เสียงหัวเราะแผ่ว กับสองร่างที่เดินควงแขนกันมา เจ้าของบ้านเผชิญหน้ากับทั้งคู่ แล้วผายมือเชื้อเชิญให้นั่งตรงโซฟาหนังตรงหน้า สองร่างหย่อนกายลงอีกคนยิ้มกว้าง ส่วนอีกคนท่าทางราวกับมีอะไรบางอย่าง เนตรดาวช้อนสายตามองแล้วยิ้มกว้าง
“ว่าไงจ้ะสองคน อารมณ์ดีกันมาเชียวนะ มาแจกการ์ดใช่ไหมคะ”
อรนิสาสาวสวยหน้าเรียว หัวเราะร่าออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ใช่จ้ะ”
เนตรดาวเหลือบมองไปยังชายหนุ่มเรียกว่าเป็นพี่ชายคนสนิทของเธอก็ว่าได้ เห็นสีหน้าแววตามองมาราวกับมีเรื่องบางอย่าง
“ยินดีด้วยนะคะพี่ราม เนตรไปงานพี่กับยัยอรแน่นอนค่ะ” เธอยืนยันหนักแน่น
“ขอบคุณมากนะเนตร”
มือบางเอื้อมจับมือเพื่อนไว้
“อย่าดื้อให้มากล่ะ จะแต่งงานแล้วอีกหน่อยก็มีลูก ดูแลพี่ชายของเนตรให้ดีนะยัยอร”
“ได้เลยจ้ะ ไม่ต้องห่วง” อรนิสาตอบรับ แล้วยิ้มกว้าง
การ์ดถูกส่งมาให้ เนตรดาวรับมาแล้วมองมัน สีชมพูน่ามองเสียจริงเชียว ตัวเธอนี่สิเมื่อไหร่หนอจะได้มีวันแบบนี้บ้าง
“เนตรก็รีบแต่งล่ะ”
“จะแต่งได้ไงไม่มีใครขอเลย” เนตรดาวหัวเราะ
“แหม... ล้อกันเล่นหรือไงจ้ะเนตร เห็นพงษ์บอกว่าขอเนตรหลายครั้ง แต่เนตรบอกขอให้รอก่อนเพราะอยากช่วยงานพ่ออยู่”
เนตรดาวหัวเราะ ก่อนสบตาไปยังว่าที่เจ้าบ่าว แล้วยิ้มบาง ๆ ให้
“เนตรยังไม่รีบ แต่อรควรรีบน่ะดีแล้ว เพราะคนดี ๆ อย่างพี่รามหายากนะ” เธอแสร้งเย้า
อรนิสาเลยรีบควงแขนเจ้าบ่าวไว้แนบแน่น ราวเอนศีรษะซบไหล่
“ใช่จ้ะ คนดี ๆ อย่างพี่รามหายาก”
พิรามยิ้มเจือน แล้วตีหน้านิ่งเช่นเดิม ตอนนี้เหมือนมีก้อนบางอย่างกำลังจุกอก ความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยกำลังพุ่งเข้ามา ทำเอาแทบไม่อยากทำอะไร อาการผิดปกติเช่นนี้ แม้เธอเป็นคนนอกก็ยังสังเกตเห็น
“พี่ราม เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เนตรดาวเอ่ยถามสีหน้าเป็นห่วง
เขาฝืนยิ้ม “เปล่าครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“คงเหนื่อยน่ะ วิ่งวุ่นเรื่องงานแต่งแทบทุกวัน” อรนิสาอธิบาย
“พักผ่อนมาก ๆ นะคะพี่ เดี๋ยวไม่สบายเอา”
“ครับ” เขารับคำเสียงแผ่วเบา
เจ้าของร่างงามหยิบกระเป๋าสะพายบนบ่า แล้วลุกยืน เช่นเดียวกับว่าที่เจ้าบ่าว
“เราขอตัวก่อนนะเนตร ต้องไปแจกการ์ดที่อื่นต่อ”
“จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะ”
อรนิสามองคนรัก แล้วจับมือหนาเดินจูงกันมาตรงหน้าบ้าน โดยมีเจ้าของบ้านมายืนส่ง อรนิสาโบกมือลาแล้วขึ้นรถ ภาพพาหนะลับจากสายตา หญิงสาวเดินกลับเข้าสู่ด้านในบ้าน แล้วทรุดกายลงนั่งเสียงมือถือดังจึงหยิบมาหลุบตามองเบอร์หน้าจอก่อนกดรับสาย
“ค่ะพี่พงษ์”
“วันนี้ว่างไหมครับ พอดีพี่ประชุมเสร็จเร็วเลยอยากเจอเนตร”
“ว่างค่ะ เจอกันทีไหนดีคะ”
ปลายสายยิ้มกว้าง “ร้านโปรดของเนตรเลยครับ”
“ได้ค่ะพี่พงษ์” เธอตอบรับแล้ววางสาย
เนตรดาวมองมือถือตนแล้วยิ้มบาง ๆ ก่อนระบายลมหายใจ ความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นเข้ามาในอก เหมือนเธออ่อนไหวกับบางเรื่อง ที่ตนเองอาจไม่รู้สึก จนกระทั่งมันถึงเวลาที่ไม่อาจเก็บกดไว้ภายในได้ กระนั้นแล้ว เธอไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นอกจากยอมรับในโชคชะตา
รถยนต์จอดตรงลานกว้างในห้างสรรพสินค้า ร่างบางเปิดประตูลงมาสาวเท้าไปยังร้านโปรดของตนเอง เมื่อเปิดประตูเข้าไป เห็นแฟนหนุ่มโบกมือทักทาย เนตรดาวรีบเร่งฝีเท้าถึงโต๊ะแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหย่อนกายลงตรงข้าม
“รอนานไหมคะ” เธอถาม ขณะปลดกระเป๋าสะพายวางไว้บนโต๊ะ
“ไม่นานเลยครับ พี่ก็เพิ่งมาถึงเอง”
เนตรดาวอมยิ้ม เพราะแน่ใจว่าพี่พงษ์คงมารอเธอไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาทีแน่ ไม่เช่นนั้นพนักงานคงต้องนำเมนูมาให้แล้ว ดูท่าเขาคงสั่งอาหารที่เธอชื่อชอบไว้เรียบร้อยแล้ว
“สั่งอาหารหรือยังคะพี่พงษ์” คนสวยแสร้งถามทำเอาคนถูกถามหัวเราะแก้เก้อ
“สั่งเรียบร้อยแล้วครับ เนตรรู้ตลอดเลยนะครับ”
“รู้สิคะ ก็พี่พงษ์เป็นแบบนี้ตลอด”
ไม่นานนักอาหารสุดโปรดถูกนำมาเสริฟ์ เนตรดาวตักมันเข้าปากรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยจนชายหนุ่มอมยิ้มด้วยความดีใจ ที่แฟนสาวมีความสุขกับรสชาติอาหาร
“อร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ” เธอบอกขณะตักปลากะพงนึ่งมะนาวใส่จานตนเอง
“ครับ”
“พี่พงษ์ก็ทานเยอะ ๆ สิคะ พักนี้พี่พงษ์ดูซูบไปนะคะ” หญิงสาวร้องบอก แล้วตักยำวุ้นเส้นใส่จานเขาบ้าง
“ครับเนตร ขอบคุณครับ”
สองคนทานอาหาร แล้วพูดคุยเรื่องทั่วไป จนกระทั่งประตูร้านอาหารเปิดออก ภานุพงษ์ชะงักจ้องมองชายหญิงที่กำลังเดินเข้ามาภายในร้านท่าทางสนิทสนม เนตรดาวขมวดคิ้วจ้องมองด้วยความสงสัยเลยหันมองบ้าง เธอนิ่งงันสีหน้าเครียดขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กำลังจะแต่งงานอีกไม่กี่วันข้างหน้า กำลังมากับชายหนุ่มหน้าตาดี แถมยังจับมือถือแขนกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน
จังหวะนั้น คนถูกมองหันกลับมาสบตาเข้าพอดี จึงรีบปล่อยมือชายอีกคน แล้วฝืนยิ้มเดินเข้ามาหา
“อ้าวเนตร มาทานข้าวร้านนี้ด้วยเหรอ”
คนถูกทักทายกลืนน้ำลาย แล้วสูดลมหายใจ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“จ้ะ พี่พงษ์ชวนมาทาน”
อรนิสาอึกอักเล็กน้อย แล้วกวักมือเรียกรุ่นน้องที่ทำงานให้เดินเข้ามาหา
“นี่ดนัยภพ รุ่นน้องทำงานแผนกเดียวกันจ้ะ”
ดนัยภพยกมือไหว้ทั้งสอง เนตรดาวและภานุพงษ์รับไหว้
“ใกล้อิ่มหรือยัง จะได้นั่งด้วยเลย” อรนิสาถาม
“อิ่มแล้วน่ะอร กำลังจะกลับพอดีเลย” เนตรดาวตอบเพื่อน
“เสียดายแย่ นึกว่าจะได้นั่งเมาท์ด้วยกัน”
“เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะครับ” ภานุพงษ์สมทบ
“ค่ะพี่พงษ์”