ตอนที่ 3.

1582 Words
“ป้าแสงแกขอติดไว้สองร้อย บอกว่าอาทิตย์หน้าจะรวบยอดมาจ่ายให้ งวดนี้แกเล่นหวยหนักไปหน่อย” “ขอบคุณค่ะพี่ปอนด์ อุตส่าห์ไปช่วยเก็บค่าแผงให้” มัสลินเอ่ยขอบคุณ แล้วยิ้มประจบ “เล็กน้อยน่า คนแถวนี้เขาสงสารมัสกันทั้งนั้น อะไรที่พอช่วยได้เขาก็ช่วยกัน อีกอย่างคุณยายก็มีบุญคุณกับพวกเขา สร้างตลาดให้ที่ทำมาหากิน แถมเก็บค่าเช่าไม่แพง” คุณยายฝ้ายคำเป็นที่รักและเคารพนับถือของแม่ค้าและคนในละแวกนี้มาก พลอยให้หลายคนนึกเอ็นดูมัสลินไปด้วย ต่างกับแพรพรรณที่ถูกคนเกลียดชังเพราะความเห็นแก่ตัว และไม่เคยช่วยเหลือใคร “มัสต้องกลับแล้วค่ะ สักสองทุ่มมัสจะแวะมาใหม่นะคะ” มัสลินมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง เห็นว่าเย็นมากแล้ว ใกล้เวลาที่เธอต้องกลับไปอาบน้ำป้อนข้าวป้อนยาคุณยาย “เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปรัชญ์ลุกขึ้นตาม “ไม่เป็นไรค่ะ มัสกลับเองได้ เดี๋ยวทำขนมเสร็จพี่ปอนด์ค่อยไปส่งมัส” “โอเค พี่จะไปอาบน้ำ แล้วจะลงมาเตรียมวัตถุดิบกับอุ่นเตาไว้ให้” “ขอบคุณค่ะ มัสไปก่อนนะคะ” มัสลินเดินออกจากร้านขนมมาด้วยท่าทางร่าเริง วันนี้สำหรับเธอแล้วมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายเรื่อง ได้ยอดขายขนมเพิ่ม ไม่ต้องเหนื่อยเก็บค่าแผงเอง แถมยังได้กินข้าวผัดอร่อยของโปรด สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยประโลมหัวใจดวงน้อยให้มีแรงลุกขึ้นสู้ต่อไป เธอไม่คาดหวังอะไรที่ใหญ่เกินตัว ขอมีความสุขกับปัจจุบันในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว แต่ความสุขเล็กน้อยที่เธอมีกำลังจะหมดไป เมื่อใครบางคนกำลังจับตามองร่างเล็กนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์ คนมองขับรถกระบะตามหลังมาห่างๆ หลังจากที่เขาพูดคุยหาข้อมูลจากแม่บ้านของนางแพรพรรณแล้ว ก็ขับรถออกมาปากซอย ได้เห็นหญิงสาวอยู่ที่ร้านขายขนม จึงจอดรถซุ่มดูอยู่จนกระทั่งเธอออกมาจากร้าน โดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีเดินออกมาส่งหน้าร้าน ทั้งสองยิ้มให้กัน พูดคุยกันท่าทางสนิทสนม คนมองระยะไกลแค่นยิ้มหยันเมื่อคิดว่าผู้หญิงสวยน่ารักคนนี้ ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกับดอกไม้แรกแย้ม แต่เป็นดอกไม้สีทองที่ถูกภมรไต่ตอมไปเสียแล้ว “หึ ไอ้ภานุฉันนึกว่าแกจะได้ของดี ที่แท้ก็ถูกว่าที่แม่ยายย้อมแมวขาย”   ///   มัสลินเดินถือถุงขนมไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน จนมาถึงหน้าประตูบ้านก็หยิบลูกกุญแจในกระเป๋ามาไขเปิดประตูแล้วปิดไว้ดังเดิม ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ไม่สังเกตว่ามีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดอยู่มุมหนึ่งของรั้วบ้าน “วันนี้กลับบ้านเร็วนะยายมัส” เสียงคุ้นหูของผู้เป็นป้าเอ่ยทักขึ้น “มัสเก็บค่าแผงเสร็จไว เลยรีบกลับมาทำกับข้าวให้คุณยายค่ะ นี่ค่ะเงินและสมุดบัญชีรายชื่อ” มัสลินยื่นซองเงินและสมุดบัญชีรายชื่อให้ผู้เป็นป้า หญิงสาวหรุบตามองพื้นไม่ได้สบตากับอีกฝ่าย ท่าทางดูหงอน่าสมเพชในสายตาคนมอง “ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” คนเป็นป้ารับเงินกับสมุดมาเก็บไว้ พลางเอ่ยถามขึ้นมา “ยี่สิบเอ็ดค่ะ” มัสลินตอบเสียงเบา ทำตัวลีบที่สุด ไม่ให้ผู้เป็นป้าอารมณ์เสีย หากเธอพูดมากหรือทำท่าเหมือนขัดใจท่าน อาจจะโดนด่าหรือใช้ไปทำงานหนักๆ หญิงสาวรู้รักษาตัวรอด จึงเจียมเนื้อเจียมตัวไม่มีปากเสียงเมื่ออยู่ต่อหน้า “อืม โตเป็นสาวแล้วนี่ ฉันได้ข่าวว่าแกกับลูกชายยายเปรมสนิทกันใช่ไหม” ศีรษะเล็กๆ รีบส่ายทันที “ไม่สนิทเท่าไหร่ค่ะ พี่ปอนด์เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน เราแค่รู้จักกันเฉยๆ” คำแก้ตัวนั้นทำให้คนเป็นป้าเบ้ปาก “ไม่สนิทก็ดีแล้ว ฉันไม่ชอบให้ใครมานินทา ว่าเลี้ยงหลานปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ไปมั่วกับผู้ชาย” ปากพูดแต่สายตาสำรวจไปทั่วร่างระหงของหลานสาว มัสลินผิวขาวผุดผ่องเหมือนไข่มุกตามเชื้อสายของบิดาที่เป็นชาวตะวันตก ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยถึงกลางหลัง เจ้าตัวรวบมัดไว้ง่ายๆ เผยให้เห็นหน้าผากมนและใบหน้ารูปไข่สวย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมีขนตาหนาเป็นแพ จมูกโด่งได้รูปกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออิ่มเต็ม ดูสุขภาพดี รูปร่างไม่ผอมแห้งแต่ก็ไม่อวบเกินไป สมส่วนกลมกลึงไปทั้งตัว รูปลักษณ์แบบนี้ถูกตาต้องใจผู้ชายนักแล ท่านเจ้าสัวโภคินได้เห็นรูปของมัสลินครั้งแรก ก็ตกลงใจยอมรับข้อเสนอของเธอกับสามี ยอมปลดหนี้ที่เธอกับสามีติดบ่อนพนันของท่าน แลกกับการยกมัสลินให้แต่งงานกับลูกชายคนเดียวของท่าน เธอกับสามีหลอกให้อีกฝ่ายคิดว่ามัสลินคือลูกสาวของพวกตน แค่รอเวลาส่งตัวยายเด็กกาฝากนี่ไปเข้าหอในวันแต่งงาน นอกจากปลดเปลื้องภาระหนี้สินได้แล้ว ยังกำจัดกาฝากของบ้านได้อีกทาง เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว “อาทิตย์หน้าฉันกับคุณสมเกียรติ จะไปดูเขาเตรียมงานแต่งยายป่าน ทางนั้นเขาต้องการคนดูแลเรื่องดอกไม้สดกับพวกอาหารไทย แกเก่งเรื่องพวกนี้ไปช่วยฉันด้วย” “ไปช่วยงานหรือคะ” มัสลินเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นป้า นึกแปลกใจ ที่อีกฝ่ายเรียกตัวเธอให้ไปช่วยงาน ปกติเวลามีงานเลี้ยงที่บ้านมักจะให้เธอขลุกอยู่ในครัว ไม่ยอมให้ออกมาเจอใคร แทบไม่มีใครรู้ว่ามัสลินเป็นลูกหลานบ้านนี้ เธอเองก็พอใจที่จะอยู่หลังบ้านทำงานครัว เป็นนางซินที่ไม่มีคนสนใจ “มัสต้องดูแลคุณยาย” มัสลินห่วงคนป่วย “ให้อาหมี่ดูแล ยายแววก็อยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วงหรอก