลกๆ นะ ณิชาก็ปากแตกเหมือนกัน ทำไมแตกกันอยู่สองคน” มินตราที่นั่งด้านหลังพูดขึ้นอย่างจับผิด คนมีความลับเริ่มกำพวงมาลัยแน่น ภาวนาให้สองคนนี้เงียบปากไปเสียที
“บังเอิญ อากาศเย็นทาลิปมันไม่ทัน ถ้าไม่ง่วงนอนก็มาขับเปลี่ยนกันเลยมา พูดแต่เรื่องไร้สาระ”
“ฉันอยากงีบอยู่พอดี”
“ฉันด้วย” สองสาวแกล้งคอพับทันทีที่เชาหาคนขับรถเปลี่ยน
.....
“จะไปทำงานอีกมั้ยเนี่ย นอนพักเถอะเดี๋ยวเราเคลียร์กับผู้จัดการให้เอง”
“ไม่ต้องหรอกเชนทร์ เราอยากไปทำงานมากกว่า”
“เหนื่อยก็พักนะ ขาดเหลืออะไรพวกเราพร้อมช่วยเธอเสมอ อย่าคิดว่าพวกเราเป็นคนอื่นสิ”
“ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เราจะบอกนะ ตอนนี้เรายังสบายมาก”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าเกรงใจกันเลยบางทีพวกเราก็อาจเผลอทำให้เธอไม่พอใจบ้าง แต่พวกเรารักเธอนะณิชา” ยกเว้นเขาคนนึง ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในใจของหญิงสาว
“ตอนนี้เรายังไหว ขอบคุณนะ”
เขานั่งมองณิชาเดินเข้าที่พักไปจนลับสายตาสักพักหนึ่งจึงยอมขับรถออกมา และแวะทำธุระนิกหน่อย แต่เมื่อขับมาถึงบ้านน้องชายนิสัยเสียของเขามันทำท่าเหมือนรอเขาอยู่อย่างนั้น
“รอกูหรอ”
“เปล่า ทำไมมึงนานมา” คนพี่เริ่มสับสนกับคำพูดของน้องชาย สรุปมันรอเขาหรือเปล่า
“ก็...กูมึงหายไปนานกูเป็นห่วง”
“หรอ?” สีหน้าของคนพี่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดของเขาแต่เขาไม่สนใจ เขาแค่อยากรู้ว่ามันทำไมถึงมาช้า
“ไม่ต้องห่วงกูมีความสุขดี” พูดจบก็ลากกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ปล่อยให้คนเอาแต่ใจคิดไปไกลอยู่คนเดียว
.....
จากที่เขาอ่านไลน์กลุ่มมาสักพักก็สรุปได้ว่าเพื่อนทุกคนต้องการพักผ่อนกันหมดยกเว้นอยู่คนนึงที่ยังออกไปทำงานที่นั่น แววตาคมฉายความร้ายกาจที่มีณิชาเพียงคนเดียวเคยเห็นมัน
เขาก็แค่อยากขับรถไปเรื่อย ๆ แต่อยากแวะกินเหล้าสักหน่อยจึงเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าผับที่พวกเขามากันเป็นประจำ
“ชั้นบนเต็มยัง”
“ยังค่ะ วันนี้ชั้นบนยังไม่มีลูกค้าจองเลยค่ะ”
“เปิดให้โต๊ะนึง”
“ได้ค่ะ”
เขานั่งชั้นบนเพียงคนเดียวเพราะวันนี้คนค่อนข้างน้อยมากจริงๆ และก็ไม่มีใครอยากมาเปิดโต๊ะนั่งชั้นนี้ด้วยเพราะมันแพง ผับนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาพวกเขาอยากมาสนุกมากกว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว ร่างสูงนั่งได้เพียงชั่วครู่คนที่เขาใจจดใจจ่อก็เป็นคนนำของขึ้นมาเสิร์ฟ เพราะไม่มีพนักงานคนไหนอยากขึ้นมาบนนี้เพราะเสี่ยงที่จะทำเหล้าราคาแพงหล่นแตก เธอจึงโดนเกี่ยงงานมาให้อย่างไม่กล้าปฏิเสธ
ชายหนุ่มมองคนที่วางขวดเหล้าบนโต๊ะที่เขานั่งนิ่งๆ เธอไม่แม้แต่จะทักทายเหมือนเวลาที่เจอกับพี่ชายของเขา
“ทำไมถึงไม่พัก”
“พักก็ไม่ได้เงิน”
“ไอ้เชนทร์มันให้ค่าตัวเธอไม่มากพอหรือไง” คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจที่เขาเอาแต่หาเรื่องมาต่อว่าเธอ แต่เมื่อหมดหน้าที่ของเธอแล้วจึงเดินลงไปทำงานที่ชั้นล่างต่อ โดยมีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่เธออยู่ตลอด
“เฮียตินน์สวัสดีค่ะ”
“อ้าว ณิชากลับมาแล้วหรอ เห็นแจนบอกว่าจะหยุดสามวันไง”
“วันนี้กลับมาทันเข้างานก็เลยมาค่ะ หนูร้อนเงินค่ะเฮียตินน์”
“จริงหรือเปล่า จะเอาเท่าไร” เจ้านายหนุ่มทำท่าจะหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์ให้เธอจริงๆ หญิงสาวจึงลืมตัวจับมือของเขาไว้ก่อนจะรีบผละออก
“หนูพูดเล่นค่ะเฮียตินน์”
“อ้าว เฮียก็นึกว่าพูดจริง” ชายหนุ่มแกล้งผลักศรีษะเธอเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว หญิงสาวหัวเราะร่าที่เจ้านายจะให้เงินเธอจริงๆ หารู้ไม่ว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาของคนที่มองมาอย่างดูถูกอยู่บนชั้นสอง
“เหอะ”