ไปช่วยงานแค่ไม่กี่วันคุณแม่ท่านไม่เป็นอะไรหรอก” มัสลินนิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำเอาคนเป็นป้าเริ่มหงุดหงิด แต่แสร้งทำใจเย็นเดินเข้าไปแตะไหล่ “นึกว่าช่วยพี่ป่านเขานะลูก งานนี้พี่ป่านเขาเป็นเจ้าสาว เขาต้องเตรียมตัวหลายอย่าง มัสช่วยป้าดูแลเรื่องพวกนี้ พี่ป่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อย นะมัสช่วยป้าหน่อย” บทจะใช้งาน คำพูดหวานๆ ดีๆ ถึงจะหลุดออกมาจากปากของแพรพรรณ คนเป็นหลานแม้จะรู้ดีว่าป้าแกล้งพูด แต่ก็อดใจอ่อนไม่ได้ ยอมพยักหน้ารับในที่สุด “ค่ะ คุณป้า” “ดีมาก เตรียมตัวไว้นะ จัดกระเป๋าเสื้อผ้าข้าวของไว้ วันเดินทางจะได้ไม่ลืมอะไร ป้าจะไปพักแล้ว จะไปไหนก็ไป” เมื่อได้สมใจแพรพรรณก็โบกมือไล่หลานสาว แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนจัดการโทรหาเจ้าสัวโภคินทันที “เจ้าสัวคะ งานแต่งอาทิตย์หน้านี้ ทางดิฉันเตรียมตัวพร้อมแล้วนะคะ เราจะเดินทางไปถึงล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์ หวังว่าท่านจะเตรียมสินสอดทองหมั้นไว้รับขวัญสะใภ้แล้วนะคะ” “ลูกสาวคุณนายเต็มใจใช่ไหม” อีกฝ่ายเอ่ยถามออกมา “เต็มใจ เสียยิ่งกว่าเต็มใจค่ะ ยายหนูเขาเชื่อแม่ทุกอย่าง ลูกชายของท่านล่ะคะ เต็มใจแต่งงานกับยายหนูของดิฉันหรือเปล่า ฉันอยากเห็นลูกมีความสุขในชีวิตคู่นะคะ” แพรพรรณเล่นบทแม่ผู้รักลูกสาวสุดหัวใจได้อย่างแนบเนียน หากเธอยกลินินให้แต่งงานกับลูกชายเจ้าสัว เธอคงห่วงใยลูกสาวไม่น้อย ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายถูกบิดาบังคับให้แต่งงานแลกกับมรดก “ลูกชายผมเขาเชื่อฟังผมอยู่แล้ว ผมต้องการหลานมาสืบสกุล ถ้าลูกสาวคุณคลอดหลานชายให้ผมได้ ผมจะมีของรับขวัญให้อีกก้อนใหญ่” แพรพรรณตาโต นึกถึงเงินมหาศาลที่ท่านเจ้าสัวจะตอบแทนมา อนาคตเธอจะได้เงินอีกก้อนหากมัสลินคลอดหลานชายให้ท่านเจ้าสัว ถึงตอนนั้นท่านเจ้าสัวจะรู้ว่ามัสลินไม่ใช่ลูกสาวของเธอ ก็คงไม่เอาเรื่อง เพราะอีกฝ่ายต้องการทายาทสืบสกุล ได้สมใจเป็นอันสมปรารถนา ไม่น่าจะถือสาเรื่องที่เธอหลอกลวงไว้ “ดิฉันเชื่อมั่นค่ะ ว่าลูกสาวของดิฉัน จะทำให้ท่านสมหวัง” แพรพรรณวางสายไปด้วยความสุข ในหัวสมองวาดฝันถึงเงินก้อนโต โดยไม่สนใจว่ากำลังจะทำลายชีวิตของหลานสาวลงไป ขอเพียงแผนการที่วางไว้สำเร็จ เธอกับครอบครัวก็จะได้เงินก้อนใหญ่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างแดน ไม่ต้องรอมรดกที่ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ เมื่อมารดายังคงไม่มีทีท่าว่าสิ้นลมหายใจง่ายๆ แล้วพินัยกรรมที่ท่านทำไว้ มันอาจจะมีชื่อของมัสลินเป็นผู้รับมรดกร่วมด้วย เธอไม่เสี่ยงกับเจ้าหนี้รายอื่นที่รอเชือดคออยู่หรอก สู้รับเงินก้อนจากเจ้าสัวแล้วพาครอบครัวหนีไปเมืองนอกจะดีกว่า “หึ ยายมัส กาฝากอย่างแกมีค่าก็ตอนนี้แหละ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD